รีวิวหลังใช้งาน 1 ปี กับใบปัดน้ำฝน BOSCH AEROTWIN
นี่เป็นการทดลองใช้งานเพื่อตั้งใจนำมารีวิวแบบที่ใช้เวลานานถึง 1 ปีเต็ม กับใบปัดน้ำฝน BOSCH รุ่น AEROTWIN กับแค่ใบปัดน้ำฝนทำไมจะต้องเรื่องเยอะขนาดนี้ แต่นี่เป็นเรื่องเล็กๆ ที่สำคัญและเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในการใช้รถอย่างที่สุดด้วยเช่นกัน มันสำคัญยังไง? ตามมาสิครับ
ใบปัดน้ำฝนในท้องตลาดที่จำหน่ายกันอยู่มีหลายรุ่นหลากยี่ห้อ แถมยังมีหลายราคาให้เลือกใช้งานกันอีก ถ้าเป็นใบปัดน้ำฝนโดยทั่วไปจะมีราคาตั้งแต่สองร้อยกว่าบาทไปจนถึงระดับพันบาท แต่เชื่อว่าหลายๆ คนเลือกใช้ใบปัดน้ำฝนแบบราคาถูกหลัก 30-70 บาท ต่อเส้น แล้วเอามาใส่ในก้านปัดน้ำฝนที่มีอยู่ ซึ่งผู้เขียนเองก็เคยทำอย่างนั้น แต่สุดท้ายแล้วของแบบนี้มันวัดกันที่การใช้งาน ไม่อย่างนั้น BOSCH ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ผลิตวัสดุอุปกรณ์หลากหลายประเภทไม่ลงทุนวิจัยและพัฒนาหลักร้อยล้านบาท เพื่อผลิตใบปัดน้ำฝนที่มีคุณภาพขึ้นมาหรอก จริงมั้ย?
“ใบปัดน้ำฝน” จะสำคัญอะไรนักหนา ผู้เขียนเคยตั้งคำถามแบบนี้เช่นกัน ถึงได้ลองใช้ใบปัดน้ำฝนมาหลายอย่างมาก และสุดท้ายมาเลือกใช้ของ BOSCH รุ่น AEROTWIN ด้วยเหตุผลของคุณภาพและความปลอดภัย หลังจากที่ได้รับเชิญไปเยี่ยมชมโรงงานผลิตอะไหล่ทดแทนของบ๊อชในเมืองฉางชา มณฑลหูหนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อช่วงเดือนตุลาคม 2559 และเป็นครั้งแรกที่มีการเปิดโรงงานแห่งนี้เพื่อให้สื่อมวลชนได้เข้าไปเยี่ยมชม ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะได้เข้าเมืองจีนไปทำอะไรแบบนี้อีกด้วย (ไม่ใช่ว่าเค้าเชิญไปดูโรงงานแล้วถึงเลือกใช้ของเค้าแล้วมาโปรโมทหรอกนะ ของแบบนี้ถ้าได้ลองใช้แล้วจะรู้ทันทีว่า ลงทุนใช้ของดีมันเป็นยังไง) การได้ไปเห็นขั้นตอน เข้าใจวิธีคิด การวิจัย รวมถึงการทดสอบหนักอย่างต่อเนื่อง การจ่ายเงินซื้อใบปัดน้ำฝนในราคา 7-9 ร้อยกว่าบาทต่อข้าง เป็นเรื่องที่ยอมรับได้
ย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นกันก่อน….เป็นเวลากว่า 90 ปี ที่ “บ๊อช” (BOSCH) ได้ขับเคลื่อนนวัตกรรมและเทคโนโลยีเกี่ยวกับยานยนต์ในด้านต่างๆ รวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่มีความสำคัญที่ช่วยให้การขับขี่ปลอดภัยยิ่งขึ้นและยังเป็นผู้บุกเบิกในการพัฒนาเทคโนโลยีใบปัดน้ำฝนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมานานหลายทศวรรษ ซึ่งใบปัดน้ำฝนที่ถูกพัฒนาขึ้นล่าสุดนี้เป็นใบปัดน้ำฝนแบบไร้โครงที่มีการออกแบบเฉพาะสำหรับรถเอเชียทุกยี่ห้อ
ใบปัดน้ำฝนแบบไร้โครง นับว่าเป็นนวัตกรรมการออกแบบที่ทำให้ไร้หูยึดโลหะ จึงสามารถช่วยกระจายน้ำหนักแรงกดที่เท่ากันทั่วใบปัด ทำให้ปัดสะอาดไม่มีเสียงรบกวน และมีอายุการใช้งานยาวนานกว่าใบปัดแบบเก่า ซึ่งสามารถใช้งานได้ยาวนานร่วม 2 ปี กว่าที่จะเสื่อมสภาพและเปลี่ยนใบปัดชุดใหม่ โดยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 เป็นต้นมา บ๊อช เป็นผู้ผลิตรายแรกที่นำใบปัดน้ำฝนแบบใบปัดแบบไร้โครง (Flat-Blade Wiper) เข้ามาในตลาด
บ๊อช ได้ต่อยอดเทคโนโลยีใบปัดแบบไร้โครง ด้วยการใช้ยางสังเคราะห์ที่มีประสิทธิภาพสูง (จากการสอบถามผู้บริหารโรงงานในจีน ไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนว่าตัวเนื้อยางที่เป็นวัตถุดิบสำคัญมาจากที่ไหน แต่คาดเดาได้ว่ามาจากภาคใต้ของไทยแล้วส่งต่อไปยังโรงงานขึ้นรูปเนื้อยางในยุโรปอีกที) โดดเด่นด้วยการออกแบบใบปัดให้ไม่มีโครงเหล็กตามหลักอากาศพลศาสตร์ ทำให้การปัดน้ำฝนมีประสิทธิภาพ ไม่มีเสียงรบกวน และมีความปลอดภัยเมื่อใช้ความเร็วสูง ซึ่งผู้ขับขี่จะสามารถสังเกตถึงความทนทานที่เพิ่มมากขึ้นได้อย่างชัดเจน พร้อมกับมีการออกแบบที่ลู่ลมทำให้มีเสียงลมน้อยที่สุด ส่งผลให้มีประสิทธิภาพในการปัดทำความสะอาดกระจกได้อย่างสม่ำเสมอทั่วทั้งบานและทั่วถึงทุกสภาวะอากาศ ซึ่งวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการขับขี่ถือเป็นความสำคัญต่อการขับขี่ที่ปลอดภัย และมากกว่าร้อยละ 70 ของอุบัติเหตุบนท้องถนน เกิดจากการมองเห็นที่ไม่ชัดเจน เป็นผลมาจากการใช้ใบปัดน้ำฝนที่ไม่มีคุณภาพ บ๊อช จึงพยายามพัฒนาเทคโนโลยีใบปัดน้ำฝนให้ปัดทำความสะอาดได้ดีในทุกสภาพอากาศ และมีการติดตั้งที่ง่ายดาย ใครๆ ก็สามารถติดตั้งเองได้ ซึ่งการใช้ใบปัดน้ำฝนที่มีคุณภาพนอกจากจะช่วยให้ปลอดภัยแล้ว ยังทำให้มีความสุขและเพลิดเพลินตลอดการขับขี่ ลองนึกดูสิ เวลาที่มีฝนตก หรือกระจกหน้าเปียก แล้วใบปัดน้ำฝนปัดรีดน้ำได้อย่างเรียบสนิท ไร้เสียงรบกวน มันสะใจขนาดไหน
การทดสอบประสิทธิภาพของใบปัดน้ำฝนในห้องทดลองที่จำลองสภาพอากาศได้หลากหลาย
สำหรับจุดเด่นหลักของใบปัดน้ำฝนแบบใบปัดแบบไร้โครง (Flat-Blade Wiper) ใช้วัตถุดิบเป็นยางสังเคราะห์ที่มีส่วนผสมและการออกแบบที่พิเศษ ช่วยให้เนื้อยางของใบปัดมีแข็งแรงและทนทานต่อแสงแดด แม้ว่าจะมีการปัดใช้งานมากกว่า 20,000 รอบ แต่ยังคงมีประสิทธิภาพในการปัดน้ำฝนได้เหมือนเพิ่งติดตั้งใช้งานใหม่อยู่เสมอ
นอกจากนี้ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 เป็นต้นมา บ๊อช ได้ทุ่มงบประมาณในการศึกษาวิจัยและพัฒนามากถึง 70 ล้านหยวน (ประมาณ 350 ล้านบาท) ในโรงงานของ บ๊อช ที่เมืองฉางชา โดยมีการใช้เทคโนโลยีในการผลิตแบบอัตโนมัติ (Automation technology) เพื่อให้มั่นใจได้ว่าอะไหล่ทดแทนทุกชิ้นมีคุณภาพได้มาตรฐาน โดยโรงงานบ๊อช ฉางชา แห่งนี้มีพื้นที่ทั้งหมด 82,000 ตารางเมตร โดยแบ่งพื้นที่ 2,400 ตารางเมตร สำหรับใช้เป็นห้องแล็บสำหรับทำการศึกษาวิจัยและพัฒนา มีผู้เชี่ยวชาญจำนวนถึง 4,640 คน ประจำอยู่ที่นี่ ซึ่งมีทั้งทีมงานทดสอบประสิทธิภาพ ทีมงานศึกษาและพัฒนานวัตกรรม ซึ่งยังได้ถูกออกแบบให้เหมือนกับโรงงานผลิตของบ๊อชที่ตั้งอยู่ในประเทศเบลเยี่ยมทุกประการอีกด้วย
แต่ไม่เพียงแค่นั้น บ๊อช ยังมีโครงการรณรงค์ขับขี่ปลอดภัย ในชื่อ “เลือกอะไหล่ผิดเพียงชิ้นเดียว ก็ทำทุกอย่างพังได้” โดยฝ่ายอะไหล่ทดแทนของบ๊อช ได้เปิดตัวแคมเปญนี้ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา มีจุดประสงค์เพื่อรณรงค์ให้เกิดการขับขี่ปลอดภัย ด้วยการใช้อะไหล่ที่มีคุณภาพเชื่อถือได้กับยานพาหนะในเอเชีย กลุ่มเป้าหมายของการรณรงค์ในครั้งนี้ได้แก่ผู้ขับขี่ยวดยานพาหนะเป็นประจำ โดยจะชี้ให้เห็นถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้จากการไม่คำนึงถึงความสำคัญ ของคุณภาพอะไหล่รถยนต์
สำหรับใบปัดน้ำฝนแบบไร้โครง (Flat-Blade Wiper) ของ บ๊อช มีวางจำหน่ายออนไลน์ผ่านเว็ปไซต์ลาซาด้าในประเทศต่างๆ เช่น มาเลเชีย สิงคโปร ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และไทย (http://www.lazada.co.th/shop-wiper-blades/bosch/) รวมถึงร้านจำหน่ายอะไหล่รถยนต์ บ๊อช ในออสเตรเลีย และมีจำหน่ายในร้านอะไหล่ตัวแทนของบ๊อชทั่วทั้งเอเชีย
การใช้งานจริงที่ไม่ได้ทะนุถนอมใบปัดน้ำฝนแม้แต่น้อย
หลังจากใช้งานมา 1 ปีเต็ม จะยังเห็นว่าไม่มีการฉีกขาดของใบปัดน้ำฝน
ร่ายมนต์มาซะยาวเลย ทีนี้มาดูเรื่องการใช้งานกันบ้าง เรื่องแรกที่สัมผัสได้ชัดเจนคือ ปาดคราบน้ำและฝุ่นที่ติดอยู่บนกระจกหน้าได้อย่างสะอาดหมดจด เสียงของใบปัดน้ำฝนเงียบมาก ซึ่งกว่าจะใช้งานจนได้เริ่มได้ยินเสียงครืดๆ เบาๆ ก็ผ่านไปแล้ว 1 ปี แต่การปาดน้ำยังคงอยู่ในระดับที่สะอาด แม้ว่าจะเริ่มมีเส้นน้ำที่ลอดผ่านใบปัดน้ำฝนมาบ้างเพียงเล็กน้อย และด้วยการที่เดินทางทำข่าวไปทั่ว เจอสภาพอากาศที่หลากหลาย โดยเฉพาะอากาศร้อนและฝุ่นที่จับเกาะบนกระจกหน้าเป็นประจำ เมื่อเทียบกับใบปัดน้ำฝนทั่วไปแล้ว 6-8 เดือนก็หมดสภาพแล้ว ที่สำคัญใบปัดน้ำฝนชุดนี้ยังคงถูกใช้งานอยู่ และไม่มีการฉีกขาด สภาพยังคงดี เนื้อยางไม่แข็ง แต่ถ้าเทียบกับของใหม่ที่ซื้อเตรียมเปลี่ยนเอาไว้ พบว่าเนื้อยางของที่ใช้อยู่จะแข็งขึ้นไม่มาก คิดว่าใบปัดน้ำฝนชุดเดิมที่ใช้มาแล้ว 1 ปี น่าจะยังใช้งานได้อีกถึง 6 เดือนอย่างแน่นอน (ทางโรงงานแจ้งว่ามีอายุการใช้งานเฉลี่ย 2 ปี)
เนื้อยางของใบปัดน้ำฝนยังอยู่ในในสภาพดี แม้จะผ่านการใช้งานมาแล้วตลอดทั้งปี
คุ้มหรือไม่ลองถามใจคุณดู..แต่สำหรับผู้เขียนตอนนี้ยอมที่จะจ่ายเงินซื้อใบปัดน้ำฝนในราคาสูงที่เหมาะสมกับคุณภาพ การใช้งานและความปลอดภัยที่ได้รับจากทัศนวิสัยที่ดีมากเมื่อใช้งานจริง แถมไม่อารมณ์เสียกับใบปัดน้ำฝนที่เสื่อมสภาพในเวลาเพียงไม่กี่เดือนอีกต่างหาก ประมาณว่าพอถึงหน้าฝน ใบปัดน้ำฝนก็หมดสภาพซะอย่างนั้น! ..ลองใช้ดูสิครับ แล้วจะเข้าใจว่าผู้เขียนไม่ได้พูดเกินจริง!
https://youtu.be/LrO8WWlaZTA
ทิ้งท้ายเอาไว้อีกสักนิดกับการดูแลใบปัดน้ำฝนให้ใช้ได้ยาวนาน
ทำไมที่ปัดน้ำฝนกระจกรถยนต์ที่ดีนั้นจึงมีความสำคัญ
ในวันที่ฝนตก คุณจำเป็นต้องพึ่งพาที่ปัดน้ำฝนบนกระจกหน้ารถ เพื่อปรับปรุงการมองเห็นและช่วยให้ปลอดภัย ซึ่งเป็นหนึ่งในคุณลักษณะด้านความปลอดภัยอันดับแรกที่จำเป็นต้องใช้งานในช่วงฤดูฝน แต่น่าเสียดายที่ปัดน้ำฝนดีๆ มักจะถูกละเลย ซึ่งมีหลายคนเลือกที่ปัดน้ำฝนที่ราคาถูกมาใช้งาน เพียงคิดแค่ว่า “ใช้ๆ ไปก่อน เดี๋ยวก็หมดฤดูฝนแล้ว ไม่ต้องซื้อของแพงหรอก”
อะไรคือสิ่งที่ทำให้ที่ปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพ?
ที่ปัดน้ำฝนเสื่อมและสึกหรอลงจากปัจจัยหลายเรื่อง แต่ส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากการรวมกันของฝุ่นควันไอเสียและอากาศร้อนระอุ ปัดน้ำฝนที่ดีควรได้รับการออกแบบให้ทนทาน ใช้งานได้นาน โดยส่วนผสมของใบปัดน้ำฝนจะมีสูตรการผสมยางแบบพิเศษที่ทำให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานในสภาพแวดล้อมแบบเขตเมืองร้อน ถามว่าที่ปัดน้ำฝนราคาถูกสามารถใช้งานได้หรือไม่…คำตอบคือสามารถใช้งานได้ แต่ใช้งานได้ไม่นาน เนื่องจากเนื้อยางที่คุณภาพไม่ดีพอจะสึกหรอเร็วขึ้นในเขตร้อน ผู้ใช้รถควรตรวจสอบที่ปัดน้ำฝนเป็นประจำเพื่อให้แน่ใจว่า จะไม่ตกอยู้ในความเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุใดๆ จากวิสัยทัศน์ที่ถูกจำกัดเพราะใบปัดน้ำฝนไม่สามารถรีดน้ำออกจากกระจกหน้าได้อย่างหมดจด
ทำไมกระจกหน้าเป็นรอย
ใบปัดน้ำฝนที่บำรุงรักษาไม่ดี จะมียางที่ลอกออกมาแล้วถูกลากผ่านกระจกหน้ารถและสร้างความเสียหายได้อย่างไม่น่าเชื่อ กระจกหน้ารถที่เสียหายจะจำกัดทัศนวิสัยให้แย่ไปกว่าเดิม แม้แต่ในช่วงที่ไม่ใช่ฤดูฝน และเป็นสูตรสำเร็จของความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ถ้าจะแย่ที่สุดมันอาจทำความเสียหายอย่างหนักทำให้ต้องเปลี่ยนกระจกหน้ารถกันเลยทีเดียว
การดูแลที่ปัดน้ำฝนที่ดี
จากที่อธิบายเอาไว้ใบปัดน้ำฝนจะสึกหรอจากเศษฝุ่น, น้ำมัน และคราบจากสภาพแวดล้อม การดูแลควรใช้ผ้าชุบน้ำทำความสะอาดใบปัดน้ำฝนและกระจกหน้ารถอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเป็นการปกป้องใบปัดน้ำฝนให้พร้อมใช้งาน และไม่ต้องเปลืองเงินเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนบ่อยๆ อีกด้วย
เรื่อง/ภาพ : พุทธิ ผาสุข
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th