รถประมูลคืออะไร ซื้อไปคุ้มหรือไม่
หลายคนอาจจะสงสัยว่าการประมูลรถคืออะไร แล้วคนปกติธรรมดาที่ไม่ได้เป็นพ่อค้า อยากซื้อไปใช้เองอย่างเราๆเข้าไปประมูลกับเค้าได้มั้ย วันนี้เราไปดูกันว่ารถประมูลคืออะไร มีเงื่อนไขอะไรก่อนเข้าไปประมูล แล้วรถที่ได้จากการประมูลมันจะคุ้มค่าคุ้มราคาหรือไม่
เรามาดูว่าการประมูลรถคืออะไร การประมูลรถคือการใช้วิธีการให้ผู้ซื้อแข่งขันกันเสนอราคาให้มากที่สุดเท่าที่จะให้ได้ต่อรถคันนั้น ซึ่งวิธีดังกล่าวนั้น ทำให้รถยนต์มีมูลค่าเพิ่มจากปกติตามสภาพที่ขายได้ทั่วไป ซึ่งวิธีดังกล่าวสถาบันการเงินหลายแห่งนิยมมากในการปล่อยรถยนต์ที่ยึดมาจากลูกค้าที่ไม่สามารถชำระสืนเชื่อได้ตามกำหนด จะว่าไปรถประมูลก็อาจจะไม่เสียหายอะไร ที่จะประมูลมาใช้งานในชีวิตประจำวัน แต่คุณจำเป็นต้องรู้จริงเกี่ยวกับรถประมูลว่าที่มาที่ไปของรถคันนั้นเป็นเช่นไร สภาพสมบูรณ์หรือไม่ รถส่วนมากที่นำมาประมูลกันเป็นรถประเภท 1.รถจากสถาบันการเงิน ส่วนใหญ่จะมาจากรถยนต์ที่ถูกไฟแนนซ์ยึดรถมาขายทอดตลาด 2.รถอุบัติเหตุโดยจะนำรถยนต์ที่เกิดอุบัติเหตุมาประมูลซาก เรียกง่ายๆขายซากนั้นเอง ว่ากันไปตามสภาพสำหรับคนทั่วไปอย่างเราๆอย่างไปยุ่งเลยดีกว่าซื้อมาปั่นใหม่อาจจะเสียเงินเยอะกว่ารถมือ2สภาพดีซะอีกนะ 3. .รถปลดระวางจากบริษัทหรือราชการซึ่งรถประเภทนี้จะเป็นรถที่ผ่านการดูแลมาค่อนข้างดี แต่บางคันก็ใช้งานหนักมาเหมือนกัน ดูเรื่องเครื่องยนต์ให้ดีๆส่วนเรื่องตัวถังนั้นสามารถไว้ใจได้แน่นอน 4.รถของกลาง คือรถที่โดนตำรวจ หรือสรรพสามิตยึดมา บางคันเป็นรถที่ยึดมาจากพ่อค้ายา หรือไม่ก็การนำเข้าผิดกฎหมาย ส่วนมากรถพวกนี้จะเป็นรถสปอร์ตสุดหรู แต่คนธรรมดาคงจะประมูลชนะอยาก เพราะรถพวกนี้ส่วนมากจะมีการคุยกันหลังบ้านเรียบร้อยแล้ว
เอาง่ายๆการประมูลนั้นก็คือวิธีหนึ่งในการขายรถยนต์นั้นเอง แล้วคนธรรมดาอยากประมูลรถไว้ใช้เองก็สามารถทำได้ครับไม่มีปัญหา แต่คุณอาจจะต้องมีความรู้เรื่องราคาว่าไม่ควรเกินเท่าไหร่ หรือตั้งราคาในใจมาแล้ว ไม่งั้นประมูลไปประมูลมาอาจจะซื้อรถคันนั้นในราคาที่แพงกว่าท้องตลาดก็เป็นได้ ยังไม่พอคุณต้องรู้เรื่องเครื่องยนต์ อุปกรณ์ต่างๆ อะไหล่ ดีพอสมควร เพราะรถพวกนี้เค้าประมูลกันตามสภาพแบบ ตาดีได้ตาร้ายเสีย คิดดูดีๆก่อนจะไปประมูลรถมาใช้นะครับว่าตัวเองมีความรู้เรื่องรถดีพอหรือไม่ เพราะส่วนมากคนที่เข้าประมูลค่อนข้างชำนาญเรื่องรถเป็นอย่างดี คือพวกเจ้าของเต้นท์รถมือ2 เข้ามาประมูลเพื่อนำรถที่ประมูลได้ไปขายต่อ หรือไม่ก็พวกเจ้าของรถหรูที่นำเข้ามาแบบผิดกฎหมายแล้วโดนสรรพสามิตยึดมาประมูลรถตัวเองคืน ซึ่งบางครั้งมีการคุยกันหลังบ้านมาก่อนแล้ว ว่าต้องการคันไหน รถยนต์บางคันอาจจะถูกถอดอุปกรณ์สำคัญบางอย่างออกไปทำให้รถไม่สมบูรณ์จึงไม่มีใครมาประมูลแข่ง ทำให้ได้รถคันที่ต้องการแบบราคาไม่สูงมาก แต่รถประมูลพวกนี้ผู้ที่ประมูลได้ไปมีความมั่นใจได้เลยว่าถูกกฎหมายแน่นอน 100 % ไม่มีเรื่องรับซื้อของโจรมาให้วุ่นวายใจแน่นอน นั้นคือข้อดีของรถประมูล ถ้าท่านไหนอยากลองก็ไม่ผิดนะครับลองไปประมูลดูเผลอๆฟลุ๊คขึ้นมาประมูลชนะได้ของดีราคาถูกไปใช้สบายใจ
มาดูว่าเราต้องเตรียมตัวอย่างไร กฎกติกาการประมูล และเงื่อนไขการชำระเงินเป็นยังไง
1.ผู้ซื้อควรตรวจสภาพรถและข้อมูลรถที่ตัวรถก่อนทำการประมูล
2. ผู้เข้าร่วมประมูลต้องมัดจำค่าป้ายหมายเลขผู้ประมูล 20,000 บาท ด้วยเงินสด หรือ แคชเชียร์เช็ค
3. กรณีต้องการจัดไฟแนนซ์หรือเช่าซื้อกรุณาติดต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายเช่าซื้อ(ไฟแนนซ์) ก่อนทำการประมูลทุกครั้ง
4. แสดงเจตนาการซื้อรถยนต์ด้วยวิธียกป้ายหมายเลขประมูลเท่านั้น (ถ้าแสดงโดยวิธีอื่น โฆษกจะไม่นับขายให้) โดยเริ่มการประมูลจากราคากลาง ซึ่งหากผู้เข้าประมูลเสนอซื้อมากกว่า 1 ราย
•โฆษกจะปรับราคาขึ้นครั้งละ 2,000 บาท กรณีที่ราคาเริ่มต้น 1-999,999 บาท
•โฆษกจะปรับราคาขึ้นครั้งละ 10,000 บาท กรณีที่ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 1,000,000 บาทขึ้นไปและ ผู้เสนอซื้อในราคาสูงสุดจะเป็นผู้ชนะการประมูล
5.ผู้ชนะการประมูลต้องลงลายมือชื่อในเอกสารหลักฐานการประมูลและมีเจ้าหน้าที่พาไปชำระเงินมัดจำ
6.กรณีที่ประมูลรถยนต์ได้ ต้องชำระเงินดังนี้
6.1 ชำระเงินในวันประมูล
• วางเงินมัดจำ 10%ของราคารถยนต์ที่ประมูลได้ โดยชำระเงินเป็นเงินสด หรือบัตรเครคดิตวีซ่าการ์ด,บัตรเครดิตมาสเตอร์การ์ด (กรณีชำระด้วยบัตรเครดิตจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมในการใช้บัตรเครดิตเป็นเงินสด)
• ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ของเงินมัดจำ (กรณีรถที่มีภาษีมูลค่าเพิ่ม)
• ค่าดำเนินการ 8,560 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว)
• ค่าดำเนินการ รถ 6 ล้อ ขึ้นไป 10,700 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว)
6.2 ชำระเงินส่วนที่เหลือภายในวันพฤหัสบดีก่อน 12.00 น.
ผู้ประมูลได้ตรวจสอบสภาพรถยนต์ และ อุปกรณ์ประจำรถยนต์ภายหลังการประมูล โดยบริษัท สหการประมูล จะออกใบตรวจสภาพรถแก่ท่านเป็นหลักฐานเพื่อใช้ยืนยันในวันรับรถ กรณีที่ท่านไม่ยอมตรวจสภาพรถยนต์ บริษัทฯถือว่าท่านสละสิทธิ์การเรียกร้องค่าเสียหายใดๆ ที่เกิดขึ้น
ผู้ชนะการประมูลมีความประสงค์ขอเปลี่ยนชื่อผู้ซื้อหลังจากหนังสือสัญญาออกแล้ว บริษัทฯจะเปลี่ยนให้ หากมีเหตุผลอันสมควรโดยคิดค่าใช้จ่ายดังนี้
– รถที่ประมูลได้ราคาจบน้อยกว่า 10,000 บาท ต้องชำระค่าเปลี่ยนชื่อผู้ประมูลคันละ 3,000 บาท ต่อการเปลี่ยนชื่อ 1 ครั้ง
-รถที่ประมูลได้ราคาจบตั้งแต่ 10,000 บาท ต้องชำระค่าเปลี่ยนชื่อผู้ประมูลคันละ 30% ของราคาจบการประมูล
ผู้ประมูลรถยนต์ได้จะต้องรับผิดชอบค่าธรรมเนียม, ค่าภาษี, ค่าปรับ, ค่าจดทะเบียนในการขอใช้รถใหม่ (กรณีรถยนต์ที่ประมูลได้มีการแจ้งหยุดการใช้รถไว้) และเงินเพิ่มภาษีนิติบุคคล (รถ-ประมูลแบบนิติบุคคลและประมูลแบบรถด่วนที่โอนไม่เกิน 2 ต่อ ถ้ามี) รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนโอนและการรับโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์
กรณีที่ผู้ซื้อประมูลรถยนต์ได้และไม่ปฏิบัติตาม ข้อ 5 , ข้อ 6.1 บริษัทฯ ถือว่าท่านมีเจตนาก่อกวน และทำให้เกิดความเสียหายกับบริษัทฯ และผู้ประมูลซื้อคนอื่น บริษัทฯจะดำเนินการกับท่านตามที่บริษัทฯ เห็นสมควร เล่มทะเบียนของรถนิติบุคคล ท่านที่ประมูลได้จะได้เล่ม ประมาณ 30 วัน เล่มทะเบียนของรถบุคคลทั่วไป ท่านที่ประมูลได้จะได้เล่ม ประมาณ 15 วัน (ข้อมูลระเบียบการประมูล และเงื่อนไขการชำระเงินจากสหการประมูล )
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th