จุดเด่น-จุดด้อย ของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า
ในยุคสมัยที่เปลี่ยนไป จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เพื่อต้องการให้มนุษยชาติมีชีวิตที่ดี สะดวกสบาย ส่งผลไปถึงการพัฒนาในเรื่องของยานพาหนะ ที่ความล้ำสมัยจะถูกนำมาใส่ไว้ในรถ ซึ่งในอนาคตอันใกล้นี้ เครื่องยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิง ก็อาจไม่จำเป็นอีกต่อไปและในที่นี้ จะมาพูดถึง รถยนต์พลังงานไฟฟ้า Electric Vehicle หรือ EV ที่ทำงานจากพลังงานมอเตอร์เต็มรูปแบบ
ไม่ใช่รถแบบ Hybrid ที่ต้องใช้เครื่องยนต์ช่วย แต่สามารถขับเคลื่อนพาคุณไปในได้ทุกที่ด้วยการชาร์จไฟ คล้ายกับการเสียบปลั๊กชาร์จโทรศัพท์แล้วออกจากบ้าน กลับมาก็ชาร์จต่อเพื่อไว้ใช้ในวันต่อไป ซึ่งจุดเด่นของรถไฟฟ้า เท่าที่เห็นในปัจจุบัน มีดังนี้…
- มลภาวะเป็นศูนย์
จากกระแสความนิยมและตื่นตัวเรื่องมลพิษ ทำให้ Tesla ตัดสินในผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ จนประสบความสำเร็จรวดเร็วเกินคาด ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อย่าง Toyota ทำการเร่งค้นคว้า วิจัย และสร้างเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าอย่างเร่งด่วน ล่าสุดได้ลงนามความร่วมมือกับ Mazda, Denso เพื่อเร่งพัฒนารถยนต์ EV เตรียมการตอบรับความนิยมของรถยนต์ไฟฟ้าที่ Tesla ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามกับยอดจองแบบข้ามปี
- เงียบและเร็ว
หากมีโอกาสได้ทดลองขับ หรือนั่งรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% สักครั้ง จะรู้สึกได้ถึง ความเงียบ ที่มาพร้อมกับอัตราเร่งที่ทันใจ แบบกดปุ๊บ มาปั๊ป ไม่รอรอบ และไม่มีเสียงรบกวนเหมือนเครื่องยนต์ ซึ่งเป็นความแรงที่มาจากการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ส่งผลให้ผู้ผลิตรถยนต์หลายราย เลือกนำสมรรถนะมอเตอร์ไฟฟ้ามาเป็นจุดเด่น ในเรื่องของอัตราเร่ง ที่เหนือกว่ารถที่ใช้เครื่องยนต์ทั่วไปอยู่มากมายนัก
- ชาร์จไฟที่บ้านได้
ปัจจุบันรถยนต์ที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิง เราต้องขับไปที่ปั๊มน้ำมันเพื่อเติมพลังงานเชื้อเพลิงให้กับรถยนต์ นั่นคือความไม่สะดวก ที่จะหายไปเมื่อใช้รถยนต์ไฟฟ้า เพราะสามารถชาร์จพลังงานได้ที่บ้าน รวมถึงที่ทำงานได้ ไม่ต้องขับรถไปปั๊มน้ำมัน ซึ่งการชาร์จไฟก็ง่ายดายเพียงเสียบปลั๊กเข้ากับตัวรถ และถอดปลั๊กก่อนใช้งาน
- ค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า เมื่อเทียบกับระยะทางที่ใช้
ความประหยัดที่รถ EV มีนั้น เมื่อนำมาเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายกับรถที่ใช้เครื่องยนต์ จะพบว่ารถไฟฟ้า EV มีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าพาหนะที่ใช้เครื่องยนต์ เมื่อเทียบวงเงินเท่ากัน รถไฟฟ้าจะเดินทางได้ระยะมากกว่า ซึ่งในอนาคตข้างหน้า มีความเป็นไปได้ว่า ปั๊มน้ำมันอาจจะถูกปรับเปลี่ยนเป็นสถานีชาร์จไฟสำหรับรถยนต์ เพื่อเพิ่มทางเลือกในการให้บริการ
- การซ่อมบำรุงถูกกว่า เครื่องยนต์แบบเดิมๆ ที่ต้องมีการเผาไหม้ ผู้ใช้อาจต้องปวดหัวกับการซ่อมบำรุงชิ้นส่วนอุปกรณ์ต่างๆ ที่ช่วยในการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ ทั้งหัวเทียน สายไฟ หัวฉีด น้ำมันหล่อลื่น น้ำยาหล่อเย็น ที่จำเป็นต้องมีการดูแลเปลี่ยนถ่ายตามระยะที่กำหนด แต่สำหรับรถ EV จะมีชิ้นส่วนในการทำงานที่จุกจิกน้อยกว่า การขับเคลื่อนก็มีแค่มอเตอร์ไฟฟ้ากับแบตเตอรี่ และระบบเบรกที่ใช้มอเตอร์มาช่วยเพิ่มแรงเสียดทานขณะเบรค จึงทำให้ชิ้นส่วนต่างๆ ในระบบทำงานน้อยลง มีการสึกหรอที่น้อยกว่าและแน่นอนค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาก็ถูกกว่าอีกเช่นกัน
จุดด้อยของรถยนต์ไฟฟ้า
ที่กล่าวมาข้างต้น คือประโยชน์ของรถไฟฟ้า คราวนี้มาดูจุดด้อยของรถไฟฟ้ากันบ้าง
ระยะทางที่วิ่งได้น้อยกว่ารถยนต์
ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่ ทราบถึงข้อจำกัด ของรถไฟฟ้าอีกเรื่องก็คือ ระยะทางในการใช้งาน ที่ไม่มากเท่ากับรถยนต์ จึงทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถเดินทางไปได้ไกลมากนัก และยังทำให้ผู้ใช้เกิดความกังวลในเรื่องของริมาณไฟฟ้า ว่าจะเพียงพอในการเดินทางหรือไม่ แม้ว่าเทคโนโลยีของรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ จะสามารถวิ่งได้ไกลกว่าร้อยกิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งแล้วก็ตาม
สถานีชาร์จ
ก่อนที่ไฟของรถจะหมดลง สถานีรองรับการชาร์จ จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ใช้รถไฟฟ้าสำหรับเดินทางไกล แต่จุดเด่นของการสร้างสถานีชาร์จก็คือ ใช้เวลาในการติดตั้งน้อย และพร้อมใช้งานได้ทันทีเมื่อการติดตั้งแล้วเสร็จ แต่อุปสรรคอีกอย่างคือ ใช้เม็ดเงินจำนวนมากในการสร้างสถานีชาร์จไฟ ซึ่งทางภาครัฐก็ได้ร่วมกับภาคเอกชนได้รวมพลัง ผลักดันโครงการเพิ่มจำนวนสถานีบริการชาร์จไฟฟ้า ให้แพร่หลายทั้งในส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจในภาคส่วนต่างๆ โดยอุปกรณ์ที่นำมาใช้ในการชาร์จไฟ จะต้องมีมาตรฐาน และใช้งานได้อย่างครอบคลุม รองรับเทคโนโลยีทั้งในปัจจุบันและอนาคต
เวลาที่ใช้ในการประจุไฟ
การเติมน้ำมันในรถยนต์ปกติ โดยทั่วไปจะใช้เวลาเพียง 5-10 นาที แต่ในขณะที่รถยนต์ไฟฟ้านั้น จำเป็นต้องเสียบชาร์จไว้นานนับชั่วโมง โดยเฉพาะการเสียบไฟบ้านมาตรฐานทั่วไป ที่ไม่ได้ผ่านตู้ประจุไฟฟ้าที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ ก็จะยิ่งทำให้ใช้เวลาชาร์จนานยิ่งขึ้น การวางแผนเรื่องการเดินทางและชาร์จไฟของรถยนต์ไฟฟ้า จึงต้องแตกต่างไปจากรถยนต์แบบเดิมๆ และอาจจะไม่ได้เหมาะกับการใช้งานในบางสาขาอาชีพ ถึงอย่างไรก็ตาม รถยนต์บางรุ่นได้รองรับการชาร์จผ่านไฟกระแสตรง ที่สามารถทำให้มันชาร์จได้เร็วเหลือเพียง 20-25 นาที และวิ่งได้ไกลประมาณ 80-100 กิโลเมตร แต่ต้องชาร์จกับสถานีประจุไฟฟ้าที่ออกแบบมาโดยเฉพาะเท่านั้น
ราคาจำหน่ายที่ยังค่อนข้างสูง
ราคาจำหน่ายของรถยนต์ไฟฟ้าปัจจุบันโดยเฉลี่ยแล้ว ยังคงแพงกว่ารถยนต์ที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิง จากปัจจัยเรื่องของความต้องการในตลาดโลก ที่ยังมีสัดส่วนที่น้อย การผลิตจึงยังไม่สามารถทำจำนวนได้มากพอที่จะทำให้ราคาเฉลี่ยถูกลง ถึงแม้ภาครัฐบาลในหลายประเทศ จะเข้ามาช่วยลดภาระเรื่องภาษีของกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า แต่ราคาจำหน่ายโดยรวมก็ยังมีราคาที่สูงกว่ารถยนต์ปกติอยู่ดี
ตัวเลือก ที่ยังไม่หลากหลาย
รถยนต์ไฟฟ้าในตลาดตอนนี้ยังถือว่ามีน้อยรุ่น ยังไม่ครบทุกยี่ห้อ และ ยังมีทางเลือกการใช้งานที่น้อยกว่า เมื่อเทียบกับรถยนต์ทั่วไป ซึ่งแต่ละค่ายรถยนต์ต้องใช้การลงทุนมหาศาลเพื่อการวิจัย และพัฒนา จึงทำให้วงจรการเติบโตของตัวเลือกในกลุ่มของรถยนต์ไฟฟ้า จะช้ากว่ารถยนต์ทั่วไป และอาจต้องใช้เวลาขยายตัวเลือกอีกพอสมควร เป็นผลมาจากความต้องการโดยรวมของตลาดโลก
เรื่อง : สมโภชน์ นันทโรจน์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th