พาชม “เจษฎาเทคนิคมิวเซียม” พิพิธภัณฑ์ยานยนต์หลากสมัย 1 วันก็เที่ยวได้
เจษฎาเทคนิคมิวเซียม (Jesada technik museum) เป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับผู้ที่สนใจในยานยนต์หลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ รถจักรยานยนต์ เครื่องบิน หรือแม้แต่ยานยนต์รูปแบบแปลกๆ ที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ที่สำคัญคือ หากคุณมีเวลาว่างเพียงแค่ 1 วัน ก็สามารถเดินทางไปเที่ยวชมได้ เพราะอยู่แค่ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม แค่นี้เอง
สำหรับจุดกำเนิดของ เจษฎาเทคนิคมิวเซียม (Jesada technik museum) เกิดจากความรักและความสนใจในยานพาหนะทุกชนิดของ คุณเจษฎา เดชสกุลฤทธิ์ ตั้งแต่เด็กๆ และเมื่อมีโอกาสได้เดินทางไปต่างประเทศ โดยเฉพาะแถบยุโรปจะมีกิจกรรมที่คุณเจษฎาจะต้องทำเป็นประจำคือ การไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ยานยนต์ของแต่ละเมือง ถึงขนาดที่ความคิดที่ว่าเมืองไทยควรจะมีพิพิธภัณฑ์แบบนี้เอาไว้บ้าง จากนั้นเมื่อมีโอกาสจึงได้เริ่มสะสมรถโบราณคันแรกเมื่อ 20 กว่าปีก่อน โดยในช่วงแรกๆ นั้นเป็นการเสาะหารถจากภายในประเทศไทยเป็นหลัก
โดยรถโบราณคันแรกที่คุณเจษฎาได้รับมาจากต่างประเทศคือ รถไมโคร คาร์ (Micro Car) สัญชาติเยอรมนี จากผู้ผลิตชื่อ Messerschmitt รุ่น KR200 เป็นรถที่ผลิตในช่วงปี 1955-1964 ซึ่งผลิตเพียง 30,000 คัน เท่านั้น เป็นการได้รถมาจากการงานประมูลที่จัดขึ้นในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อ พ.ศ. 2542 และหลังจากนั้นจึงได้เริ่มเก็บสะสมรถโบราณและรถคลาสสิกจากต่างประเทศเรื่อยมา จนกระทั้งมีจำนวนมากขึ้นเป็นหลายร้อยคัน จึงได้เริ่มวางแผนเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อแบ่งปันให้ประชาชนทั่วไปและผู้ที่สนใจได้เรียนรู้ศึกษา ในช่วงปลายปี พ.ศ. 2549
Messerschmitt รุ่น KR200
สำหรับปณิธานของคุณเจษฎาในการก่อตั้ง “เจษฎาเทคนิคมิวเซียม” ต้องการให้เป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อสาธารณประโยชน์ ไม่หวังผลกำไร มุ่งหวังที่จะอนุรักษ์มรดกและประวัติศาสตร์ทางยานพาหนะและเครื่องจักรกลจากทั่วทุกมุมโลก มีวัตถุประสงค์ในการศึกษาเรียนรู้ เสริมสร้างทักษะ ประสบการณ์ และแรงบันดาลใจแก่นักเรียน นักศึกษา เยาวชน องค์กรภาครัฐ เอกชน และประชาชนทั่วไป
ส่วนรถที่เป็นไฮไลท์ถือว่ามีหลายคันมาก แต่ครั้งนี้ Grandprix Online ขอคัดเลือกคันที่แปลกและหาชมยากมาให้ดูกัน เริ่มต้นจาก Messerschmitt KR200 รถ Micro Car จากประเทศเยอรมนี รถคันนี้ผลิตในปี 1955-1964 มีเพียง 30,000 คัน เป็นรถประตูเดียว มีทั้งแบบ Coupe, Convertible และ Roadster ใช้เครื่องยนต์เล็กๆ ขนาด 191 ซีซี เท่านั้น เดิมทีบริษัท Messershmitt ผลิตเครื่องบินรถในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังจากสงครามจบจึงได้หันมาผลิตรถยนต์ขนาดเล็กแทน โดยใช้ชื่อรุ่นว่า KR200
Verolex Oskar
Verolex Oskar จากเชคโกสโลวาเกีย (เดิม) เป็นรถ Micro Car 3ล้อ มีรูปทรงแปลกๆ เป็นการผสานกันระหว่างโครงเต๊นท์และหมวกนักบิน ใช้ผ้าใบหุ้มรถทั้งคัน มีเครื่องยนต์ 3 ขนาด คือ 125 ซีซี, 250 ซีซี ที่เป็นเครื่องยนต์แบบกระบอกสูบเดียว และเครื่องยนต์ขนาด 250 ซีซี ที่เป็นแบบกระบอกสูบคู่ มีการผลิตออกมาเพียงแค่หมื่นกว่าคันแค่นั้น
Mini Comtesse
ยังคงอยู่กับรถในกลุ่ม Micro Car..ตามมาด้วย Mini Comtesse จากฝรั่งเศส รถคันนี้มีเครื่องยนต์ขนาดเล็กเพียง 47 ซีซี แต่เป็นรถที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะในช่วงปี 1970 กระแสความนิยมในรถ Micro Car ที่ฝรั่งเศสมีเพิ่มขึ้น ทำให้อุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ในท้องถิ่นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยบริษัท Acoma ผู้ผลิตรายใหญ่ในยุคนั้น ได้ผลิตรถ Micro Car ออกมาหลากหลายแนว และออกแบบให้ Mini Comtesse มีประตูที่ไม่เหมือนกัน 2 ด้าน ด้านหนึ่งเปิดแบบปีกนก ส่วนอีกด้านเปิดแบบปกติ เป็นรถที่มีการทรงตัวที่ดีเพราะมีล้อเล็กๆ ที่ขนาบข้างอยู่เพื่อช่วยในการพยุงตัวนั่นเอง
Velam
Velam รถ Micro Car จากฝรั่งเศส อีกหนึ่งคันที่ดูแปลกตา ผลิตในช่วงปี 1955-1959 มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อยเป็น 236 ซีซี เจ้า Velam คันนี้ อาจจะดูคล้ายๆ BMW Isetta เนื่องจากมีการซื้อลิขสิทธิ์มาจากบริษัท Iso ของอิตาลี ที่ผลิต Iso Isetta จนมีบริษัทรถยนต์หลายประเทศได้ซื้อลิขสิทธิ์ไปผลิตเป็นรถของตัวเอง และ Velam ถูกผลิตขึ้นเพียง 5,000 คัน แถมยังเคยปรากฎตัวในภาพยนต์เรื่อง Funny Face ในปี 1957 อีกด้วย
Trojan 200
Trojan 200 จากที่กล่าวไปข้างต้นว่ารถทรงนี้ถูกซื้อลิขสิทธิ์ไปหลายแห่ง รวมทั้งเจ้า Trojan 200 คันนี้ด้วย เพราะเป็นรถที่ผลิตจากสหราชอาณาจักร หรือประเทศอังกฤษ ในปี 1962 เครื่องยนต์ 4 จังหวะ ขนาด 200 ซีซี เป็นรถที่เรียกว่า Bubble Car ภายใต้ลิขสิทธิ์จากบริษัท Heinkel ประเทศเยอรมนี ประตูออกแบบให้เปิดจากด้านหน้าเหมือนกับ BMW Isetta แต่จะต่างกันตรงที่พวงมาลัยจะอยู่คงที่ไม่ได้ตามติดประตูขึ้นมาเหมือนกับ BMW Isetta ส่วนด้านท้ายรถออกแบบมาเพื่อให้สามารถเปิดเพื่อซ่อมบำรุงเครื่องยนต์ได้ง่ายขึ้น
Mini EL
Mini EL รถทรงอย่างกับจรวด จากประเทศเดนมาร์ก เครื่องยนต์ใหญ่ขนาด 400 ซีซี ปรากฎโฉมครั้งแรกในปี 1987 มีการออกแบบที่แบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนบนมีลักษณะเป็นฝาครอบทำจากไฟเบอร์กลาส ด้านบนถูกจัดวางด้วยแผงโซลาเซลเพื่อให้ได้รับแสงอาทิตย์ได้อย่างเต็มที่สำหรับแปรเป็นพลังงานไฟฟ้า และส่วนบนก็ยังเป็นประตูไปในตัวด้วย มีลักษณะการเปิดแบบการยกส่วนบนขึ้นทั้งชิ้น โดยมีโช้คแก็สทำหน้าที่รับน้ำหนักของส่วนบนเอาไว้ และส่วนล่างคือเบาะนั่งที่สามารถนั่งได้เพียงคนเดียวเท่านั้น
Mini Comtesses Break
ขอ Micro Car อีกสักคัน เพราะหาดูยากจริงๆ กับเจ้าคันนี้ Mini Comtesses Break จากฝรั่งเศส เครื่องยนต์ 50 ซีซี เป็นรถทรงกระป๋องสี่เหลี่ยมอย่างแท้จริง สร้างขึ้นโดยบริษัท Acoma Sarl ของฝรั่งเศส ยึดแม่แบบมาจาก Mini Comtesse ในปี 1974 แต่รุ่นนี้มี 4 ล้อ โดยสารได้ 2 คน และพื้นที่บรรทุกสิ่งของกว้างมาก ประตูกระจกด้านหลังกว้างเท่ากับความกว้างของตัวรถ รูปทรงตัวถังน่ารักจริงๆ
Subaru 360
ข้ามฝั่งจากยุโรปมาญี่ปุ่นกันบ้างกับ Subaru 360 รถยนต์ขนาดเล็กจากญี่ปุ่นคันนีมีเครื่องยนต์ขนาด 356 ซีซี ผลิตขึ้นในปี 1957-1971 พูดได้ว่าเป็นรถของประชาชนได้อย่างเต็มปาก เพราะผลิตขึ้นมาตามนโยบายของรัฐบาลญี่ปุ่นที่มีแนวความคิดว่าอยากจะมีรถยนต์ขนาดครอบครัวเล็กๆ และราคาไม่สูงมากนัก เพื่อให้ชาวญี่ปุ่นได้มีรถยนต์ใช้กันอย่างทั่วถึง ซึ่งบริษัท Fuji Heavy Industry ที่เป็นบริษัทแม่ของ Subaru ได้ทำการผลิตรุ่น 360 ออกมาเป็นรุ่นแรกในปี 1957 และได้รับความนิยมอย่างมากถึงขนาดที่ชาวญี่ปุ่นได้ให้ฉายาว่ามันคือ “เจ้าเต่าทอง” เพราะด้วยรูปทรงตัวถังที่เหมือนกับเต่าทองนั่นเอง
Toyota Publica
Toyota Publica เริ่มผลิตในปี 1961 ภายใต้คอนเซปต์รถยนต์แห่งชาติของกระทรวงการค้าระหว่างประเทศและอุตสาหกรรม ประเทศญี่ปุ่น ติดตั้งเครื่องยนต์ขนาด 697 ซีซี ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Citroen 2CV รถยนต์ฝรั่งเศสที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง ซึ่งคำว่า Publica มาจากคำว่า Public Car ในภาษาอังกฤษ แต่การออกเสียงของญี่ปุ่นไม่สามารถออกเสียงได้ตรงตัว จึงเพี้ยนเป็นคำว่า Paprika (ปาปริก้า) แทนซะอย่างนั้น
Amphicar Model 770
Amphicar Model 770 คันนี้สิแปลกจริงและเป็นรถสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกตัวจริง เป็นรถจากเยอรมนี ผลิตขึ้นในปี 1961-1968 เครื่องยนต์ขนาด 1,147 ซีซี เป็นรถสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกโบราณ แต่ทรวดทรงยังดูทันสมัย แถมยังใช้งานได้จริงอีกด้วย จะเห็นว่าการออกแบบจะดูเหมือนเรือที่ติดล้อ และมีใบพัดติดตั้งอยู่ท้ายรถ ซึ่งที่เจษฏาเทคนิคมิวเซียมมีอยู่ 3 คัน (หรือจะเรียกว่า 3 ลำก็ได้) จากจำนวนที่ผลิตในช่วง 8 ปี ที่มีไม่ถึง 4 พันคัน ถือว่าเป็นรถที่หายากมากๆ อีกคันหนึ่งเลยทีเดียว
DMC DeLorean
DMC DeLorean ถ้าไม่พูดถึงคันนี้ต้องบอกว่าไปไม่ถึง เจษฏาเทคนิคมิวเซียม เพราะถือเป็นไฮไลท์ที่โดดเด่นมาก โดยเฉพาะเรื่องของการออกแบบตัวถังที่ดูล้ำสมัยไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานสักกี่สิบปี เป็นรถเด่นที่มีอายุสั้นมาก คือ จากปี 1981-1983 เท่านั้น เจ้า Delorean DMC-12 รุ่นนี้ผลิตขึ้นมาเพียง 9000 คัน โดย Delorean Motor Company ซึ่งมี John Delorean เป็นผู้ก่อตั้ง เอกลักษณ์เฉพาะตัวของ DMC-12 คือ ประตู Gullwing ที่คล้ายกับตัว Mercedes 300 SL โครงสร้างตัวรถทำด้วยเหล็กกล้า ส่วนตัวถังทำด้วยสแตนเลสแบบไม่มีการลงสี จึงทำให้ไม่เคยเห็นรถรุ่นนี้มีสีอื่นๆ นอกจากสีบรอนซ์เงินเท่านั้น ออกแบบโดยดีไซเนอร์ชาวอิตาลี นามว่า Giorgetto Giugiaro จากสำนัก ITAL Design และสร้างชื่อเสียงโด่งดังจากภาพยนตร์เรื่อง Back to the Future ทั้ง 3 ภาค
เอาเป็นว่ายังมีรถยนต์อีกเพียบที่ยังรอการเข้าไปเยี่ยมชมของทุกคนนะครับ สำหรับ เจษฎาเทคนิคมิวเซียม (Jesada technik museum) ตั้งอยู่ที่ 100 หมู่ 2 ต.งิ้วราย อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม จัดแสดงยานพาหนะโบราณทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ เปิดให้เข้าเยี่ยมชมโดยไม่เก็บค่าใช้จ่ายใดๆ รวมทั้งมีกิจกรรมภายนอกพิพิธภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น กิจกรรมเฉลิมพระเกียรติและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย, กิจกรรมที่เป็นสาธารณประโยชน์, งานช่วยเหลือสังคมและส่งเสริมสนับสนุนการท่องเที่ยวของประเทศ เปิดให้เข้าชมทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์ ตั้งแต่เวลา 9.00-17.00 น. สามารถคลิ๊กดูรายละเอียดได้ที่ www.jesadatechnikmuseum.com แผนที่คลิ๊ก https://goo.gl/maps/pyw8uUUkneA2
Honda BEAT
Willam City
Checker Limousine
Jeepney
DKW Framo
Feat 600 VAN
Fiat 500
Citroen DS
เรื่อง/ภาพ: พุทธิ ผาสุข
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th