บอสใหญ่ เบนซ์ โชว์ยอดจำหน่าย 14,484 คัน ปี60 ครองแชมป์17 ปีซ้อน พร้อมเสริมแกร่งแต่งตั้งผู้จำหน่าย AMG อย่างเป็นทางการ 11 แห่งทั่วประเทศ
บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เผยความสำเร็จของผลประกอบการปี 2560 ด้วยยอดจำหน่ายรวมรถยนต์สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 14,484 คัน ครองความเป็นผู้นำอันดับหนึ่งกลุ่มตลาดรถยนต์หรูระดับพรีเมี่ยมเป็นปีที่ 17 ติดต่อกัน พร้อมประกาศทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2561 ประเดิมไตรมาสแรกด้วยการเสริมแกร่งกลุ่มรถยนต์สมรรถนะสูง ผ่านการแต่งตั้งผู้จำหน่ายรถยนต์แบรนด์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีอย่างเป็นทางการกว่า 11 แห่งทั่วประเทศอีกทั้งเตรียมขนทัพยนตรกรรมรุ่นใหม่มากกว่า 10 รุ่น ครบครันในทุกเซ็กเมนต์ทั้ง Compact Car, Contemporary Luxury Sedan, Dream Car และ SUV มาร่วมสร้างสีสันให้กับตลาดรถยนต์หรูตลอดทั้งปี
มร.ไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส–เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในปี 2560 ถือเป็นอีกหนึ่งปีประวัติศาสตร์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ทั่วโลก ด้วยยอดจำหน่ายรถยนต์สูงถึง 2,289,344 คัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าคิดเป็น 9.9% (2559: 2,083,888 คัน) โดยความสำเร็จมาจากรถยนต์ตระกูล SUV ที่มียอดขายกว่า 800,000 คัน หรือเท่ากับ 14% ของจำนวนทั้งหมด นอกจากนี้ เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี ของแบรนด์ Mercedes-AMG ในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้แบรนด์นี้ได้สร้างสถิติใหม่ด้วยยอดขายสูงสุดเป็นครั้งแรก กว่า 130,000 คัน ซึ่งโตขึ้นกว่าปี 2016 ถึง 33% สำหรับในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ กว่า 875,250 คัน ได้ถูกส่งมอบให้แก่ลูกค้าในปีที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นถึง 19.2% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สำหรับในประเทศไทย บริษัทฯ ยังคงครองความเป็นผู้นำอันดับหนึ่งตลาดรถยนต์หรูเป็นปีที่ 17 ติดต่อกัน ด้วยยอดขายรวมรถยนต์สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 14,484 คัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 23% โดยมียอดขายในเดือนธันวาคมอยู่ที่ 1,764 คัน เติบโต 26% (ธันวาคม 2559: 1,401 คัน) และยอดขายในไตรมาสที่สี่อยู่ที่ 3,672 คัน”
“ปัจจัยความสำเร็จดังกล่าว มาจากการดำเนินธุรกิจภายใต้ความมุ่งมั่นที่จะมอบ “สิ่งที่ดีที่สุด” (The Best) ให้กับลูกค้าทั้งในวันนี้ และวันข้างหน้า ทั้งในด้านผลิตภัณฑ์ และบริการหลังการขาย ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอรถยนต์รวม 18 รุ่น ครบครันในทุกเซ็กเมนต์ ที่สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี พร้อมทั้งยังสร้างสีสันให้กับวงการรถหรู ด้วยการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของแบรนด์รถยนต์สปอร์ตสมรรถนะสูง Mercedes-AMG และแบรนด์รถยนต์หรูระดับอัลตร้าลักชัวรี Mercedes-Maybach รวมถึงแบรนด์เทคโนโลยี EQ – Electric Intelligence by Mercedes-Benz เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับกลุ่มลูกค้าของเรา ในขณะที่ด้านบริการหลังการขาย เราได้เพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าทุกท่านที่ซื้อรถยนต์จากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ด้วยการแนะนำบริการ 24-h Service Vito บริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อมอบความอุ่นใจไร้กังวลตลอดการเดินทางในทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทย”
“สำหรับทิศทางการดำเนินงานในปี 2561 บริษัทฯ ยังคงสานต่อกลยุทธ์ ‘The Best’ เพื่อมอบ ‘สิ่งที่ดีที่สุด’ ให้กับลูกค้าทั้งในวันนี้ และวันข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ จะยังคงให้ความสำคัญกับทั้ง 4 แบรนด์ที่ทำการตลาดอยู่ในประเทศไทย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุมมากที่สุด ในขณะที่ในด้านการให้บริการ เรายังคงเน้นขยายการให้บริการที่ครบวงจรมากขึ้น โดยประเดิมไตรมาสแรกด้วยการประกาศแต่งตั้งผู้จำหน่ายรถยนต์แบรนด์ Mercedes-AMG อย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกในประเทศไทย จำนวนทั้งสิ้น 11 แห่งทั่วประเทศ เพื่อรองรับการให้บริการลูกค้า Mercedes-AMG โดยเฉพาะ” มร.ไมเคิล กล่าวเพิ่มเติม
มร.ฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์ รองประธานบริหารฝ่ายขาย และการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส–เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในด้านผลิตภัณฑ์ เราได้เตรียมพร้อมนำยนตรกรรมที่ดีที่สุดมากกว่า 10 รุ่น ครอบคลุมทั้งกลุ่ม Compact Car, Contemporary Luxury Sedan, Dream Car และ SUV มาเปิดตัวในปีนี้ พร้อมเตรียมรุกตลาดรถยนต์สมรรถนะสูงอย่างเต็มที่ โดยมีแบรนด์ Mercedes-AMG เป็นแบรนด์ไฮไลท์ ซึ่งในไตรมาสแรกเราจะทำการเปิดตัวยนตรกรรมแบรนด์ Mercedes-AMG รุ่นใหม่ อย่าง C 43 Coupé LOCAL PRODUCTION รวมถึงเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าทุกท่านที่ซื้อรถยนต์กลุ่มนี้ ด้วยการเปิดตัวผู้แทนจำหน่ายรถยนต์แบรนด์ Mercedes-AMG อย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกในประเทศไทย”
“นอกจากนี้ ทางบริษัทฯ ยังได้วางแผนการดำเนินงานเพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ผู้นำอันดับหนึ่งด้านยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้า ภายใต้แบรนด์ EQ-Electric Intelligence by Mercedes-Benz ด้วยการขยายจุดติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (Charging Station) อีกกว่า 80 จุดภายในปีนี้ ซึ่งปัจจุบัน เมอร์เซเดส-เบนซ์มีสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าทั้งสิ้น 113 แห่ง ครอบคลุมทั้งผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการทั้ง 32 แห่งทั่วประเทศ โรงแรมพันธมิตร และศูนย์การค้าชั้นนำ อาทิ สยามเซ็นเตอร์, เซ็นทรัล เวิลด์, พาราไดซ์ พาร์ค”
“ในขณะที่ด้านการสื่อสารแบรนด์ บริษัทฯ จะสานต่อกลยุทธ์ “Best Customer Experience” ที่เจาะกลุ่มลูกค้าผู้หญิงโดยเฉพาะ ผ่านโกลบอลแพลทฟอร์ม ‘ชี’ส เมอร์เซเดส’ (She’s Mercedes) ด้วยการจัดกิจกรรมในหลากหลายรูปแบบตลอดทั้งปีเพื่อขยายเครือข่ายของผู้หญิง และสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงได้ค้นหาความเป็นตัวเองในแบบที่ดีที่สุด อีกทั้งกิจกรรมเพื่อบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM) โดยบริษัทฯ เตรียมมอบกิจกรรมสุดพิเศษที่จะสร้างประสบการณ์ชั้นเลิศเพื่อแทนคำขอบคุณแก่ลูกค้า และสมาชิก MercedesCard ทุกท่าน และในส่วนของกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) เรายังคงสานต่อการสนับสนุนด้านการศึกษากับโรงเรียนเยาววิทย์ จ.พังงา และสำหรับช่องทางการสื่อสาร บริษัทฯ ต้องการขยายกลุ่มเป้าหมายที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น ดังนั้นจะให้ความสำคัญกับช่องทางออนไลน์มากที่สุด เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกในการติดตาม ค้นหาข้อมูลข่าวสารจากทางแบรนด์ โดยในปัจจุบัน เมอร์เซเดส-เบนซ์ มียอดผู้ติดตามในเฟสบุ๊คกว่า 681,242 คน และในอินสตราแกรมกว่า 98,000 คน” มร.ฟรังค์ กล่าว
นายพุทธิ ตุลยธัญ รองประธานบริหารฝ่ายบริการหลังการขาย บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “สำหรับแผนการดำเนินงานด้านการบริการหลังการขายในปี 2561 เรายังคงให้ความสำคัญกับคุณภาพการให้บริการและความพึงพอใจของลูกค้าพร้อมมอบบริการในรูปแบบใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการและความสะดวกสบายของลูกค้าในหลากหลายรูปแบบเพื่อให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ ในปัจจุบัน ผ่านการนำเสนอทั้งในด้านสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้า ผ่านโปรแกรม My Privilege ที่ให้ลูกค้าสามารถเลือกบริการที่ตรงกับความต้องการของแต่ละท่าน(เฉพาะผู้จำหน่ายที่ร่วมโครงการ), การนัดหมายเข้ารับบริการล่วงหน้า ผ่านช่องทางออนไลน์ และกิจกรรม Service Clinic ที่วิศวกรผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทแม่ ณ ประเทศเยอรมนี ร่วมกับช่างเทคนิคที่ผ่านการรับรองจากผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการทำการจตรวจเช็คสภาพรถยนต์และร่วมให้คำปรึกษาแก่ลูกค้าทุกท่านโดยเฉพาะ โปรแกรมการให้บริการหลังการขาย อย่าง Mercedes-Benz Service Plus แพ็คเกจการบำรุงรักษารถยนต์และการขยายเวลาการรับประกันรถยนต์ ซึ่งครอบคลุมถึงเรื่องค่าใช้จ่ายของค่าอะไหล่ ค่าแรง รวมถึงงานซ่อมตามข้อกำหนดของการรับประกัน”
“ด้านผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการและศูนย์บริการอย่างเป็นทางการ มีการเพิ่มการรองรับและครอบคลุม จำนวนลูกค้ารถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ที่มากขึ้น ด้วยการเพิ่มจำนวนศูนย์บริการสีและตัวถังที่ผ่านการรับรองคุณภาพจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) รวมถึงความพร้อมในการให้บริการด้านอะไหล่แท้และอุปกรณ์ประดับรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ทางบริษัทฯ ได้แนะนำผลิตภัณฑ์อะไหล่แท้ REMAN ที่ผ่านกระบวนการ Remanufacturing และมีคุณภาพดีเทียบเท่าอะไหล่ใหม่ตามมาตรฐานของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายของค่าอะไหล่สูงสุดถึง 30% พร้อมระยะเวลารับประกันคุณภาพนานสองปี ด้านความพึงพอใจแก่ลูกค้า ด้วยการวัดค่าดัชนีความพึงพอใจของผู้บริโภค หรือ Customer Satisfaction Index (CSI) พร้อมมอบรางวัล Service Excellence Award ให้แก่ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการที่ได้รับคะแนนสูงสุดด้านความเป็นเลิศในการให้บริการหลังการขาย เพื่อเป็นเครื่องยืนยันถึงคุณภาพการให้บริการ และสุดท้ายในด้านการพัฒนาศักยภาพช่างเทคนิค ที่เราได้มีการฝึกอบรม เพื่อปรับปรุงทักษะด้านเทคนิคที่ทันสมัยอย่างสม่ำเสมอ ตามมาตรฐานการอบรมเดียวกันของเมอร์เซเดส-เบนซ์ทั่วโลก รวมถึงการสร้างช่างเทคนิครุ่นใหม่ๆ ผ่านโครงการ เยอรมัน–ไทยเพื่อความเป็นเลิศในการศึกษาทวิภาคี (GTDEE) ซึ่งนักเรียนที่จบการศึกษาในปีที่ผ่านมา ยังได้รับเกียรติเป็นนักเรียนรุ่นแรกของประเทศไทยที่ได้รับประกาศนียบัตรที่ส่งตรงมาจากหอการค้าเยอรมัน–ไทย ประเทศเยอรมนี อีกด้วย” คุณพุทธิ กล่าวปิดท้าย
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th