เคอร์ฟิว : ระวัง !! ขับรถฝ่าเคอร์ฟิว โดนจับ เสียเงิน แถม ติดคุก

หลายท่านคงรู้อยู่แล้วว่าสถาณการณ์ช่วง COVID-19 นี้ในบ้านเรามีมาตรการป้องกันหลายอย่าง คือให้ทำงานที่บ้าน เว้นระยะห่าง และที่สำคัญในขณะนี้เราอยู่ในช่วง เคอร์ฟิว ห้ามออกนอกเคหสถานทั่วประเทศระหว่าง 22.00 น. ถึง 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น ทั้งนี้ก็เพื่อลดความเสี่ยงในการเดินทาง หรือรวมกลุ่มในช่วงค่ำ เพราะมีจำนวนผู้ติดเชื้อไม่น้อยที่เกิดจากการรวมกลุ่มสังสรรค์ ปาร์ตี้

โดยการตั้งด่านตรวจจะมีความเข้มงวดสูงมากที่สุด เพราะถ้าหากพบเจอผู้ฝ่าฝืนเคอร์ฟิว ออกมาขับขี่รถยนต์ หรือจักรยานยนต์หลัง 22.00 น.จะทำการสอบถามถึงเหตุผล หากเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนแล้วพบว่าไม่มีความจำเป็นที่ออกจากเคหสถาน หรือไม่มีหนังสือรับรองการทำงานในช่วงเวลาเคอร์ฟิว ตำรวจก็จะแจ้งข้อหาดำเนินคดี ซึ่งจริงอยู่มันสามารถทำเรื่องประกันตัวได้ แต่พี่ๆตำรวจจะปล่อยให้กลับบ้านหลังหมดเวลาเคอร์ฟิวเท่านั้น จากนั้นก็จะมีการนัดไปส่งฟ้องต่อศาล หรือบางกรณี ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอาจควบคุมตัวเพื่อส่งฟ้องต่อศาลในเช้าวันถัดไป แล้วถ้าโดนเรียกตรวจแล้วพบความผิดอื่นๆอีกเช่น ไม่มีใบขับขี่ ไม่ได้ใส่หมวกกันน็อก หรือตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์เกิน พี่ตำรวจเค้ารวบฟ้องหลายกระทงเลยนะจะบอกให้

สำหรับบทลงโทษสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืน

สำหรับผู้ที่ไม่ได้รับการยกเว้น ตั้งใจฝ่าฝืน หรืออ้างเหตุผลที่ไม่สมควร ก็จะถูกลงโทษจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งโทษของการฝ่าฝืนตามมาตราที่ 18 แห่งพระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ปี 2548 พบว่า “ผู้ใดฝ่าฝืนข้อกำหนด ประกาศ หรือคำสั่งที่ออกตามมาตรา 9 มาตรา 10 มาตรา 11 หรือมาตรา 13 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ระบุในมาตรา 18

ถึงแม้จะมีมาตรการเข้มงวด และมีการตั้งจุดตรวจ จุดสกัด และชุดเคลื่อนที่เร็วทั่วประเทศกว่า 923 จุด ในช่วงเวลาเคอร์ฟิวก็ยังพบผู้ที่ฝ่าฝืนจำนวนมาก โดยต่อไปนี้ทางเจ้าหน้าที่จะงดการตักเตือนและดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด

สำหรับกลุ่มที่ได้รับการยกเว้นจากเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เดินทางในช่วงเวลา เคอร์ฟิว หรือ 22.00 น. ถึง 04.00 น. ได้ ประกอบไปด้วยบุคคลที่มีเอกสารรับรองการทำงาน หรือเอกสารอนุญาตเดินทางจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเท่านั้นได้แก่