ฟอร์ด อเมริกา ฉลองเริ่มผลิต Ranger-ประเดิมรง.ใหม่ 2.8 หมื่นล้านบาท

Ford ผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของสหรัฐฯ จัดงานฉลองใหญ่เปิดโรงงานที่ได้รับการอัพเกรดใหม่มูลค่า 850 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ (ราว 2.8 หมื่นล้านบาท) พร้อมเริ่มต้นเดินสายการผลิต “กระบะพันธุ์แกร่ง” Ranger เวอร์ชั่นที่จะขายให้ชาวอเมริกัน โดยเชื่อมั่นว่าจะเป็นการเปิดยุคใหม่อุตสาหกรรมรถยนต์ของประเทศอีกด้วย

ท่ามกลางพนักงาน 3,000 คนของโรงงานมิชิแกน แอสเซมบลีย์ แพลนต์ (Michigan Assembly Plant-MAP), ผู้บริหาร Ford และบุคคลสำคัญ เดินทางมาร่วมเป็นสักขีพยานของการคืนชีพโรงงานอายุกว่า 6 ทศวรรษที่เคยผ่านยุครุ่งเรือง และตกต่ำของอุตสาหกรรมยานยนต์สหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์ที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา รวมทั้งฉลองการกลับมาของรถกระบะ Ranger ที่ยุติการผลิตไปนานถึง 8 ปี โดยเตรียมออกลุยบนถนนแดนลุงแซมอีกครั้งในช่วงต้นปี 2019

อ่านข่าว: Ford ยืนยัน Ranger Raptor ไม่มาอเมริกา

All-new Ranger ถูกออกแบบให้เป็นรถกระบะขนาดกลางเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าชาวอเมริกันยุคใหม่ที่ผสมผสานการใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ และพร้อมออกผจญภัยตลอดเวลา โดยจะใช้โครงสร้างตัวถังผลิตจากเหล็กคุณภาพสูงเพื่อรองรับความแรงของเครื่องยนต์ EcoBoost 2.3 ลิตร ติดตั้งเกียร์อัตโนมัติแบบ 10 จังหวะ รวมถึงระบบช่วยเหลือการขับขี่, ระบบเชื่อมต่ออุปกรณ์สื่อสาร และระบบเชื่อมต่อเพื่อลากจูงที่ดีที่สุดในเซกเม้นต์กระบะขนาดกลางเลยทีเดียว

“บรรดาแฟนรถกระบะ Ford เรียกร้องให้มีการสร้างกระบะขนาดกลางภายใต้นิยามของคำว่า ‘Built Ford Tough’ และสิ่งที่เรามอบให้พวกเขาคือ All-new Ranger ที่ได้รับการดีไซน์ และกระบวนการทางวิศวกรรมเพื่อลูกค้ารถกระบะชาวอเมริกัน” Joe Hinrichs ประธานฝ่ายปฏิบัติการณ์ระดับโลกของ Ford ให้ความเห็นระหว่างร่วมงานฉลอง “ในเวลาเดียวกัน เราทำการฟื้นฟูโรงงานมิชิแกน แอสเซมบลีย์ แพลนต์ และรับประกันค่าแรงที่น่าพอใจสำหรับลูกจ้างรายชั่วโมงสำหรับการจ้างงานในสหรัฐฯ”

มิชิแกน แอสเซมบลีย์ แพลนต์ เป็นโรงงานที่มีพื้นที่กว่า 369 เอเคอร์ (ประมาณ 933 ไร่) ตั้งอยู่ในย่านเวย์น ทางตะวันตกของเมืองดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน เปิดดำเนินงานครั้งแรกเมื่อปี 1957 เพื่อผลิตรถสเตชั่นแวกอนของ Ford ก่อนจะได้รับการปรับปรุงครั้งใหญ่ด้วยงบประมาณ 850 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ เพื่อเป็นฐานการผลิต All-new Ranger รวมถึงเอสยูวีระดับตำนาน Ford Bronco เจเนอเรชั่นใหม่ที่มีแผนจะเริ่มต้นผลิตในช่วงปี 2020