รู้จัก Roland Folger ประธานบริหารคนใหม่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย
การให้สัมภาษณ์ครั้งแรกของ Roland Folger ประธานบริหารคนใหม่เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) หลังจบงาน Mercedes-AMG Driving Experience 2018 รอบสื่อมวลชน พร้อมเปิดตัว 3 โมเดลใหม่ ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
อยากทราบถึงมุมมองของคุณต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ประเทศไทย?
Folger: “ความจริงยังเร็วเกินไปที่ผมจะแสดงความเห็นในเรื่องนี้ จากการที่ผมเพิ่งจะเข้ามารับตำแหน่งเมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ผมยังต้องใช้เวลาเรียนรู้เพื่อทำความเข้าใจตลาดรถยนต์ของประเทศไทย อย่างไรก็ตามประเทศไทยถือเป็นตลาดสำคัญของเมอร์เซเดส-เบนซ์ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การจัดงาน Mercedes-AMG Driving Experience 2018 และการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ในวันนี้เป็นสิ่งที่ยืนยันได้เป็นอย่างดี การนำเสนอรถยนต์สมรรถนะสูงภายใต้แบรนด์เอเอ็มจี แสดงให้เห็นว่าเรามีอนาคตที่สดใสรออยู่ สำหรับตลาดประเทศไทยยังมีโอกาสอีกมาก หากคุณพยายามพัฒนาด้วยการนำโมเดลต่างๆ เข้ามาประกอบในประเทศ จะยิ่งช่วยเพิ่มศักยภาพในการทำตลาดสู่ทิศทางที่ต้องการ”
คุณได้รับมอบภารกิจหรือมีเป้าหมายพิเศษในการเข้ารับตำแหน่งประธานเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทยหรือไม่?
Folger: “ภารกิจการทำงานของเมอร์เซเดส ในประเทศไทยยังคงเหมือนเดิมอย่างที่เคยเป็นมาเสมอ นั้นก็คือการวางตำแหน่งของแบรนด์ให้อยู่ในระดับสูงสุดของเซกเม้นต์รถยนต์ลักชัวรี่ พร้อมสร้างความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง ในการที่จะประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้กับการดำเนินธุรกิจทั่วโลก ภายใต้แบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ เราได้แบ่งการทำตลาดเป็น 2 ขั้วที่แตกต่าง ด้านหนึ่งคือตัวแทนความหรูหรา โดยรถที่เป็นที่สุดของความหรูหราก็คือ Maybach และในอีกด้านหนึ่งคืออารมณ์การขับขี่แบบสปอร์ต เจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนหนุ่มสาวผ่านแบรนด์เอเอ็มจี เหมือนที่ผู้สื่อข่าวทุกคนมีโอกาสสัมผัสการขับ และการเปิดตัวที่น่าตื่นเต้นของรถยนต์กลุ่มเอเอ็มจีในงานครั้งนี้”
“ปัจจุบันเรามียอดขายที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา ภาพรวมทั่วโลกตัวเลขยอดขายนับว่ายอดเยี่ยม หากเปรียบเทียบกับคู่แข่ง ทั้งหมดนี้เกิดจากการเพิ่มเงินลงทุนในโรงงานผลิตที่ตั้งอยู่ในประเทศต่างๆ โดยเฉพาะแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่จะกลายเป็นรากฐานแห่งความสำเร็จของเราในภูมิภาคนี้”
มีการดำเนินงานด้านใดของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ที่คุณต้องการยกระดับขึ้นมา?
Folger: “การที่เมอร์เซเดส เป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ลักชัวรี่ของประเทศไทย จุดแข็งของเราคือเครือข่ายตัวแทนจำหน่าย โดยตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของเรามีการลงทุนเพื่อให้บริการที่ดีที่สุด และในปัจจุบันตลาดรถยนต์สมรรถนะสูงภายใต้แบรนด์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี มีการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้จะกลายเป็นอีกจุดแข็งของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ในอนาคต”
“อย่างไรก็ตามเมื่อพูดถึงการเติบโตของเมอร์เซเดส ในประเทศไทย ผมมองว่ากุญแจสำคัญที่จะทำให้เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย และผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของเรามีความแข็งแกร่งมากขึ้นคือการพัฒนาธุรกิจรถยนต์ใช้แล้วหรือ Mercedes-Benz Certified ที่จะเป็นธุรกิจสำคัญในการสร้างรายได้ และเสริมความแข็งแกร่งให้เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย มีการดำเนินธุรกิจที่ครบวงจรมากยิ่งขึ้น ในอีกด้านหนึ่งคือความพึงพอใจบริการหลังการขาย และการดูแลลูกค้า เท่าที่ผมทราบในประเทศไทยมีการดำเนินงานในทิศทางที่ถูกต้อง ด้วยการทำให้ลูกค้ามีความใกล้ชิดหรือเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ สร้างความสุขให้ลูกค้า และพื้นฐานสำคัญคือการทำให้ลูกค้ามีความสุขกับแบรนด์เมอร์เซเดส ให้มากที่สุดอย่างที่ไม่สามารถหาได้จากแบรนด์อื่นในตลาด”
พื้นฐานสำคัญคือการทำให้ลูกค้ามีความสุขกับแบรนด์เมอร์เซเดสให้มากที่สุดอย่างที่ไม่สามารถหาได้จากแบรนด์อื่นในตลาด”
อะไรคือสิ่งที่คุณจะทำเพิ่มเติมในส่วนของธุรกิจ Mercedes-Benz Certified?
Folger: “ในส่วนของ Mercedes-Benz Certified งานแรกที่เราต้องทำ และได้เริ่มต้นไปแล้วคือการวิเคราะห์เพื่อหาว่าจะนำรถยนต์เมอร์เซเดส ที่ใช้แล้วจากไหนเข้าสู่ระบบอย่างถูกต้องเพื่อนแนะนำลูกค้า หากเทียบกับประเทศแถบยุโรปหรือสหรัฐฯ รถยนต์ใช้แล้วส่วนใหญ่จะมาจากโปรแกรมเช่าชื่อ (Leasing) 60-80 เปอร์เซ็นต์ ทำให้มีรถยนต์ใช้แล้วเข้าสู่ธุรกิจนี้อยู่ตลอด ตรงกันข้ามกับประเทศไทยที่ธุรกิจเช่าซื้อยังไม่ได้รับความนิยมมากนัก ทำให้เราต้องดำเนินธุรกิจด้วยการหารถยนต์ใช้แล้วคุณภาพดีเพื่อนำมาเสนอต่อลูกค้าที่สนใจ และเพื่อสร้างความสนใจต่อบุคคลที่มีโอกาสจะเป็นลูกค้าของเมอร์เซเดส ในอนาคต แต่ตอนนี้อาจจะมีสถานะทางการเงินไม่สูงมากพอจะซื้อเมอร์เซเดส รุ่นใหม่ แต่ต้องการใช้รถยนต์ที่มีคุณภาพดี และมีความน่าเชื่อถือ โดย Mercedes-Benz Certified จะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม”
สุดท้ายกับรถยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีไฮบริด และปลั๊ก-อิน ไฮบริด ภายใต้แบรนด์อีคิว (EQ) ในระยะหลังดูเหมือนจะไม่ได้รับการพูดถึงเท่าไรนัก?
Folger: “ในมุมมองของผมประเทศไทยอยู่ในสถานะที่ดีของความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยียานยนต์ หลายๆ ประเทศกำลังประสบความยากลำบากในการค้นหาคำตอบว่าอะไรคืออนาคตของอุตสาหกรรมรถยนต์ ขั้นตอนในการผลิตจะเป็นอย่างไรหรืออะไรคือแหล่งพลังงานที่จะนำมาใช้ ในตอนนี้ยังไม่มีแนวความคิดที่ชัดเจน ทุกกำลังค้นหาแนวทางเพื่อสร้างมาตรฐานร่วมกัน หากคุณมองไปที่เทสล่า พวกเขามาพร้อมเทคโนโลยีที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากเครื่องยนต์แบบดั้งเดิม ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไป เช่นเดียวกับรัฐบาลในหลายประเทศทั่วโลก พวกเขาเผชิญความสับสนทั้งการกำหนดมาตรการช่วยเหลือ การสร้างสถานีชาร์จไฟ และโครงสร้างพื้นฐาน ผมคิดว่าเป็นความท้าทายในการหาบทสรุปอย่างเป็นทางการ แต่ที่สามารถยืนยันได้คือประเทศไทยจะเป็นฐานการผลิตหลักเพื่อส่งออกรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณข้อมูล: เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th