บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยกระดับศักยภาพนักศึกษา ด้านยานยนต์ไฟฟ้า
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ในฐานะหนึ่งในผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศ เดินหน้าส่งเสริมการพัฒนาทักษะด้านยานยนต์สมัยใหม่ โดยเฉพาะยานยนต์ไฟฟ้า ให้แก่นักศึกษาอาชีวะที่มีศักยภาพ ผ่านการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ
ซึ่งมีเป้าหมายในการดำเนินงานตามที่รัฐบาลได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 – 2580) เพื่อสร้างศักยภาพการแข่งขันในอุตสาหกรรมบริการขนส่งและโลจิสติกส์ โดยมุ่งเน้นที่การผลักดันการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งระบบไปสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า พร้อมทั้งพัฒนาบุคลากรที่มีทักษะความเชี่ยวชาญตรงกับความต้องการของอุตสาหกรรมยานยนต์
บันทึกข้อตกลงฉบับนี้ จึงเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในการผลิตและพัฒนาบุคลากรอาชีวศึกษา การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี นวัตกรรมด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า
มร. อเล็กซานเดอร์ บารากา ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “ด้วยพัฒนาการของนวัตกรรมยานยนต์และความนิยมที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องของยนตรกรรมไฟฟ้า บีเอ็มดับเบิลยู เล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านยานยนต์ไฟฟ้า
โดยเฉพาะ เพื่อสร้างอีโคซิสเต็มยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ซึ่งช่างเทคนิคผู้เชี่ยวชาญด้านยานยนต์ไฟฟ้าเป็นที่ต้องการเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีการขับเคลื่อนที่ใหม่สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เราจึงมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าเป็นส่วนหนึ่งของการก้าวสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย
ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมยานยนต์ จึงมีความมุ่งมั่นเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับความสามารถของบุคลากรอาชีวศึกษาไทย เพื่อสร้างรากฐานอันแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ รับกับความต้องการใช้งานยนตรกรรมไฟฟ้าในประเทศได้อย่างยั่งยืน ผ่านโครงการ BMW Service Apprentice Program และ German-Thai Dual Excellence Education Program ที่ดำเนินการมากว่า 11 ปี”
นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 บีเอ็มดับเบิลยู ร่วมกับหอการค้าเยอรมัน-ไทย และผู้จำหน่ายบีเอ็มดับเบิลยูอย่างเป็นทางการ ได้จัดทำโครงการ BMW Service Apprentice Program ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการการศึกษาระบบทวิภาคีเยอรมัน-ไทย (German-Thai Dual Excellence Education program – GTDEE)
เพื่อมอบทุนการศึกษาเต็มจำนวนและเบี้ยเลี้ยงตลอดระยะเวลาสองปีในโครงการให้กับนักศึกษาอาชีวะ พร้อมอบรมความรู้และฝึกฝนทักษะในสายงานด้านช่างเทคนิคให้แก่นักศึกษา ณ ศูนย์ฝึกอบรมของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย
นอกจากนี้ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 เป็นต้นมา นักศึกษาทุกคนที่เข้าร่วมและจบหลักสูตรสองปีในโครงการ BMW Service Apprentice Program จะได้รับการรับรองมาตรฐานตามหลักสูตรการศึกษาและฝึกอบรมระบบทวิภาคีในต่างประเทศในระดับ A จากหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งประเทศเยอรมนี (DIHK Quality Category A)
ซึ่งหลักสูตรการเรียนการสอนในระดับดังกล่าว จะเทียบเท่ากับหลักสูตรการฝึกอาชีพสาขาเมคคาทรอนิกส์ในรถยนต์ (Automotive Mechatronics) ของประเทศเยอรมนี โดยบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย นับเป็นองค์กรแรกในประเทศไทยที่ดำเนินการด้วยมาตรฐานในระดับ A สำหรับนักศึกษาทุกคนที่เข้าร่วมโปรแกรม โดยกว่า 74% ของนักเรียนทั้งหมดที่สำเร็จการศึกษาได้เข้าทำงานกับผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการของบีเอ็มดับเบิลยู
ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อให้สอดคล้องกับนวัตกรรมและความนิยมในยานยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้นในประเทศไทย นักศึกษาอาชีวะที่ผ่านการทดลองปฏิบัติงานในระหว่างที่เข้าร่วมโครงการ จะได้รับโอกาสในการฝึกงานกับช่างเทคนิคผู้เชี่ยวชาญของบีเอ็มดับเบิลยู ที่ได้ผ่านการอบรมประกาศนียบัตรช่างไฟฟ้าแรงดันสูง
ซึ่งประกอบไปด้วย 5 หลักสูตรเฉพาะทาง ได้แก่ หลักสูตรช่างยานยนต์ ช่างยานยนต์อาวุโส ช่างยานยนต์ขั้นสูง ช่างยานยนต์เฉพาะรุ่นรถยนต์ และช่างยานยนต์แรงดันไฟฟ้าสูง จึงมั่นใจได้ว่าจะสามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านยานยนต์ไฟฟ้าให้กับบุคลากรอาชีวศึกษารุ่นใหม่ได้อย่างดีเยี่ยม
ตลอดระยะเวลากว่า 11 ปี มีนักศึกษาจากสถาบันอาชีวศึกษาจาก 5 แห่ง ได้แก่ สถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา วิทยาลัยเทคโนโลยีดอนบอสโก วิทยาลัยเทคโนโลยีภาคตะวันออก (อี.เทค) วิทยาลัยการอาชีพบางแก้วฟ้า (หลวงพ่อเปิ่นอุปถัมภ์) และวิทยาลัยการอาชีพบ้านไผ่ โดยเข้าร่วมโครงการ BMW Service Apprentice Program แล้ว 11 รุ่น ทั้งหมด 247 คน
และสำหรับโครงการการศึกษาระบบทวิภาคีเยอรมัน-ไทย (German-Thai Dual Excellence Education Program) ซึ่งมีหลักสูตรประกาศนียบัตร 3 หลักสูตร มีนักศึกษาจากสถาบันเทคโนโลยีจิตรลดาและวิทยาลัยเทคนิคสัตหีบ เข้าร่วมแล้ว 8 รุ่น ทั้งหมด 107 คน รวมทั้งหมดจากสองโครงการ 354 คน โดยมุ่งสนับสนุนโอกาสทางการเรียนรู้ให้แก่นักศึกษาอาชีวะทั้งในด้านทฤษฎีและปฏิบัติ เดินหน้าสู่อนาคตแห่งการขับเคลื่อนอาชีวศึกษาไทยสู่แรงงานทักษะขั้นสูงเพื่อยกระดับศักยภาพภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยอย่างต่อเนื่อง
พร้อมผลักดันการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมยานยนต์สู่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ และส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรด้านยานยนต์ไฟฟ้าให้สามารถรองรับความต้องการของผู้ขับขี่ในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เรื่อง : ณัฐพล จีระมงคลกุล
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ได้ที่ www.grandprix.co.th
บีเอ็มดับเบิลยู เป็นสาขาของ BMW AG ประเทศเยอรมนี ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2541 ประกอบด้วยสี่บริษัท ได้แก่ บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านการขายและการตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านการผลิตรถยนต์และมอเตอร์ไซค์
ภายใต้แบรนด์ บีเอ็มดับเบิลยูและบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู ลิสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านบริการทางการเงินสำหรับผู้จำหน่ายรถยนต์และลูกค้าบุคคล และบริษัท บีเอ็มดับเบิลยู พาร์ทส์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด
รับผิดชอบด้านการผลิตชิ้นส่วนสำหรับการประกอบมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด สำหรับโรงงานบีเอ็มดับเบิลยู แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ณ จังหวัดระยอง
ในปี 2565 บีเอ็มดับเบิลยู ยังคงมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งด้วยสถิติยอดจดทะเบียนรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิจำนวน 15,010 คัน โดยแบ่งเป็นยอดจดทะเบียนรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูรวม 13,572 คัน และยอดจดทะเบียนรถยนต์มินิ 1,438 คัน ด้านบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ยังคงรักษาผลงานที่แข็งแกร่งไว้ได้ ด้วยยอดจดทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์ทั้งหมดรวม 1,293 คัน
ในด้านการผลิต โรงงานของบีเอ็มดับเบิลยู แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เป็นเครื่องสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของบีเอ็มดับเบิลยู ที่มีต่อตลาดในทวีปเอเชีย โดยเฉพาะตลาดประเทศไทย ว่าเป็นตลาดที่สามารถเติบโตได้อย่างมีนัยยะสำคัญ และด้วยความเป็นเอกลักษณ์ของสถานที่ตั้ง ฐานการผลิตที่แข็งแกร่ง และพนักงานผู้เชี่ยวชาญในด้านยนตรกรรม ทำให้บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนู
แฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางการประกอบยนตรกรรมของบีเอ็มดับเบิลยูในภูมิภาคอาเซียนที่ผ่านมานอกจากนี้ โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย มีการลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการขยายกระบวนการประกอบภายในโรงงานและเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้
สืบเนื่องจากการจัดซื้อชิ้นส่วนยานยนต์จากประเทศไทยในแต่ละปีเป็นจำนวนมากเพื่อป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตในประเทศและเพื่อส่งออก คิดเป็นมูลค่ากว่า 4 พันล้านบาทต่อปี บีเอ็มดับเบิลยูจึงจัดตั้งสำนักงานจัดหาชิ้นส่วนยานยนต์ขึ้นในประเทศไทยด้วย เพื่อจัดหาชิ้นส่วนยานยนต์จากซัพพลายเออร์ในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน เพื่อรองรับเครือข่ายการผลิตของบีเอ็มดับเบิลยูมากกว่า 30 แห่งทั่วโลก