มินิ เอสยูวี รถยนต์ของคนรุ่นใหม่ คันไหนเจ๋ง รุ่นไหนเด็ด มาดูเลย !!
กลับมาอีกแล้วครับ กับการเทสกรุ๊ป หลังจากครั้งที่แล้วจับทั้ง รถกระบะ รถเอสยูวี มาวัดกันให้เห็นกันไปแล้ว และครั้งนี้ก็มาถึงคิวรถยนต์เซ็กเม้นท์ที่เรียกได้ว่าฮอตฮิตติดลมบนอยู่ในขณะนี้กับ มินิ เอสยูวี หรือรถยนต์ครอสโอเวอร์ขนาดเล็กที่เหมาะกับครอบครัวขนาดเล็ก วัยรุ่น หรือคนที่มีสไลต์การใช้ชีวิตที่ส่วนมากใช้รถอยู่ในเมืองแต่เวลาว่างๆชอบออกไปเที่ยวต่างจังหวัดแบบลุยเล็กแบบที่รถเก๋งทั่วไปลุยลำบาก วันนี้เรานำเอารถยนต์ มินิ เอสยูวี 4 รุ่น 4 ยี่ห้อมาเทียบกันให้เห็นเลยว่าแต่ละคันมีจุดเด่นจุดด้อยแตกต่างกันตรงไหน
เรามาเริ่มกันที่รูปทรงรูปร่างการดีไซน์ภายนอกกันก่อนเลยดีกว่า เรื่องภายนอกต้องอยู่ที่สไตล์ใครสไตล์มันเลยครับเพราะแต่ละยี่ห้อดูจะแตกต่างกันเยอะอยู่พอสมควร อย่างถ้าใครอยากได้แนวเท่ห์มีสไตล์แตกต่างไม่ซ้ำแบบใครขับบนถนนแล้วมีคนมอง ต้องสองคันนี้เลยนิสสัน JUKE และน้องใหม่ล่าสุด มาสด้า CX-3 ผมพูดได้คำเดียวเลยว่ามีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูงมากครับอย่าง นิสสัน JUKE ภายนอกถือได้ว่าเป็นจุดขายของรถยนต์คันนี้เลยโดดเด่นมากรูปลักษณ์แปลกตา กว่ารถคันอื่นๆ ได้ทั้งลุ๊คสปอร์ต แกร่ง บึกบึน น่ารัก เริ่มตั้งแต่ Nissan Juke รุ่นปี 2015 ได้รับการปรับแต่งเส้นสายต่าง ๆ ของตัวรถให้โฉบเฉี่ยวและทันสมัยกว่าเดิม ทั้งยังติดตั้งอุปกรณ์ล้ำสมัยอื่น ๆ เข้าไปด้วย ทั้งการปรับดีไซน์กันชน เพิ่มไฟหน้าซีนอนปรับขึ้นลงอัตโนมัติ ไฟหน้าดวงบนทรงบูเมอร์แรง กระจกข้างพร้อมไฟเลี้ยว ด้านข้างสะดุดตากับล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ด้านท้ายสะดุดตากับไฟท้าย LED ลายใหม่ กันชนท้ายรูปทรงใหม่ และไฟเบรก LED ดวงที่ 3 ด้านมิติรถยาว 4,135 มิลลิเมตร กว้าง 1,765 มิลลิเมตร สูง 1,580 มิลลิเมตร ฐานล้อยาว 2,520 มิลลิเมตร ไม่ต่างจากรุ่นก่อน มองรวมๆหน้าตาเหมือนกบชะมัด ไฟท้ายทรงบูมเมอแรงถอดแบบมาจากรถสปอร์ต 370Z เท่ห์มาก ทางด้านหลังได้ติดตั้งสปอยเลอร์อยู่เหนือไฟเบรกดวงที่ 3 มือเปิดประตูหลังแบบซ่อนอยู่ที่ด้านบนกระจกได้อย่างแนบเนียน ให้อารมณ์เสมือนการขับรถ Coupe 2 ประตู สำหรับมิติตัวถัง มีความกว้างxยาวxสูง = 1,765×4,135×1,580 มม. มีระยะความสูงใต้ท้องรถ 180 มม. มีน้ำหนักตัวถัง 1,193 กก. ใครชอบความเท่ห์ น่ารัก สปอร์ต ต้องคันนี้เลย
มาดูน้องใหม่ที่เพิ่งเข้ามาสู้ในเซ็กเม้นท์มีหน่อยสดๆร้อนๆกับ มาสด้า CX-3 เลยจร้ารูปลักษณ์ภายนอกคงเอกลักษณ์ของมาสด้าที่เน้นความสปอร์ต โฉบเฉี่ยว กระจังหน้ารูปหกเหลี่ยมขนาดใหญ่และโลโก้ดูโดดเด่นรับกับไฟหน้าแอลอีดีที่ดีไซน์ เฉี่ยบคม เท่ห์และมีสไตล์ดูดุดัน เฟี้ยวฟ้าว ไฟเลี้ยวอยู่ด้านล่างของกันชนแนวเดียวกับไฟตัดหมอกLED ด้านข้างเผยเส้นสายแบบแฮทช์แบ็คครอสโอเวอร์ดูบึกบึนไม่น้อย พร้อมล้ออัลลอยลายสปอร์ต18 นิ้วทำให้ตัวรถดูสูงและบึกบึน ไฟท้ายทรงเรียวยาวดูลงตัวกับท้ายรถซึ่งเสริมความสปอร์ตและสะดุดตา ตัวถังรถยาว 4,275 มิลลิเมตร กว้าง 1,765 มิลลิเมตร สูง 1,550 มิลลิเมตร และมีฐานล้อกว้างถึง 2,570 มิลลิเมตร ภายนอกโดยรวมดูสวยงามลงตัว ใครชอบแนวสปอร์ตต้องทางนี้เลย
ย้ายมาดูที่ฮอนด้ากันบ้างกับเจ้า ฮอนด้า HRV ค่ายนี้เค้ามาแบบหรูหราเลยที่เดียวภายนอกของรถจัดวางเส้นสายของความสปอร์ตกับความหรูหราได้อย่างสวยงามลงตัว ไฟหน้า และไฟเดย์ไลท์ที่เป็นแบบ LED ที่ปรับความสูงและเปิดปิดอัตโนมัติเพิ่มความหรูหราและโฉบเฉี่ยว กระจังหน้ารูปทรงปราดเปรียวสีดำดุดันช่วยเสริมความเป็นสปอร์ตได้ดี ด้านล่างติดตั้งไฟตัดหมอกส่องสว่างชัดเจน ด้านข้างเส้นสายดูโฉบเฉี่ยวแบบสปอร์ตคูเป้ หลังคาลาดลงด้านหลัง ซุ้มล้อขนาดใหญ่ เสริมความแข็งแกร่งแบบรถครอสโอเวอร์ และยังล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ด้านหลังติดตั้งไฟท้ายแบบ Tube เป็นเส้นสวยงาม แถมด้านบนติดตั้งหลังคา Panoramic Sunroof ขนาดใหญ่คลุมพื้นที่เบาะนั่งทั้ง 2 ฝั่ง และมีสปอยเลอร์ขนาดเล็กพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 ด้านมิติรถยาว 4,294 มิลลิเมตร กว้าง 1,772 มิลลิเมตร สูง 1,602 มิลลิเมตร และฐานล้อกว้าง 2,610 มิลลิเมตร พื้นห้องสัมภาระสูงจากพื้น 650 มิลลิเมตร มือเปิดประตูหลังแบบซ่อนอยู่ที่ด้านบนกระจกเหมือนกับนิสสันจู๊ค เอ๊า !!ใครก๊อปใครหว่า แต่ที่แน่ๆใครมาแนวหรูหราคันใหญ่สปอร์ตหน่อยๆต้อง HRVครับ
มาดูกันที่ค่ายรถยนต์อเมริกาอย่างฟอร์ดกันบ้างที่เปิดขายก่อนเพื่อนเลยอย่าง ฟอร์ด ECO Sport เจ้าคันนี้ด้วยมิติและรูปแบบของรถ SUV แนวรถยนต์นั่งแบบอเนกประสงค์ที่มีขนาดกะทัดรัด จุดเด่นอยู่ที่กระจังหน้าทรงสี่เหลี่ยมคางหมู ที่จะมาเป็นเอกลักษณ์ใหม่ของค่ายฟอร์ดทำให้ด้านหน้าของ EcoSport มีภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่งตามสไตล์รถ SUV เสากลางเพนท์สีดำ เชื่อมกระจกข้างบานหน้า – หลังเข้าด้วยกันเป็นชิ้นเดียว ผสมผสานกับไฟหน้าเรียวบางเชื่อมโคมทั้ง 2 ฝั่งด้วยเส้นโครเมี่ยม กับทรงรถที่เน้นส่วนหน้าให้ดูแข็งแกร่ง และเมื่อรวมกับแนวด้านข้างและต่อถึงท้ายรถ การเล่นเส้นสายที่ทรงพลัง บวกกับฝาครอบยางอะไหล่ที่ติดไว้ที่ฝาท้ายเปิดในแบบแนวสวิงแบบเดียวกับประตูบ้าน เพื่อเพิ่มความสะดวกในการขนสัมภาระแต่ดันสวิงออกทางด้านซ้ายลำบากชีวิตนิดนึงแต่ไม่มีปัญหา ทำให้รถมีเสน่ห์ในแบบออฟโรด ระยะต่ำสุดถึงพื้น 200 มิลลิเมตร และที่เก็บสัมภาระด้านท้ายที่กว้างขวาง จุดเด่นอยู่ที่การออกแบบให้มือเปิดประตูบานท้ายเป็นส่วนหนึ่งของไฟท้ายอย่างกลมกลืน เออ !! ลืมบอกคันนี้เค้ามีซันรูฟให้ด้วยนะจ๊ะ ใครชอบแนวออฟโรดต้องเจ้านี่เลยขอบอก
มาดูกันที่ภายในแหมม!! อันนี้ก็เป็นอีกจุดนึงที่ทำให้คนตัวสินใจซื้อการดีไซน์ภายในก็แตกต่างกันออกไป เรามาดูกันที่ นิสสัน JUKE ภายในยังคงการออกแบบที่โดดเด่น โดยเฉพาะห้องโดยสารที่มีดีไซน์เหมือนค๊อกพิทของรถแข่ง ให้ความรู้สึกสปอร์ตเพราะตกแต่งด้วยสีแดง แต่สีภายนอกคันที่เอามาเป็นสีฟ้ามันตัดกันแปลกนี่ถ้าเปลี่ยนสีภายในตามสีตัวรถนะสุดยอดเลย ขณะที่ด้านเทคโนโลยีมีครบ ด้วยฟังก์ชั่น I-CON ที่จะแสดงผล ของ 2 ระบบหลัก คือ Climate และ Driving-Mode ซึ่งมีให้เลือก 3 แบบ คือ Eco Mode Normal Mode และ Sport Mode แถมระบบ I-Connect ใหม่ มาพร้อม EZ Talk สามารถสื่อสารกับเพื่อน จู๊คที่อยู่ในกลุ่ม หรืออยู่บนท้องถนน เพียงใช้ 4 นิ้วสัมผัสหน้าจอ แล้วพูดผ่านระบบ เสมือนการใช้วิทยุสื่อสาร รวมถึงระบบ Digital Signal Processing (DSP) ช่วยเพิ่มระดับเสียงและความคมชัดในการดูหนังหรือฟังเพลง พร้อมเพิ่มความปลอดภัยด้วยถุงลมนิรภัยรอบคันกว่า 6 จุด เบาะคู่หน้านั่งกระฉับตัวดี แต่เบาะหลังนั่งลำบากและเมื่อมากขอบอกเล็กกว่า HRV และ ECO SPORT มาดูกันต่อที่ภายในของ มาสด้า CX-3 กันบ้างเปิดประตูเข้ามานั่งในห้องโดยสารคุ้นตาไม่น้อยเพราะภายในดีไซน์คล้ายกับมาสด้า2 เกือบทั้งหมด ทั้งคอนโซลหน้าแนวยาวแบบทูโทน มาตรวัดวงกลมเดี่ยวขนาบข้างด้วยจอดิจิตอลพร้อมหน้าจอ HUD หน้าจออินโฟเทนเม้นท์ตั้งเดี่ยวเหนือคอนโซลหน้า ปุ่มบังคับบนคอนโซลกลางและเบาะนั่งคู่หน้านั่งได้ดีสบายกระฉับตัว แต่ถ้าคนขับตัวใหญ่เลื่อนเบาะถอยหลังลงไปเยอะบอกได้เลยว่าคนหลังนั่งลำบากครับ พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังค่อนข้างจำกัดใส่ของได้ไม่เยอะภายในเล็กพอๆกับมาสด้า2 และJUKEเลยครับ ครอบครัวใหญ่ผมว่าไม่เหมาะครับเอาให้วัยรุ่น หรือคนที่ชอบรถออกแนวสปอร์ต ห้องโดยสารเล็กๆเค้าขับกันดีกว่า
ส่วนใครที่ชอบห้องโดยสารใหญ่กว้างขวางต้อง2คันนี้เลยครับ ฮอนด้า HRV และ ฟอร์ด ECO SPORT เรามาดูที่ฮอนด้าHRV กันก่อนเลยหลังคาสูงทำให้ห้องโดยสารดูโล่งโปร่งขึ้น การออกแบบดูทันสมัยและหรูหรา แผงคอนโซลและแผงข้างบางส่วนบุด้วยวัสดุอ่อนนุ่ม และโชว์ตะเข็บแบบเดียวกับรถราคาแพง มีช่องแอร์ 3 ช่องที่คอนโซลฝั่งผู้โดยสารก็ดูสวยดีแต่ใช้งานจริงลมตรงช่องกลางมันจะเป่าเข้าหน้าเต็มๆอันนี้ผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ ชุดมาตรวัดแบบสามมิติ มีลูกเล่นเปลี่ยนสีของกรอบมาตรวัดความเร็วได้ 7 สี คอนโซลกลางติดตั้งจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว พวงมาลัยทรงสปอร์ต 3 ก้านแบบมัลติฟังก์ชั่น ครูสคอนโทรล ระบบแอร์แบบสัมผัสดูล้ำสมัยดี คอนโซลเกียร์ตกแต่งสีดำเงา Piano Black ส่วนด้านหลังเป็นสวิตช์ควบคุมระบบเบรกมือไฟฟ้า และ Automatic Brake Hold ด้านล่างของคอนโซลเกียร์ออกแบบให้เป็น 2 ชั้น ทัศนวิสัยรอบคันอยู่ในเกณฑ์ดี แม้รถจะออกแบบให้มีความปราดเปรียวสไตล์คูเป้ แต่มุมมองต่างๆ ก็ไม่บอดหรืออับทึบ พื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง เบาะคู่หน้ารองรับสรีระได้ดี ฝั่งผู้ขับปรับสูง-ต่ำได้ เบาะแถว 2 ออกแบบให้พับได้หลายรูปแบบพื้นที่วางขาและพื้นที่เหนือศรีษะเหลือเฟือสำหรับความสูง 170เซนติเมตร พื้นที่เก็บสัมภาระกว้างขวางเพียงพอ สุดท้ายกับ ฟอร์ด ECO SPORT ภายในห้องโดยสารแอบออกแนวสปอร์ตเล็กๆ ภายในโปร่งโล่งสบายครับ เบาะนั่งคู่หน้าแบบสปอร์ตนั่งสบายรับกับสรีระได้ดีตัวเบาะออกแบบได้สวยเด่นเดินตะเข็บด้วยด้ายสีแดงตัดกับหนังโทรีโน่สีดำ ดูหรูหราดีสำหรับรถระดับนี้ เมื่อเข้าไปส่วนโดยสารเบาะนั่งหลัง กลับมีพื้นที่กว้างและนั่งสบาย เป็นจุดเด่นที่เหนือกว่าคู่แข่ง สำหรับแผงหน้าปัดที่ดีไซน์แนวสปอร์ตฟังก์ชันการทำงานก็ดูชัดเจน แต่บางอุปกรณ์ก็กดไม่ถนัด เช่น ปุ่มเปิด-ปิดกระจกไฟฟ้า การวางตำแหน่งไกลเกินเอื้อมไปนิด และเพื่อให้ดูสปอร์ต ทางฟอร์ดใช้วัสดุเหมือนโครเมียมสีเงินวาววับสอดแซมอยู่บนหน้าปัดค่อนข้างจะเด่น เอาเป็นว่าถ้าใครอยากได้รถภายในกว้างด้านหลังนั่งสบาย มีพื้นที่เก็บของได้เยอะก็ต้องเจ้าฮอนด้า HRV กับเจ้า ฟอร์ด eco sport เลยครับท่าน แต่ถ้าใครต้องการความเท่ห์โฉบเฉี่ยวต้อง มาสด้า CX-3 และนิสสัน JUKE เลยครับ เพราะถ้าคิดจะมีคนโดยสารไปด้วยคงลำบากครับเพราะด้านหลังของ 2 รุ่นนี้ค่อนข้างเล็กครับ
มาถึงการขับทดสอบในครั้งนี้เราใช้เส้นทาง กรุงเทพ-นครนายก-เขาใหญ่-กรุงเทพ โดยมีทั้งวิ่งผ่านรถติดในเมือง และถนนโล่งๆนอกเมือง ขึ้น-ลงเขา ครบครับใช้งานจริงไม่มีปั้นตัวเลขครับ เรามาดูกันที่ นิสสัน JUKE เจ้าคันนี้ใช้เครื่องยนต์รหัส HR16 แบบเบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว พร้อมระบบ แปรผันวาล์วคู่ Twin C-VTC 1,598 ซีซี กำลังสูงสุด 116 แรงม้า ที่ 5,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 15.7 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบต่อนาที ทำงานผสานกับเกียร์ XTRONIC CVT ได้อย่างลงตัวการขับขี่ยังคงให้การขับขี่ที่คงความนุ่มนวล สมูทดูลื่นไหลได้อย่างดี ในช่วงออกตัวดูค่อนข้างหนืดๆเล็กน้อย (ผมว่ามันเป็นธรรมชาติของเกียร์ CVT ที่จะต้องค่อยๆกดคันเร่งไล่ความเร็วขึ้นไปจะไปกดพรวดแบบเกียร์ออโตธรรมดาไม่ได้) แต่ในช่วงจังหวะเร่งแซงความเร็วกลางๆพอรับได้ไม่ถึงกับจี๊ดจ๊าดแต่ก็ไม่ถึงกับต้องลุ้นว่าจะแซงพ้นมั้ย การไต่ขึ้นทางชันตัวรถนั้นไม่ค่อยจะมีกำลังมากนักต้องกดคันเร่งเยอะหน่อย แต่เจ้า JUKE ก็มีโหมดการขับขี่แบบ Sport ช่วยให้การขับขี่มีกำลังมากขึ้นและสนุกขึ้นไต่ทางชันได้สบาย JUKEมีให้เลือกอีก 3 โหมดการขับ Normal Sport และ Eco ให้เลือกใช้ตามใจชอบ ซึ่งJUKEจะเสียเปรียบถ้าไปเทียบกับเจ้า มาสด้า CX-3 ซึ่งมีเครื่องยนต์ SKYACTIV เบนซิน 2,000 ซีซี 156 แรงม้า เครื่องใหญ่สุดในเซ็กเม้นท์นี้เลยครับ มีแรงบิดสูงสุด 20.78 กก.-ม. ที่ 2,800 รอบต่อนาที เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ กดคันเร่งลงไปความเร็วในช่วงต้นอาจจะไม่รวดเร็วทันใจมากนักแต่ช่วงกลางขึ้นไปขับสนุกที่เดียวครับ
กดคันเร่งไปเพลินๆ ความเร็วไปแตะ 170 กม./ชม.แบบสบายๆ การเร่งแซงอาจจะต้องใช้การคิกค์ดาวน์ช่วยเล็กน้อยแต่ก็ไม่มีปัญหาแซงได้แบบไม่ต้องลุ้น ทดลองปรับเป็นโหมดสปอร์ตดูอัตราการเร่ง ซึ่งการเร่งแซงดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดแต่รอบมันลากยาวมากจนสงสารเครื่องยนต์เสียงครางของเครื่องยนต์จะได้ยินชัดเจนมาก ถ้าใช้โหมดสปอร์ตในการขับช่วงขึ้น-ลงเขา สบายหายห่วงครับไม่มีปัญหาเรื่องกำลังเครื่องยนต์เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ทำงานได้อย่างราบรื่นนุ่มนวล ทั้งการเปลี่ยนเกียร์ขึ้นและลงที่รอบสูง ไม่มีอาการกระตุกกระชาก ความเร็วในการเปลี่ยนเกียร์ดูจะเร็วกว่าเกียร์อัตโนมัติพื้นฐานอยู่เล็กน้อย แต่มีอยู่คันนึงที่ซีซีเครื่องน้อยกว่าแต่อัตราเร่งสูสีกับเจ้า CX-3เลยทีเดียวคือ ฮอนด้า HRV ที่มีเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1,800 ซีซี SOHC 16 วาล์ว i-VTEC ให้กำลังสูงสุด 104 กิโลวัตต์ หรือ 141 แรงม้า ที่ 6,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 17.52 กก.-ม. ที่ 4,300 รอบต่อนาที โดยในช่วง 2,500-6,000 รอบต่อนาที ขับใช้งานทั่วไปให้การตอบสนองที่ทันใจไม่อืด ลื่นไหลไปตามสภาพการจราจรได้ดีไม่ติดขัดหรือสะดุดในรอบต่ำ เสียงเครื่องยนต์ค่อนข้างเงียบและไม่มีการสั่นสะเทือน อัตราเร่งในช่วงความเร็วต่ำ-ปานกลาง ทำได้ดีกว่าที่คิดเร่งได้ทันใจความเร็วไปแตะที่160 กม./ชม. แบบสบายๆ เร่งแซงแบบรวดเร็วทันใจไม่มีปัญหา การขับขึ้นทางชันไม่มีปัญหาสำหรับเจ้า HRVขับขึ้นแบบสบายแต่เมื่อลากรอบสูงเกิน 3,000 รอบต่อนาทีขึ้นไป จะได้ยินเสียงเครื่องยนต์ค่อนข้างชัด วัดกันระหว่าง HRV กับ CX-3สู่สีกันเลยทีเดียวครับในเรื่องอัตราเร่ง HRV อาจจะออกตัวสู้CX-3 ไม่ได้แต่หลังจากนั้นไม่แพ้กันแน่นอน มาถึง ฟอร์ด ECO SPORT ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1,500 ซีซี เท่ากับนิสสัน JUKE DOHC 16 วาล์ว พร้อมระบบแปรผันแคมชาฟท์คู่ Ti-VCT กำลังสูงสุด 81 กิโลวัตต์ หรือ 110 แรงม้า ที่ 6,300 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 14.46 กก.-ม. ที่ 4,400 รอบต่อนาที เมื่อวางในรถทรงสูงต้านลม จึงต้องใช้รอบค่อนข้างสูงในการขับเคลื่อน ขับแล้วรู้สึกหนืดๆเหนื่อยกว่าเพื่อน การขับใช้งานทั่วไป ทั้งในเมืองหรือเดินทางไกลด้วยความเร็วปานกลางต่อเนื่องมีความราบเรียบนุ่มนวลดี ถ้าต้องการเร่งแซงอย่างรวดเร็วต้องใช้การคิ๊กดาวน์ลากรอบสูงช่วยสร้างความกระฉับกระเฉงได้ การขึ้น-ลงทางลาดชันต้องเค้นเครื่องยนต์มากกว่ารุ่นอื่นอยู่พอสมควร แต่ถ้าเส้นทางขรุขระออฟโรดเล็กคันนี้ชนะเลิศจร้า
มาถึงเรื่องช่วงล่างนิสสัน JUKEใช่ระบบกันสะเทือนช่วงล่างด้านหน้าใช้ช่วงล่างแบบแม็กเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีมซึ่งยังคงใช้ช่วงล่างตามแบบฉบับของรถยนต์ในประเภทนี้ การขับขี่ใช้งานทั่วไป ถ้าคนชอบความนุ่มนวล JUKE คงไม่เหมาะเพราะช่วงล่างจะเน้นอารมณ์สปอร์ตแข็งกว่าคู่แข่ง อาจจะมีอาการตึงตังเวลาที่วิ่งผ่านลูกระนาดหรือพื้นผิวที่หลุมหนักๆ การเข้าโค้งด้วยความเร็วนิ่งมากครับตัวถังไม่มีอาการโยน สามารถเข้าโค้งยาว หรือโค้งต่อเนื่องซ้าย-ขวาก็ทำได้ดี ขับสนุกมั่นใจได้ในระดับหนึ่ง ช่วงล่างเฟิร์มทีเดียว แต่ของมาสด้า CX-3 ช่วงล่างที่เซตมาค่อนข้างสปอร์ตกับตัวรถที่ไม่สูงมากนักการเค้าโค้งแทบไม่มีอาการโยนตัวจึงควบคุมรถได้ง่ายระบบกันสะเทือนหน้าอิสระแม็กเฟอร์สันสตรัตพร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังทอร์ชั่นบีม ทำหน้าที่ได้ดีที่เดียวดูดซับแรงสั่นสะเทือนของพื้นผิวถนนได้ดีการเค้าโค้งก็ทำได้อย่างมั่นใจไม่มีอาการโยนหรือย้วยให้ได้สัมผัส ทำให้เค้าโค้งได้อย่างมั่นใจที่ความเร็วต่ำได้อย่างนุ่มนวลพอสมควรไม่กระด้างเท่ากับ JUKE ช่วงความเร็วสูงให้ความรู้สึกหนึบแน่นการยุบและยืดตัวของช่วงล่างมีความกระชับไม่ยวบย้วยหรือเด้ง ใช้ความเร็วสูงบนถนนที่เป็นคลื่นลอนและโค้งกว้างๆ ได้อย่างมั่นใจ
โดยรวมแล้วมีความนุ่มและความหนึบในสัดส่วนที่พอเหมาะกับการใช้งาน ถ้าท่านไหนอยากได้ช่วงล่างนุ่มนวลหน่อยไม่กระด้างต้องนี่เลย ฮอนด้า HRV ใช่ระบบกันสะเทือนและระบบบังคับเลี้ยว มีการทำงานที่สอดคล้องกัน ลดอาการโคลงของตัวรถได้ดีทีเดียว ระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบอิสระแม็กเฟอร์สันสตรัต และด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีม และพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า ระบบกันสะเทือนเซ็ตมาค่อนข้างดี แม้ตัวรถจะมีอาการโยนอยู่บ้าง เมื่อเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงเกินปกติการควบคุมรถยังทำได้ง่ายและเฉียบคมใกล้เคียงรถเก๋ง การดูดซับแรงสั่นสะเทือนก็ทำได้ดีนุ่มนวลดีกว่าคู่แข่ง ใครชอบความนุ่มสบายต้อง HRV เลยครับผม สุดท้ายกับเจ้าฟอร์ด ECO SPORT ระบบกันสะเทือนหน้าอิสระ แม็กเฟอร์สันสตรัต คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง ระบบกันสะเทือนหลัง กึ่งอิสระ เทรลลิ่งอาร์ม ทอร์ชั่นบีม พร้อม ESP และ HLA รู้สึกว่าช่วงล่างนุ่มนวลนั่งสบายทั้งบนทางเรียบและทางขรุขระ จนรู้สึกว่ามันนิ่มไปนิดจนยวบยาบ แต่หลังจากขับไปสักพักจึงรู้สึกว่าช่วงล่างไม่ได้ยวบยาบ เพียงแต่มีระยะการยืด-ยุบ ค่อนข้างเยอะ การยุบตัวก็มีความหนืดหน่วงไว้พอสมควร จึงไม่รู้สึกวูบวาบเมื่อเข้าโค้งแคบๆ ด้วยความเร็วสูงเกินปกติ
รถยนต์ นิมิ เอสยูวี รถยนต์เซ็กเมนท์ใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทยเพราะรถยนต์ประเภทนี้สามารถขับได้ทั้งในเมือง และนอกเมือง ลุยได้เล็กๆนิดหน่อย มีสไตล์ และเอกลักษณ์เฉพาะตัวค่อนข้างสูง เช่นเดียวกับรถยนต์ทั้ง 4 รุ่นที่เราทำมาทดสอบแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อมีเอกลักษณ์และจุดเด่นที่แตกต่างกัน งานนี้คงต้องอยู่กับการใช้งานของคุณแล้วว่าต้องการแบบไหน
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
ภาพ : ภูดิท แซ่ซื้อ
เรียบเรียงข้อมูลโดย กรังด์ปรีซ์ออนไลน์ GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th
Related articles More from author
-
Rivian R1T เปิดเกมส์รถปิคอัพพลังงานไฟฟ้า
November 28, 2018 -
Volvo Armored XC90 หุ้มเกราะให้เอสยูวีหรู
June 28, 2019 -
Audi Q7 สดใหม่ขึ้นจากการปรับโฉม
June 27, 2019