การขับรถเดินทางรอบโลกนับเป็นภารกิจอันยิ่งใหญ่ และยิ่งต้องขับรถฟอร์ด โมเดลที (Ford Model T) ด้วยแล้ว ยิ่งท้าทายมากขึ้นไปอีก แต่นี่คือสิ่งที่ เดิร์กและทรูดี้ เร็กเตอร์ (Dirk and Trudy Regter) คู่สามีภรรยาจากเนเธอร์แลนด์พยายามจะทำให้สำเร็จ

โดยสองสามีภรรยาผู้กล้าหาญคู่นี้ได้เดินทางไปราว 80,000 กิโลเมตร (50,000 ไมล์) และได้รับเงินบริจากจากผู้คนที่พบปะเพื่อนำไปช่วยเหลือโครงการต่างๆ มากมายที่จัดตั้งขึ้นภายใต้มูลนิธิเด็กเอส โอ เอส สากล (SOS Childern’s Villages)

คู่สามีภรรยาเร็กเตอร์เริ่มการเดินทางอันแสนยิ่งใหญ่นี้ในช่วงฤดูร้อนปี 2012 ทั้งคู่ออกเดินทางครั้งแรกด้วยระยะทาง 22,000 กิโลเมตร (14,000 ไมล์) ในเวลา 180 วัน โดยมีจุดเริ่มต้นที่เมืองอีดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ บ้านเกิดของพวกเขาและออกเดินทางสู่เมืองเคปทาวน์ในประเทศแอฟริกาใต้

ต่อมาในปี 2013 เดิร์กและทรูดี้ได้ออกเดินทางไปพิชิตประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดา โดยได้เดินทางข้าม 22 รัฐ ด้วยระยะทาง 28,000 กิโลเมตร (17,000 ไมล์) ภายใน 180 วัน และในปี 2014 พวกเขาได้เดินทางอีกครั้งด้วยระยะทาง 26,000 กิโลเมตร (16,000 ไมล์) ในแถบอเมริกาใต้ด้วยระยะเวลา 180 วันเช่นเดียวกัน

ระหว่างการเดินทางท่องโลกของทั้งคู่ มีเรื่องราวที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นขณะทั้งคู่ออกผจญภัยไปยังประเทศ

เบลเยี่ยมในปี 2014 รถฟอร์ด โมเดลที ถูกรถบรรทุกชนบนทางด่วน ทำให้รถได้รับความเสียหายอย่างมาก แต่โชคดีที่ทั้งสองรอดพ้นอันตรายจากอุบัติเหตุครั้งนั้นมาได้ แต่ทั้งคู่ยังคงวางแผนที่จะเดินทางต่อไปยังประเทศนิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย อินโดนีเซียและอินเดียและจะข้ามเทือกเขาหิมาลัยไปยังประเทศจีน มองโกเลีย และเดินทางกลับประเทศเนเธอร์แลนด์ผ่านเส้นทางแถบยุโรปกลาง ในปี 2016 นี้ และปีหน้า

Ford Model T รถยนต์ผู้พิชิตการเดินทางรอบโลก

การเดินทางรอบโลกด้วยรถฟอร์ด โมเดลที อายุร่วม 100 ปี ต้องอาศัยความทุ่มเทอย่างมาก แต่ด้วยความที่รถยนต์รุ่นสุดวินเทจนี่มีความแข็งแกร่งที่มาพร้อมการออกแบบที่เรียบง่ายจึงช่วยให้ขั้นตอนในการซ่อมบำรุงเป็นเรื่องง่าย

เดิร์กและทรูดี้ เร็กเตอร์ อยู่ในวัยเกษียณ ทั้งคู่มีรถยนต์ฟอร์ด โมเดลที รุ่นปี 1915 ไว้ในครอบครองมาตั้งแต่ปี 1997 ก่อนหน้านี้ เดิร์กยังเคยเป็นเจ้าของฟอร์ด โมเดลที รุ่นปี 1923 และฟอร์ด โมเดลเอ รุ่นปี 1928 ซึ่งความคลั่งไคล้ในรถยนต์ฟอร์ดสไตล์วินเทจตลอดช่วงชีวิตของเดิร์กนั้นได้รับอิทธิพลมาจากคุณพ่อและคุณปู่ของเขานั่นเอง

ฟอร์ดได้ผลิตรถยนต์รุ่นโมเดล ที จำนวน 15,000,000 คัน ระหว่างปี 1908-1927 โดยการผลิตเริ่มขึ้นที่ประเทศอเมริกาก่อนจะขยายไปทั่วโลก ซึ่งรวมถึงโรงงานประกอบรถยนต์ในประเทศเดนมาร์ก เยอรมนี ไอร์แลนด์ สเปนและสหราชอาณาจักร รถฟอร์ด โมเดลที รุ่นนี้ได้ช่วยให้คนทั่วโลกได้มีโอกาสครอบครองรถยนต์กันมากยิ่งขึ้น เพราะดึงดูดผู้คนในวงกว้างด้วยราคาที่เอื้อมถึงได้ ความทนทานและความง่ายต่อการดูแลรักษาด้วยอะไหล่ที่ได้มาตรฐานและสามารถสับเปลี่ยนกันได้

เดิร์กเล่าว่า “ระหว่างที่เดินทางในทวีปแอฟริกา เราต้องเชื่อมล้อด้านหน้าที่แตกที่ร้านช่างเหล็กพื้นเมือง และผมสามารถซ่อมมันได้เพียงใช้ไขควง ค้อน เทปผ้า ที่รัดยางรถและสายรัดเท่านั้น”

สำหรับรถฟอร์ด โมเดลที ของคู่สามีภรรยาเร็กเตอร์ มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 3.0 ลิตร ที่มีคุณสมบัติเฉพาะทางเทคนิคเหมือนกับรุ่นที่ผลิตจากโรงงานในปี 1915 ยกเว้นแต่ยางรถยนต์ขนาดใหญ่ขึ้นซึ่งนำมาใช้แทนล้อรถที่ทำจากไม้ เพื่อช่วยให้การเดินทางสะดวกสบายและทนทานระหว่างการเดินทางอันแสนยาวนานได้ดียิ่งขึ้น ล้อรถชุดหนึ่งสามารถใช้งานได้ประมาณ 15,000 กิโลเมตร (9,300 ไมล์) บนสภาพถนนปกติ แต่จะทนทานน้อยลงเมื่อต้องเผชิญกับถนนที่ขรุขระอย่างที่คู่สามีภรรยาเร็กเตอร์ต้องฝ่าฟันในทวีปแอฟริกาและอเมริกาใต้

เดิร์กได้กล่าวว่า “ช่วงแนวชายแดนประเทศแอฟริกาใต้และบอตสวานา เราได้พบกับชาวนาที่มีรถฟอร์ด โมเดลที ในโรงนา และเขาได้ถอดยางจากรถของเขาเพื่อมอบเป็นของขวัญและช่วยเหลือพวกเรา”

สองสามีภรรยา เล่าว่าช่วงเวลาสุดพิเศษระหว่างการเดินทางของพวกเขาคือ “วิวบนถนนทางหลวงหมายเลข 1 จากลอสแองเจลิสสู่ซานฟรานซิสโกนั้นสวยงามมาก ด้านหนึ่งห้อมล้อมด้วยเนินเขาสูงตระหง่าน ในขณะที่อีกด้านหนึ่งเปิดกว้างให้เห็นทิวทัศน์ของทะเลที่งดงาม มันสวยจนแทบจะหยุดหายใจเลยทีเดียว”

ส่วนหนทางต่อไปจะเป็นอย่างไรสามารถร่วมส่งกำลังใจให้เดิร์กและทรูดี้ในการกู้ชีพรถฟอร์ด โมเดลที ให้กลับมาพร้อมสำหรับการออกเดินทางอันยิ่งใหญ่อีกครั้ง รวมถึงรับชมเรื่องราวทั้งดีและร้ายระหว่างเดินทางอันน่ามหัศจรรย์ต่างๆ ของทั้งคู่ได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=hhwVjJvEjAs&feature=youtu.be

ขอขอบคุณภาพประกอบเพิ่มเติมจาก www.hotrodsandjalopies.blogspot.com

เรื่อง : พุทธิ ผาสุข

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th