แน่ใจหรือ “รถไมล์น้อย” ดีกว่า “รถไมล์เยอะ” 3 สิ่งที่ซ่อนเร้น ที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจ
สำหรับแฟนๆ ที่อยากได้รถมือสอง ตอนนี้ก็เรียกให้หรูๆ ดูดีกันว่า “ยูสด์คาร์” แน่นอนครับ ใครๆ ก็อยากได้รถที่ใช้น้อย สภาพดี แบบที่เรียกกันว่า “รถไมล์น้อย” ตรงกันข้าม “รถไมล์เยอะ” แค่ได้ยินก็เบือนหน้าหนี ชีวีรันทด เพราะมันต้องโทรมแน่ๆ ความเป็นจริง ก็คือ “ไม่จริงเสมอไป” เพราะฉะนั้น ได้ยินคำว่า “รถไมล์น้อย” ก็อย่าเพิ่งด่วนได้ตัดสินใจ มันมีโอกาส “พลาด” สูง เพราะเหตุใด เรามีคำตอบให้…
ก่อนอื่น ต้องทราบว่า “เลขบันทึกระยะทาง” จะมี 2 ส่วน คือ “เลข Trip Meter” จะเป็นเลข 4 หลัก 3 หลักแรก คือ “หลักกิโลเมตร” หลักท้ายสุด จะเป็น “หลักร้อยเมตร” จะวนกลับ 000.0 เองเมื่อระยะ 999.9 กม. อันนี้เราสามารถกด Reset เองได้ ส่วนสิ่งที่เราพิจารณาในเคสนี้ คือ “เลขระยะทางรวมตั้งแต่ออกจากโรงงาน” (ODO Meter) จะเป็นเลข 6 หลัก ไม่สามารถ Reset เองได้ ถ้าเป็นรถรุ่นที่ใช้จอ “ดิจิตอล” ก็จะสุดที่ 999999 กม. แล้วไม่ไปต่อ เลยต้องมีเครื่องมือสำหรับ Reset โดยเฉพาะ ซึ่งเหล่า Taxi ต้องใช้เพราะแต่ละคันวิ่งทะลุ “ล้านกิโลเมตร” แน่นอน…
- ใช้เยอะ แต่ “กรอไมล์น้อย” อย่าหลงกล : มันเป็นคำพูดสมัยก่อน ที่ยังใช้มาตรวัดความเร็ว หรือ “เรือนไมล์” แบบ “กลไก” ที่จะต้องถอดมานั่ง “ปั่นกรอตัวเลขระยะทางรวมให้น้อยลง” เพื่อหลอกลูกค้าว่ารถใช้น้อย สภาพดี แต่สมัยนี้ง่ายครับ เสียบเครื่องมือเข้าไป แล้ว “จิ้มตัวเลขที่ต้องการได้เลย” เพราะถ้าเลขน้อยผิดปกติถ้าเทียบกับอายุรถ ผู้ซื้อจะรู้ทันทีว่าหลอก พวกนี้ก็หัวหมอ ปรับตัวเลขให้มัน “น้อยกว่าความเป็นจริงหน่อย” โดยคิดเฉลี่ยตามอายุรถ ดังนั้น การจะซื้อรถยูสด์ อย่าได้หลงไปกับตัวเลขไมล์ อันนี้ต้องดู “สภาพโดยรวม” ว่ามันน้อยจริงไหม ถ้าเลขไมล์น้อย แต่ “รถโทรม” ก็ผ่าน (ไปคันอื่น) ได้เลย ไม่ต้องสนใจเงื่อนไขอื่น ให้จำไว้ว่า การพิจารณาเลือกรถ เรื่องไมล์เยอะไมล์น้อยเป็นเพียง “องค์ประกอบหนึ่ง” เท่านั้น…
- ไมล์เยอะ “ใช้รักษา” กับ ไมล์น้อย “ใช้หนัก” : บอกแล้วว่า “อย่ายึดติด” เพราะเหรียญมีสองด้านเสมอ รถไมล์เยอะ แต่ใช้รักษา ซ่อมบำรุงอย่างดี สภาพสวย มันก็น่าใช้ สมมติเคสรถที่วิ่งอยู่ต่างจังหวัด ระยะทางไกลจริง แต่รถไม่ติด วิ่งไปเรื่อยๆ ถนนเรียบ รถก็ไม่โทรม มันก็น่าสนใจ แต่รถในเมือง โดยมากไมล์น้อยเพราะ “ติกแหง่ก” ใช้เวลาเดินทางเยอะ เครื่องติดเดินเบาไว้แค่ “ปั่นแอร์” ความร้อนสะสมก็มาก ออกรถบ่อยๆ เกียร์ก็สึก ถนนห่วยขั้นเทพ ช่วงล่างพังไว เบรกหมด ทุกอย่างภาระหนักหมด บางคันก็ใช้ไม่รักษา รถมันก็โทรมเป็นธรรมดา ก็ต้องพิจารณาสภาพโดยรวมกันดีๆ อย่างที่กล่าวไปสักครู่…
- ใช้น้อยจริง แต่ “จอดนาน” เพราะอะไร ??? : มันก็มีหลายสาเหตุ หากเช็คประวัติเจอว่าใช้น้อยจริงๆ ประเภทสองตายาย ขับแค่ไปจ่ายกับข้าวแถวบ้านแล้วก็กลับ พิจารณาแล้วรถสภาพสวยจริงด้วย อันนั้นก็ถือว่าเฮงไป แต่ถ้า “จอดนานเพราะซ่อม” มีหลายอย่าง เช่น อุบัติเหตุหนัก, มีปัญหาที่ตัวรถ เครื่องหรือระบบต่างพัง ต้องรออะไหล่นาน ฯลฯ และ “รถมีคดี” จนทำให้ “โดนยึด” จอดไว้เป็นของกลาง ทำให้รถโทรมเพราะตากแดดตากฝนทิ้งไว้ อีกอย่าง จอดไว้เฉยๆ ชิ้นส่วนไม่มีการขยับเขยื้อนนานๆ ก็ทำให้เสื่อมสภาพได้เช่นกัน จนหมดคดีความแล้วก็นำออกประมูลขาย บางทีก็กินเวลาหลายปี ถ้ารถมันสภาพไม่โทรมมากนัก แล้วได้ราคาถูก ยังพอมีงบเยียวยาได้ ก็ลองพิจารณาดู แต่เคสนี้ต้อง “คนเป็น” จริงๆ นะครับ ถึงจะดูออกว่าควรซื้อหรือไม่ ถ้าไม่แน่ใจ ก็หาผู้มีประสบการณ์ไปช่วยดูก็จะอุ่นใจครับ…
เรื่อง : อินทรภูมิ์ แสงดี
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th