พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของชาวอเมริกันวัย Millennials โอกาสใหม่ของอุตสาหกรรมรถยนต์สหรัฐฯ
ก่อนหน้านี้อุตสาหกรรมรถยนต์ของสหรัฐฯ ต้องเผชิญข่าวบั่นทอนกำลังใจแบบรายวัน ทั้งการพัฒนาแอพลิเคชั่นให้บริการรถยนต์สาธารณะหลากหลายรูปแบบ, เทคโนโลยีไร้คนขับในรถแท็กซี่ และคำทำนายถึงช่วงเวลาแห่งการล่มสลายของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลก
แต่บทความของ Patti Waldmeir ในเว็บไซต์ Financial Times หนังสือพิมพ์ธุรกิจชั้นนำระดับโลก ได้นำเสนอมุมมองที่ตรงกันข้าม ด้วยการหยิบยกผลสำรวจ และความเห็นจากนักวิเคราะห์อุตสาหกรรมรถยนต์ที่สร้างความเชื่อมั่นว่าความฝันแบบ “American Dream” ที่จะต้องมีรถยนต์ดีๆ เป็นของตัวเองยังอยู่ในความคิดของหนุ่มสาวอเมริกันยุค Gen-Y (เกิดระหว่างปี 1980-2000) หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Millennials ที่กำลังเข้าสู่วัยทำงานหรือใกล้เรียนจบ ซึ่งเป็นลูกค้าหลักกลุ่มใหม่ของบริษัทรถยนต์
ความวิตกกังวลเริ่มต้นหลังจากมีเทคโนโลยีใหม่เกิดขึ้น โดยเฉพาะแอพลิเคชั่นเรียกรถยนต์ร่วมโดยสาร Car-sharing หรือ Ride-hailing ที่ได้รับความนิยมอย่าง Uber และอีกมากมายที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของกลุ่มคนหนุ่มสาวอเมริกันรุ่นใหม่ที่เติบโตมาภายใต้พฤติกรรมเศรษฐกิจแบ่งปัน (Sharing Economy) ทำให้ง่ายที่จะถูกปลูกฝังแนวคิดการใช้รถยนต์ร่วมกับผู้อื่นมากกว่าซื้อเป็นของตัวเอง ด้วยความเร่งรีบของการใช้ชีวิตในมหานครใหญ่ที่ทำให้การขับรถยนต์ส่วนตัว ตามมาด้วยค่าที่จอดราคาแพง และต้องเสียเวลาแบบเปล่าประโยชน์เพื่อฝ่าฟันการจราจรแทนที่จะใช้ตอบอีเมลงานหรือจัดการธุระอื่นๆ หากเดินทางด้วยการใช้แอพลิเคชั่น Ride-sharing ซึ่งมีค่าใช้จ่ายถูกกว่า
Michelle Krebs นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมรถยนต์ของ Auto Trader ให้ความเห็นด้วยการอ้างอิงจากผลสำรวจทัศนะคติชาวอเมริกันเกี่ยวกับการใช้บริการ Ride-sharing ที่จัดทำโดย Kelley Blue Book บริษัทลูกของพวกเขา “กลุ่มผู้ใช้บริการรถยนต์ Ride-sharing ที่มีจำนวนสูงสุดคือ — คนวัย Millennials ที่อาศัยอยู่ย่านใจกลางเมือง — แต่พวกเขามีความตั้งใจในระดับสูงที่จะซื้อรถเป็นของตัวเองเช่นกัน” ไม่แตกต่างจากคนใน Generation Z (เกิดตั้งแต่ปี 1995) ที่เป็นเด็กวัยรุ่นในตอนนี้ ประมาณ 92 เปอร์เซ็นต์ มีรถยนต์เป็นของตัวเองหรือวางแผนที่จะซื้อ ซึ่งนับเป็นสัญญาณที่ดีของบรรดาผู้ผลิตรถยนต์
แต่กำลังในการซื้อเป็นอีกปัจจัยสำคัญผลสำรวจของ Cox Automotive แสดงให้เห็นว่าเหตุผลหลักที่ชาวอเมริกันไม่มีรถยนต์ส่วนตัวเป็นเพราะรายได้น้อย ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสะดวกสบายของบริการ Ride-sharing แต่พอคนรุ่น Millennials แต่งงาน และเริ่มต้นสร้างครอบครัว พวกเขาจะเข้าสู่ช่วงที่มีรายได้สูงเร็วกว่าคนยุคก่อน รวมทั้งใช้เวลาตัดสินใจไม่มากนักในการซื้อรถยนต์ตามผลสำรวจ
สอดคล้องกับรายงานของ BCG บริษัทที่ปรึกษาธุรกิจในเมืองบอสตัน ออกมาคาดการณ์ว่าจนถึงปี 2021 การใช้รถยนต์ส่วนตัวเพื่อให้บริการสาธารณะจะส่งผลกระทบกับยอดขายรถยนต์ทั่วโลกไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ — คิดเป็นเพียง 0.3 เปอร์เซ็นต์ของยอดขายในแถบอเมริกาเหนือ โดยเนื้อหาส่วนหนึ่งในบทสรุประบุว่า “การใช้บริการรถยนต์ Ride-sharing มีการเติบโตที่รวดเร็ว และขยายสู่วงกว้างมากขึ้น แต่จะส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อยกับยอดขายรถยนต์ใหม่ ด้วยเหตุผลคือคนขับส่วนใหญ่ไม่อยากเสียสิทธิ์ในการครอบครองรถ และตัวเลขที่ลดลงของยอดขายรถยนต์ถูกชดเชยด้วยการซื้อแบบองค์กรจากบริษัทผู้ให้บริการ Ride-sharing”
Erich Merkle นักวิเคราะห์จากฝ่ายขายของ Ford ประเทศสหรัฐฯ แสดงความเห็นว่าสภาพการใช้งานของรถยนต์มีส่วนสำคัญเช่นกัน “ปัจจุบันอายุเฉลี่ยการใช้งานรถยนต์ในสหรัฐฯ อยู่ที่ 12 ปี หากเป็นกลุ่มคนที่นำรถยนต์มาให้บริการร่วมโดยสาร ระยะเวลาการใช้งานจะสั้นลง และจะมีรอบการเปลี่ยนรถใหม่เร็วขึ้น”
ทางด้าน Brian Collie หนึ่งในผู้ร่วมจัดทำรายงานของ BCG กล่าวว่า “ปัจจุบันเศรษฐกิจแบบแบ่งปัน เป็นแนวความคิดที่สมเหตุสมผลกับการใช้ชีวิตของผู้คนในเมืองใหญ่ที่ใช้รถยนต์เดินทางระยะสั้นๆ และสถานที่จอดรถมีจำกัด เป็นเรื่องที่ตรงกันข้ามกับผู้คนที่อาศัยแถบชานเมืองหรือพื้นที่ห่างไกล ซึ่งการขับรถยนต์เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด และหาที่จอดรถได้ง่าย ทำให้เป็นเรื่องยากที่บริการรถยนต์ร่วมโดยสารจะประสบความสำเร็จในพื้นที่นอกเขตธุรกิจ ในสหรัฐฯ ยังมีเมืองใหญ่อย่างแอตแลนต้า และฮุสตัน ที่ผู้คนใช้ชีวิตเหมือนอยู่แถบชานเมือง”
ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าพฤติกรรมของหนุ่มสาวอเมริกันวัย Millennials มองว่าการใช้บริการรถยนต์ร่วมโดยสารเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการเดินทางเท่านั้น และอาจถูกแทนที่ด้วยสิ่งที่ดีกว่าได้ตลอดเวลา ทำให้ต้องติดตามกันต่อไปว่า Ride-sharing, รถยนต์ไร้คนขับ หรือเทคโนโลยีใหม่แบบไหนที่จะสร้างความสั่นสะเทือนให้อุตสาหกรรมรถยนต์สหรัฐฯ ที่มีอายุยืนยาวมากว่า 1 ศตวรรษ แต่หากพูดถึงสถานการณ์ตอนนี้ยืนยันได้ว่าพวกเขายังอยู่ห่างไกลจากคำว่า ‘วิกฤต’
เรื่อง : พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณข้อมูล : Financial Times, Pixabay
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th