ประกันรถเติมเงิน ขับตอนไหนจ่ายตอนนั้น!! ดีจริงหรือไม่
เชื่อว่าหลายท่านที่มีรถยนต์ คงจะมีปัญหาให้ชวนปวดหัวเรื่องเงินที่จะต้องเตรียมเมื่อคุณซื้อรถยนต์มา ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำมัน ค่าผ่อนรถ ค่าดูแลรักษารถ ที่จะต้องจ่ายเป็นประจำ และอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เราปวดหัวมากเวลาถึงกำหนดต่อจ่ายนั้นคือประกันภัยรถยนต์ เพราะมันไม่ใช่เงินน้อยๆเลยสำหรับคนที่เงินเดือนประมาณ 20,000-30,000 บาท แต่มันจำเป็นต้องจ่ายเพื่อความสบายใจ เวลาเกิดอุบัติเหตุมาจะได้ไม่ต้องเสียเงินจ่ายเอง
โดยปกติประกันรถยนต์ทั่วไปจะมีการประกันภัยประเภท 1 (ชั้น1) จะให้ความคุ้มครองมากที่สุด กล่าวคือ ครอบคลุมมากที่สุดนั่นเอง ความรับผิดต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของบุคคลภายนอก และผู้โดยสารในรถ ความรับผิดต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก ความรับผิดต่อความเสียหายของตัวรถยนต์คันเอาประกันภัย ความรับผิดต่อความสูญหายและไฟไหมของตัวรถยนต์คันเอาประกันภัย ประเภท 2 (ชั้น2) ผู้ทำประกันภัยประเภทนี้จะได้รับความคุ้มครองครอบคลุมถึง ความรับผิดต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของบุคคลภายนอก และผู้โดยสารในรถ ความรับผิดต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก ความรับผิดต่อความเสียหายของตัวรถยนต์คันเอาประกันภัย ประเภท 3 (ชั้น3) เป็นประเภทที่ให้ความคุ้มครองเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับบุคคลภายนอก ความรับผิดต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของบุคคลภายนอก และผู้โดยสารในรถ ความรับผิดชอบต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก หรือจะ ชั้น2+ ชั้น3+ ก็ตามแต่ ต่างกันไปตามเบี้ยประกันว่าคุ้มครองอะไรบ้าง
แต่ปัญหามันอยู่ที่มีบางคน ไม่ใช่ซิน่าจะหลายคนคิดว่าจ่ายเงินค่าประกันทุกปีๆ ปีละประมาณหมื่นปลายถึงสองหมื่น แต่ไม่ค่อยได้เครม หรือไม่บางคนก็ไม่ค่อยได้ใช้รถจอดไว้เฉยๆ จ่ายเงินไปไม่คุ้มเลย แต่ตอนนี้เค้ามีประกันแบบใหม่ออกมาใช้รถตอนไหนจ่ายประกันตอนนั้นตามจริง เปิดปิดได้ตามคุณต้องการ หรือที่เค้าเรียกว่าประกันรถเติมเงิน เรามาดูกันว่าประกันแบบนี้มันมีข้อดีข้อเสีย และคุ้มหรือไม่คุ้มหรือไม่อย่างไร
เรามาดูข้อดีของประกันรถประเภทนี้กัน ยกตัวอย่างประกันชั้น 1 ประกันทั่วไปถ้าซ่อมศูนย์จะอยู่ที่ประมาณ 14,500 – 25,000 บาท/ปี แต่ถ้าเป็นประกันแบบใหม่ข้อดีของมันคือค่าเบี้ยประกันน้อยกว่าทั่วไปถึง 30 % คือถ้าประกันแบบเติมเงิน 360 ชม./90วัน ซ่อมศูนย์นะ เบี้ย 3แสน-1ล้าน จะอยู่ที่ 2,500-4,250 บาท หรือจะทำ 1 ปีเฉลี่ยประมาณ 10,000-17,000 บาท ข้อดีของมันคือ จ่ายเบี้ยน้อยกว่าแต่คุ้มครองเท่ากัน เพียงแต่โหลดแอพพลิเคชั่น ก็สามารถใช้ได้เลย มีปุ่ม เปิด / ปิด การใช้งานง่ายมาก สามารถตั้งเวลาเปิดปิดได้อัตโนมัติ ในกรณีที่ไม่ได้ตั้งเวลา และเปิดไว้ติดต่อกัน นาน 6 ชม. ระบบจะแจ้งเตือนให้ด้วย มีปุ่มต่ออายุกรมธรรม์ สำหรับต่ออายุ หรือ เติมเงินสามารถทำผ่าน application ได้เลยและชำระเงิน ผ่านบัตรเครดิต, call center หรือ เคาน์เตอร์เซอร์วิส ,ขับเท่าไหร่จ่ายเท่านั้นเพียงเติมเงินเริ่มต้น 1,000 บาทสามารถคุ้มครองได้นานถึง 360 ชม. หรือ 90 วันแล้วแต่อย่างใดจะถึงก่อน ,ปุ่ม QR CODE สำหรับผู้ที่มายืมรถแล้วให้ผู้ยืมสแกนเพียงเท่านี้ก็สามารถเข้าสู่ระบบ และใช้งาน ประกันรถเติมเงินได้ทันที ไม่ขับก็ไม่ต้องจ่าย
สรุปข้อดีของประกันแบบเติมเงินคือ สะดวกสบายรวดเร็วทันใจ และจ่ายเงินน้อยกว่าประกันทั่วไป ใช้ตอนไหนจ่ายตอนนั้น คุ้มค่า แต่ข้อเสียมันคือถ้าเกิดเราจอดไว้แล้วปิดประกัน เกิดรถคันอื่นพุ่งมาชนซวยซิครับปิดประกันไว้ด้วย แถมยังต้องมาคอยปิด-เปิดมันอีก รู้แบบนี้แล้วก็ต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของแต่ละบุคคลนะครับว่าสะดวกใช้งานแบบไหน ศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อนะครับ
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th