ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ตะลุยลาวใต้ บันทึกความทรงจำที่ไม่รู้ลืม
ฟอร์ด ประเทศไทย ถือว่าเป็นค่ายรถเพียงค่ายเดียวที่จัดทริปให้ลุยกันแบบสุดๆ ได้ใช้ระบบทุกอย่างและใช้สมรรถนะได้เต็มที่ และสร้างประสบการณ์การเดินทางที่ประทับใจมากที่สุดตลอดทั้งปี 2560 ที่ผ่านมา ซึ่งปิดท้ายปีด้วยทริปสุดพิเศษกับกิจกรรม “Extraordinary Adventure” ที่ขับฟอร์ด เอเวอเรสต์ (Ford Everest) จากอุบลราชธานีข้ามแดนไปสัมผัสมนต์เสน่ห์ของลาวใต้ที่มีธรรมชาติสุดอันซีนแห่งหนึ่งของโลก
โดยการเดินทางในครั้งนี้นอกจากจะมีสื่อมวลชนสายยานยนต์แล้ว ยังมีกลุ่มบล็อคเกอร์และลูกค้าจาก Everest Club Thailand มาร่วมคาราวานกันอีกด้วย กลายเป็นทริปที่นอกจากจะเพลินกับบรรยากาศแล้วยังได้เพื่อนใหม่เพิ่มอีกต่างหาก
จุดเริ่มต้นการเดินทางเริ่มต้นหลังจากลงเครื่องนกแอร์ที่สนามบินอุบลราชธานี กระโดดขึ้นรถฟอร์ด เอเวอเรสต์ ที่จอดรออยู่ถึง 15 คัน แถมบางคันยังติดตั้งเต้นท์สนามบนหลังคารถของ MaxXEquip เอาไว้อีกด้วย เมื่อทุกคนประจำรถพร้อมก็เริ่มออกเดินทางเข้าสู่เมืองปากเซ ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองช่องเม็ก แล้วขับรถกันยาวๆ ฝ่ากลุ่มฝุ่นควันจากดินลูกรังที่ฟุ้งกระจายจนต้องเปิดไฟตัดหมอกเพื่อช่วยในการมองเห็นรถคันข้างหน้า เพราะฝุ่นหนามากขนาดที่ระยะห่างแค่ 1 คันรถก็มองแทบไม่เห็นรถคันหน้า ต้องทิ้งระยะห่างค่อนข้างมากเพื่อความปลอดภัยของคาราวาน แถมยังต้องขับฝ่าลำธารอีก 4 แห่ง แต่ละแห่งมีความลึกที่ต่างกัน แต่ด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และโหมดการขับที่มีให้เลือกทุกสถานการณ์ทำให้การขับผ่าลำธารลึกๆ เป็นเรื่องที่ไม่ยาก เพียงแต่ต้องเรียนรู้วิธีการใช้งานโหมดการขับต่างๆ ให้ถูกต้องซะก่อน ไม่อย่างนั้นเครื่องยนต์และเกียร์จะทำงานหนักมาก จนอาจทำให้เครื่องน็อคได้เช่นกัน
สำหรับ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ มาพร้อมกับขุมพลังดีเซลดูราทอร์ค ทีดีซีไอ วีจี เทอร์โบ (Duratorq TDCi VG Turbo) ขนาด 3.2 ลิตร แบบ 5 สูบ ซึ่งให้กำลังสูงสุดถึง 200 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดถึง 470 นิวตันเมตร ที่มาพร้อมระบบการขับเคลื่อน 4 ล้อ อัจฉริยะ Terrain Management (i4WD with Terrain Management System – i4WD TMS) ซึ่งผู้ขับขี่สามารถปรับโหมดการขับเคลื่อนให้เหมาะสมกับสภาพถนน ไม่ว่าจะเป็นการขับลุยโคลน พื้นทราย หินกรวด รวมถึงการลุยน้ำข้ามลำธาร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขับเคลื่อนให้ดียิ่งขึ้นโดยเฉพาะบนพื้นผิวถนนที่ลื่นและขรุขระ ด้วยระบบล็อคเฟืองท้ายแบบ Electronic Locking Rear Differential (LRD) ประกอบกับความสูงจากพื้นรถถึง 225 มิลลิเมตร ซึ่งถือว่าสูงที่สุดเมื่อเทียบกับรถยนต์ระดับเดียวกัน และความสามารถในการลุยน้ำที่ความลึกสูงสุดที่ 800 มิลลิเมตร หรือ 80 เซนติเมตร นั่นเอง
น้ำตกแซปองไล
โดยจุดหมายแรกของทริปนี้คือ น้ำตกแซปองไล ที่แขวงอัตตะปือ (Attapue) ติดกับแขวงจำปาศัก เป็นน้ำตกมหัศจรรย์แห่งลาวใต้ที่ซ่อนตัวอยู่กลางดงพงไพร เกิดจากการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลกที่ดันให้ชั้นหินสูงขึ้นเป็นหน้าผาน้ำตกที่สูงชัน และสวยงามอลังการมากๆ
เมื่อซึมซับบรรยากาศ สัมผัสแสงแดดยามเย็นและอุณหภูมิที่เริ่มต่ำลง ดวงอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า ได้เวลาเดินทางย้อนลงมาตั้งแคมป์ริมลำธาร ทานอาหารปิ้งย่างให้เข้ากับบรรยากาศ เฮฮาสังสรรค์กันพอเป็นพิธีแล้วเข้านอนในเต้นท์ที่กางเตรียมเอาไว้ เป็นการนอนหลับที่สบายกลางป่าของลาวใต้ที่อากาศบริสุทธิ์จริงๆ
น้ำตกแซพระ
เช้าวันใหม่ วันที่สองของการเดินทาง คาราวานพร้อมเดินทางสู่แหล่งอันซีนแห่งที่สองคือ น้ำตกแซพระ ซึ่งเป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงและความสวยงามไม่น้อยไปกว่าน้ำตกแซปองไล แถมยังอยู่ไม่ไกลกันอีกด้วย ขับรถไม่ถึง 10 นาทีก็ไปถึงแล้ว เสียงของน้ำที่ตกกระทบยังผืนน้ำเบื้องล่าง สายลมเย็นๆ ที่สัมผัสผิวหน้า และเสียงของเหล่าวิหกน้อยๆ ทำให้เช้าวันนี้มีความสุขสุดๆ
จากนั้นจึงเดินทางไปมอบอุปกรณ์การเรียน การสอน อุปกรณ์กีฬาและของใช้ที่จำเป็นให้กับนักเรียนที่โรงเรียนสมบูนไชย ดอนโขง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กนักเรียนในพื้นที่ แววตาของเด็กๆ ที่ได้เห็นพี่ๆ น้าๆ เอาของมาแจกให้ แสดงออกถึงความสุขและความสนุกสนานที่ได้รับ อย่างนี้ล่ะที่เรียกว่าการให้คือความสุขที่ไม่สิ้นสุด
ถึงเวลาเดินทางกันต่อ ขับฝ่ากลุ่มฝุ่นควันกันเหมือนเดิม ระหว่างทางยังได้ขับผ่านไร่กาแฟที่ชุมชนส่วนใหญ่ทำอาชีพปลูกกาแฟ เพราะด้วยพื้นที่แถบนั้นคือที่ราบสูงโบโลเวน มีสภาพอากาศที่เหมาะกับการปลูกกาแฟเป็นอย่างมาก คาราวานฟอร์ด เอเวอเรสต์ ยังได้ตื้นเต้นกันเป็นระยะๆ เมื่อขับผ่านชุมชนที่นอกจากจะต้องใช้ความเร็วต่ำเพื่อความปลอดภัยแล้ว ยังต้องระวังเจ้าหมูน้อยที่คอยวิ่งตัดหน้ารถกันตลอดทางอีกด้วย ใช่แล้ว “หมู” อ่านไม่ผิด เท่าที่เห็นรู้สึกว่าจะพบเจ้าน้องหมูมากกว่าน้องหมาซะอีกนะเนี่ย และจุดหมายต่อไปคือ น้ำตกตาดฟาน ที่แห่งนี้ต้องบอกว่ามหัศจรรย์จนต้องต้องว้าว!! แถมยังสร้างความเสียวได้แบบขนลุกกับกิจกรรม ZipLine ที่ท้าทายความกล้าของเหล่านักท่องเที่ยวจากต่างแดนอีกด้วย งานนี้ต้องลอง!
น้ำตกตาดฟาน
โหนตัวบนความสูง 100 เมตร กับกิจกรรม ZipLine
สำหรับที่น้ำตกตาดฟานเป็นน้ำตกที่สูงใหญ่ มีสายน้ำสองสายที่ไหลมาบรรจบกันแล้วไหลลงสู่หน้าผาสูง..ที่สูงกว่า 100 เมตร ท่ามกลางแมกไม้สีเขียวชะอุ่ม แสงแดดอุ่นๆ ลมหนาวที่พัดผ่านทิวเขา ซึ่งที่แห่งนี้อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดงหัวสาวบนที่ราบสูงโบโลเวน เมืองจำปาสัก ทั้งยังเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์และเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าสายพันธุ์อนุรักษ์อีกหลายสายพันธุ์ ทั้งเสือดาว เสือโคร่ง ช้างป่า ลิงและนกอีกกว่า 300 สายพันธุ์ เป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์จริงๆ เพราะเมื่อได้ลงเล่นกิจกรรม ZipLine (ซิปไลน์) หรือการโหนสลิงข้ามหุบเขา จะเห็นว่ามองไปไกลๆ ก็จะเห็นแต่สีเขียวของพรรณไม้เต็มไปหมด ยิ่งถ้ามองลงไปข้างล่างยิ่งสร้างความเสียวได้แบบสุดๆ เพราะสูงเหลือเกิน เป็นความท้าทายแบบเอ็กซ์ตรีมจริงๆ และไม่ใช่แค่โหนเส้นเดียว ZipLine ที่นี่มีทั้งหมด 5 เส้น! และก่อนจะโหนเส้นสุดท้ายต้องเดินขึ้นเขาไปถึงจุดสูงสุดแล้วโหนตัวลงมาอีก หากพูดถึงความหวาดเสียวของความสูงแล้วถือว่าเสียวสุดๆ แต่การเดินขึ้นเขาไปถึงจุดสูงสุดเพื่อโหนตัวลงมา ทั้งที่อยู่บนที่ราบสูงอากาศน้อยอยู่แล้ว การเดินขึ้นจุดโหนที่ห่างไปแค่ร้อยกว่าก้าวก็ทำให้ผู้ชายแมนๆ ต้องหอบแฮกๆ ได้เหมือนกัน คิดแล้วขาสั่นกันเลยทีเดียว
จากนั้นไปเยี่ยมชมวิถีชีวิตของชนเผ่า “ตะโอย” ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย มีจารีตประเพณีที่เคร่งครัดและมีวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ชาวบ้านส่วนใหญ่นิยมปลูกกาแฟ ไม้ผลต่างๆ ปลูกไม้อุตสาหกรรม เลี้ยงสัตว์ รวมถึงผลิตงานหัตถกรรมและทอผ้าที่ได้รับความนิยมมากในเวียงจันทน์
ปราสาทหินวัดพู
และวันสุดท้ายก่อนเดินทางกลับอุบลราชธานี ประเทศไทย มีสถานที่แห่งสุดท้ายที่จะต้องไปเที่ยวชม นั่นคือ ปราสาทหินวัดพูหรือที่ชาวลาวเรียกว่า ภูเกล้า เป็นโบราณสถานที่สำคัญของ สปป.ลาว ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์กรยูเนสโก (UNESCO) ให้เป็นมรดกโลกในปี 2544 ซึ่งปราสาทหินวัดภูมีอายุมากกว่า 1,000 ปี มีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบเขมร สร้างขึ้นจากหินทรายและอิฐ เป็นสถานที่เรียกว่าเป็นเทวสถานศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังเป็นแหล่งอารยธรรมโบราณ 3 ยุค คือ อาณาจักรเจนละ, อาณาจักรของ และอาณาจักรล้านช้าง นั่นเอง
การเดินทางด้วยฟอร์ด เอเวอเรสต์ ในกิจกรรม Ford Everest Extraordinary Adventure มายังลาวใต้ในครั้งนี้ นอกจากจะทำให้มั่นใจกับสมรรถนะของฟอร์ด เอเวอเรสต์ ที่ถูกสร้างขึ้นมาเป็นที่หนึ่งแล้ว ยังได้เรียนรู้การใช้งานโหมดการขับขี่และระบบอัจฉริยะต่างๆ ที่จัดเต็มมาให้ใช้งานทั้งในเมืองและนอกเมือง รวมถึงใช้งานกันแบบลุยๆ ได้อย่างง่ายดาย แต่ที่มากไปกว่านั้นคือ มิตรภาพที่เกิดจากการเดินทางและประสบการณ์ที่หาไม่ได้หากยังนั่งทำงานอยู่ในห้องสี่เหลี่ยม นี่ก็ปีใหม่แล้วลองเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตและลองเปิดใจให้ฟอร์ด เอเวอเรสต์เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางแล้วจะรู้ว่าโลกนี้ยังมีที่ให้ไปสัมผัส มีสถานที่น่าตื่นเต้นและประทับใจอีกมากมาย สู่การใช้ชีวิตแบบไร้ขีดจำกัดไปกับฟอร์ด เอเวอเรสต์.
เรื่อง : พุทธิ ผาสุข
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th