รู้ก่อน….ก่อนที่จะสาย
เบื่อกันบ้างมั้ย??? พอเวลาเลิกงานปุ๊บฝนก็มาตามนัด ทั้งๆ ที่เราไม่ได้อยากจะนัดมันเลยด้วยซ้ำ แต่จะให้ทำอย่างไรล่ะ….เราก็ต้องมุ่งหน้ารับกรรมกับคำว่า รถติด น้ำท่วม น้ำขัง น้ำรอระบาย น้ำขึ้นสูง ฯลฯ และเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้เพื่อนๆ มีอะไรที่จะไปรับมือกับพวกนี้หรือเปล่าคะ
วันนี้เรามีเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้รถเสียหายน้อยที่สุด เมื่อเพื่อนๆ ต้องลุยน้ำท่วมมาฝากกันคะ
- ต้องควบคุมความเร็ว : ชะลอรถ โดยใช้ความเร็วไม่เกิน 60 – 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
- ต้องไม่ชิด : ไม่ควรขับรถไปชิดกับคันข้างหน้ามากเกินไป ควรเว้นระยะห่างจากรถคันข้างหน้าให้มาก
- ต้องมีความชะลอ : เมื่อมีรถสวนมาควรชะลอความเร็ว
- ต้องใช้เกียร์ต่ำ : ขับช้าๆ และควรใช้เกียร์ต่ำในการขับขี่
- ต้องไม่ลุย (หากไม่จำเป็น) : ไม่ควรขับลุยน้ำท่วมที่สูงเกิน 30 เซนติเมตร แต่หากจำเป็นต้องลุย ควรที่จะผิดระบบเครื่องปรับอากาศ
- ต้องทำให้แห้ง : เมื่อพ้นน้ำแล้วให้ขับช้าและควรเบรคเป็นช่วงๆ เพื่อให้ผ้าเบรกแห้ง
- ต้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนมนุษย์ : แต่หากเครื่องดับ ก็ส่งเสียงหรือเรียกให้คนมาช่วยย้ายรถ แต่ขอบอกเลยว่า อย่าสตาร์ทรถโดยเด็ดขาด เพราะไม่อย่างนั้นเครื่องอาจพังได้นะจ๊ะ
- ต้องมีความสะอาด : หลังจากที่ลุยน้ำท่วมมา ควรที่ล้างรถให้สะอาด กำจัดเศษหิน เศษหญ้า โคลนที่ติดเกาะมากับรถของเรา ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ให้มันเลอะ เหมือนกับเพื่อนๆ ก่อนจะนอนก็ต้องอาบน้ำแปรงฟันเพื่อความสะอาด
- ต้องดูแลและเอาใจใส่ : เช็คลูกปืนล้อ เพราะเมื่อลูกปืนล้อโดนน้ำอาจจะให้เกิดเสียงดัง ตรวจสอบพื้นพรม พื้นยางในรถ เพื่อป้องกันการเกิดเชื้อรา หรืออาจจะส่งรถเข้าไปเช็คสภาพรถที่ศูนย์ระแวกบ้านได้เลยคะ
ฤดุฝนแบบนี้ก็ควรที่จะต้องดูแลรถให้เหมือนกับที่เราใส่ใจแฟนนะคะ แต่ทางที่ดีที่สุด….ก่อนออกจากบ้านหรือออกจากออฟฟิตเพื่อนๆ ควรจะเช็คข่าวกันก่อนไม่ควรที่จะออกไปลุยน้ำท่วม ไม่อย่างนั้นรถของเพื่อนๆ อาจจะกลายเป็นเรือแต่วิ่งไม่ได้นอกจากลากเข้าฝั่งอย่างเดียวนะคะ
เรื่อง : วีรณัฐ ภิรมย์ลาภา
ขอบคุณข้อมูล : Infographic Thailand
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th