ผู้ใช้รถไฟฟ้าในอเมริกาอาจเลือกเสียงของรถได้ในอนาคต
เมื่อพูดถึงอุปกรณ์เครื่องใช้ในชีวิตประจำวันที่มีเสียงต่างๆ ให้เลือกใช้ได้ตามความชอบ มักจะมีภาพของสมาร์ทโฟนลอยมาเป็นสิ่งแรก แต่ในอนาคตอเมริกันชนอาจคุ้นเคยกับเสียงที่แตกต่างกันของ รถไฟฟ้า แต่ละคัน เมื่อทางสำนักงานความปลอดภัยการจราจรบนทางหลวงของสหรัฐอเมริกาหรือ NHTSA ได้มีการเสนอเพื่อให้ผู้ผลิตรถยนต์มีหลากหลายตัวเลือกของเสียงสำหรับรถไฟฟ้าหรือรถอื่นที่ไร้เสียงให้เลือกได้ เพื่อบอกถึงการมาของรถต่อคนเดินถนน
เมื่อต้นปี 2018 หน่วยงานเพื่อความปลอดภัยทางถนนได้มีการสรุปกฏข้อบังคับที่ต้องการให้รถไฟฟ้าและรถไฮบริดมีการส่งเสียงออกมาเตือนคนเดินถนนถึงการที่รถกำลังเข้ามา และให้มีการผ่อนปรนได้จนถึงปี 2020 ซึ่งกฏที่ยืดระยะเวลาการบังคับใช้จนถึงปีหน้ากำหนดให้ผู้ผลิตรถยนต์อย่าง Tesla, Nissan และ GM ใส่เสียงเข้าไปในรถเมื่อมีการเคลื่อนที่จนถึงความเร็ว 30 กม./ชม. เพื่อช่วยป้องกันอันตรายต่อคนเดินถนน ผู้ขี่จักรยาน และคนตาบอด
อย่างไรก็ตามไม่นานมานี้ NHTSA ได้ตอบรับต่อการร้องขอจากผู้ผลิตรถยนต์ที่ยื่นขอให้มีการปรับข้อบังคับ โดยให้มีการยกเลิกข้อจำกัดเรื่องการมีเสียงเพียงเสียงเดียวต่อรุ่นรถยนต์ โดยทางหน่วยงานด้านความปลอดภัยบนถนนต้องการความคิดเห็นสาธารณะว่า “ควรมีข้อจำกัดเรื่องจำนวนเสียงเตือนที่ผู้ผลิตสามารถใส่ไว้ในรถยนต์หรือไม่ และควรจำกัดกี่เสียง”
NHTSA ต้องการให้มีการเตือนกับรถที่ไร้เสียงทั้งหมดตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2020 โดยมีความต้องการให้มีเสียง 50 เปอร์เซ็นต์ของรถตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน ขณะที่ในส่วนของผู้ผลิตรถยนต์เพื่อให้เข้ากับข้อกำหนดเรื่องมลพิษของรัฐแคลิฟอร์เนีย จะต้องมีการขายรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้ามากขึ้น ซึ่งรถเหล่านี้จะไม่มีเสียงให้ได้ยินเมื่อถูกขับที่ความเร็วต่ำเมื่อเทียบกับรถใช้เครื่องยนต์ปกติ ในขณะที่เมื่อใช้ความเร็วสูงขึ้นเสียงจากยาง การปะทะของลม และปัจจัยอื่นๆ จะช่วยลดความต้องการเสียงเตือนลงจากการระบุของผู้ออกกฏ
ในส่วนของรัฐบาลทรัมป์ได้มีการแช่แข็งกฏหมายยุคประธานาธิบดีคนก่อนโดยให้มีการตรวจดูข้อเรียกร้องจากบริษัทรถยนต์ ซึ่งทาง Nissan ได้แย้งว่าเสียงเตือนมีความจำเป็นต่อความเร็วไม่เกิน 20 กิโลเมตร/ชม. เท่านั้น
ทาง NHTSA ได้บอกว่าเมื่อปีที่แล้วคาดหวังว่าข้อสรุปเรื่องข้อบังคับจะช่วยป้องกันผู้บาดเจ็บได้ 2,400 รายในปี 2020 และต้องการให้มีการเพิ่มเสียงเตือนในรถประมาณ 530,000 คันในปี 2020 โดยทาง NHTSA บอกว่าข้อบังคับนี้จะเพิ่มค่าใช้จ่ายกับอุตสาหกรรมยานยนต์ประมาณ 40 ล้านดอลล่าร์ต่อปี แต่มีประโยน์ในการลดการบาดเจ็บซึ่งมีค่าใช้จ่ายประมาณ 250 ถึง 320 ล้านดอลล่าร์ต่อปี เนื่องจากทาง NHTSA ประเมินว่ารถไฮบริดมีส่วนร่วมในการชนคนเดินเท้ามากกว่ารถใช้เครื่องยนต์ปกติ 19 เปอร์เซ็นต์
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th