รถเสียบปลั๊ก สุดเจ๋ง..!!แรงจัด ประหยัดจริง
ปัจจุบันรถยนต์ได้ถูกพัฒนาไปไกล หลายต่อหลายค่ายเริ่มปล่อย รถยนต์ประเภทปลั๊กอิน ไฮบริด รถรถยนต์พลังงานลูกผสมเครื่องยนต์กับมอเตอร์ แต่เสียบปลั๊กชาร์จไฟฟ้าได้จากบ้าน อาคารทั่วไป และสามารถขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วนได้ไกล ทำความเร็วได้มากกว่ารถยนต์ไฮบริดทั่วไป เพราะใช้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่กว่า รถยนต์ประเภทนี้จะมีอัตราเร่งที่ดี จากแรงบิดของมอเตอร์ที่สร้างแรงบิดได้ฉับไว เรียกได้ว่าทั้งแรงทั้งประหยัดเลยครับผม ในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งนี้ค่ายรถยนต์หลายๆค่ายขนรถยนต์ ปลั๊กอิน ไฮบริด มาอวดโฉมกันมากมายวันนี้เราจะพาเดินส่องรถยนต์เสียบปลั๊ก สุดเจ๋งกันขอบอกเลยว่าทุกคันประหยัดสุดๆระดับ 40กม./ลิตร เลยทีเดียว
เรามาเริ่มจากค่าย BMW ขนทัพรถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริด มาอวดโฉมกันถึง 3 คัน
BMW 330e
BMW 330e Plug-in Hybrid ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร 1,998 ซีซี. Twin Power Turbo กำลังสูงสุด 184 แรงม้า ที่ 5,000 – 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 290 นิวตันเมตร ที่ 1,350 – 4,250 รอบ/นาที บวกมอเตอร์ไฟฟ้า synchronous electric motor ให้กำลังสูงสุด 88 แรงม้า ที่ 2,500 รอบ/นาที แรงบิด 250 นิวตันเมตร ที่ 0-2,500 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ Steptronic เมื่อรวมการทำงานของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า จะได้กำลังสูงสุด 252 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420 นิวตันเมตร สามารถทำความเร็ว สูงสุดด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้สูงถึง 120 km/h และไปได้ไกลถึง 40 กิโลเมตร
BMW X5 xDrive40e
BMW X5 xDrive40e พละกำลังของเครื่องยนต์เบนซินบล็อกนี้อยู่ที่ 245 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร ขณะที่มอเตอร์ไฟฟ้ามีพละกำลัง 113 แรงม้า แรงบิด 250 นิตันเมตร นั่นทำให้เอ็กซ์ 5 เอ็กซ์ไดรฟ์40อี มีพลังแรงม้ารวมอยู่ที่ 313 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. อยู่ที่ 6.8 วินาที ความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 210 กม./ชม. สามารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนๆ ได้ไกล 30.3 กม. สำหรับการชาร์จไฟใช้เวลา 3 ชั่วโมง 50 นาทีสำหรับไฟบ้านทั่วไป แต่ถ้าใช้ BMW i Wallbox จะใช้เวลา 2 ชั่วโมง 45 นาที
BMW i8
ด้วยแนวคิดการออกแบบโครงสร้างรถอัจฉริยะ LifeDrive ในบีเอ็มดับเบิลยู i8 ที่กระจายสมดุลย์น้ำหนัก จุดศูนย์ถ่วงต่ำสุด เฉลี่ย 50:50 ของเพลาขับเคลื่อน ความสมบูรณ์แบบแห่งการทรงตัวแบบฉบับของรถสปอร์ต การผสมผสานเครื่องยนต์กำลังแรง และมอเตอร์ไฟฟ้า นี่คือที่สุดของรถสปอร์ตของวันพรุ่งนี่้ที่คุณสัมผัสได้ ในบีเอ็มดับเบิลยู i8 ที่รวมคุณสมบัติของสุดยอดเทคโนโลยีการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าและเคลื่อนยนต์ทรงพลัง ที่ให้ประสบการณ์การขับขี่ที่ไม่มีใครเทียบเท่า ทั้งความประหยัดแลความคล่องตัวในเวลาเดียวกัน มอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังขับ 96 กิโลวัตต์ ( 131แรงม้า) ติดตั้งที่เพลาขับหน้า และขับเคลื่อนล้อหลังด้วยเครื่องยนต์ เบนซิน 3 สูบ ทวินพาวเวอร์เทอร์โบ ที่ให้กำลังงสุด 170 กิโลวัตต์ (231 แรงม้า) แรงบิดสูงสุดที่ 320 นิวตันเมตร กำลังขับเสริมที่เพิ่มขึ้นจากระบบ Hybrid เพื่อความเร้าใจแบบบีเอ็มดับเบิลยู ด้วยการทำงานร่วมของระบบทั้ง 2 ทำให้บีเอ็มดับเบิลยู i8 มีอัตราเร่ง 0-100 กม ในพริบตาเพียง 4.4 วินาที
มากันที่ค่ายตราดาว mercedes benz สู้ไม่ถอยส่ง ปลั๊กอิน ไฮบริด มาอวดโฉม 2 รุ่น
Mercedes-Benz S500e
Mercedes-Benz S500e มีให้เลือก 2 ดีไซน์ด้วยกัน คือ Exclusive และ AMG Premium The S500e ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน แบบวี 3.0 ลิตร เทอร์โบคู่ 6 สูบ ความจุ 2,996 ซีซี กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 333 แรงม้า แรงบิด 480 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ที่ 5.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. ขับเคลื่อนด้วยระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติ 7G-TRONIC PLUS พร้อมด้วยการติดตั้งแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ขนาดความจุ 8.7 กิโลวัตต์ สามารถชาร์ตไฟให้เต็มได้ภายในเวลาประมาณ 4 ชั่วโมง สามารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าหรือ EV เพียงอย่างเดียวได้ไกลถึง 31 กิโลเมตร
Mercedes-Benz C350e
Mercedes-Benz C350e เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง ความจุกระบอกสูบ 1,991 ซีซี กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 211 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที โดยในรุ่นซีดานมีแรงบิด 350 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.อยู่ที่ 5.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. ส่วนในรุ่นเอสเตท มีแรงบิด 300 นิวตันเมตร มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. อยู่ที่ 6.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 246 กม./ชม. ขับเคลื่อนด้วยระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติ 7G-TRONIC PLUS พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย
ค่ายรถจากสวีเดน อย่าง Volvo ก็มีปลั๊กอิน ไฮบริด รุ่นใหม่มาอวดโฉมเหมือนกัน
Volvo XC90 Plug In Hybrid
Volvo XC90 เจเนอเรชั่นใหม่ถูกติดตั้งด้วยเครื่องยนต์ ‘Drive-E’ ที่พัฒนาขึ้นโดยวอลโว่เอง โดยในรุ่น T8 เป็นเครื่องยนต์ไฮบริดแบบเสียบปลั๊ก ซึ่งวอลโว่เคลมไว้ว่าเป็น ‘Twin Engine’ หรือมีสองเครื่องยนต์ในรถคันเดียว ทำงานคู่กันระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบขนาด 2.0 ลิตร พร้อมเทอร์โบและซุปเปอร์ชาร์จเจอร์ สำหรับขับเคลื่อนล้อคู่หน้า ขณะที่มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 82 แรงม้า (HP) มีหน้าที่ขับเคลื่อนล้อคู่หลัง โดยระบบไฮบริดนี้ จะให้กำลังรวมทั้งหมด 400 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 640 นิวตัน-เมตร สามารถขับเคลื่อนด้วยโหมดไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว (EV) ได้ไกล 40 กิโลเมตร ซึ่งไม่ปล่อยมลพิษออกสู่อากาศเลย ขณะที่โหมดไฮบริดมีค่าการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 59 กรัมต่อกิโลเมตรเท่านั้น โดยสามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม.ได้ในเวลาเพียง 5.9 วินาที ซึ่งสามารถเทียบบ่าเคียงไหล่กับคู่แข่งพลังงานไฟฟ้าอย่าง Porsche Cayenne S E-Hybrid ได้เลยทีเดียว
สุดท้ายกับค่าย Porsche ที่นำเจ้ามาประชันกันในงาน
Porsche Panamera S E-Hybrid
ขับเคลื่อนด้วยระบบไฮบริดแบบคู่ขนาน หรือ parallel hybrid เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าหมุนล้อไปพร้อมกัน พละกำลังมาจากการจับคู่เครื่องยนต์เบนซิน V6 จ่ายเชื้อเพลิงแบบไดเรคอินเจคชั่น ความจุ 3.0 ลิตร ซูเปอร์ชาร์จ กับมอเตอร์ไฟฟ้าซิงโครนัส 70 กิโลวัตต์ หรือเทียบเท่า 95 แรงม้า ทั้งระบบผลิตกำลังรวมได้ 416 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์ทิปทรอนิค S 8 จังหวะ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 5.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 270 กม./ชม. โหมดไฟฟ้าล้วนวิ่งได้ระยะทางประมาณ 35 กม. มอเตอร์ไฟฟ้าสามารถพาตัวรถที่มีน้ำหนัก 2,095 กก. ใช้ความเร็วได้ประมาณ 135 กม./ชม.
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th