ลองขับ ฮอนด้า CR-V ใหม่ เบนซิน หรือ ดีเซล อะไรเจ๋งกว่ากัน
ปีนี้จัดหนักจัดจริงครับสำหรับค่าย ฮอนด้า ตั้งแต่ต้นปีเปิดรถใหม่ ทั้ง ซิตี้, ซีวิค แฮทช์แบ็ค, โมบิลิโอ, แจ๊ซ และ ซีอาร์-วี โฉมใหม่โมเดลเชนจ์ แถมเจ้า ซีอาร์-วี ใหม่คันนี้ยังมาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล และยัดเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกที่นำเอาเครื่องดีเซลมาใช้ในซีอาร์-วี และเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร เกียร์อัตโนมัติซีวีที ได้ข่าวมาว่าจองจองของเจ้าซีอาร์-วี ใหม่คันนี้มียอดจองไป 4,000 คันลัวนะจ๊ะ
ครั้งนี้เราได้รับเชิญจากทางฮอนด้าให้เข้าร่วมการทดสอบเจ้า ซีอาร์-วี ใหม่คันนี้กันที่ภูเก็ต โดยเราจะบินจากกรุงเทพ ไปภูเก็ต แล้วขับไปพังงา และกลับมานอนภูเก็ต ระยะทางประมาณ 270 กิโลเมตร โดยเราจะได้ขับเจ้าซีอาร์-วี ตัวท็อปทั้งหมดทั้ง 2 เครื่องยนต์ เบนซิน 2.4 EL 4WD ราคา 1.549 ล้านบาท และดีเซล DT-EL 4WD ราคา 1.699 ล้านบาท มาดูกันว่าอะไรมันเจ๋งกว่ากัน
ภายนอกมองผ่านๆจะมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าโฉมก่อน โดดเด่นด้วยไฟหน้าแบบ Full LED พร้อมไฟเดย์ไทม์ ส่วนไฟท้ายดีไซน์เฉี่ยวเป็นแบบ LED ล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 18 นิ้ว ประตูฝาท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าทุกรุ่น แต่ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ จะมีระบบเปิด-ปิดฝาท้ายอัตโนมัติ โดยแค่มีกุญแจอยู่กับตัว แล้วใช้ขาแกว่งใต้กันชนหลังก็สามารถสั่งงานได้อย่างสะดวก
ภายในห้องโดยสารของเจ้าซีอาร์-วี ใหม่ เป็นแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง ภายในเน้นการตกแต่งโทนสีเข้ม ออกแบบคอนโซลหน้าใหม่ ดูทันสมัยหรูหรามากขึ้นด้วยการใช้วัสดุหลากหลายประเภทมาผสมรวมกัน ทั้งพลาสติกหุ้มหนัง วัสดุมันวาว แถมตกแต่งด้วยขอบคิ้วลายไม้ ผสมรวมกันและด้วยการออกแบบที่ดีทำให้ภายในหรูหราราวกับรถยนต์ยุโรปราคาแพง มาตรวัดแบบดิจิตอลล้ำสมัย ที่บริเวณคอนโซลกลางมีหน้าจอเครื่องเสียง ระบบสัมผัสขนาดใหญ่ และที่แปลกใหม่ใน ฮอนด้า ซีอาร์-วี 2017 ก็คือ ระบบเกียร์แบบปุ่มกดที่สามารถเลือกใช้งานได้ทั้งตำแหน่งเกียร์ P R N D S รวมถึงปุ่มเบรกมือไฟฟ้า พร้อมระบบ Auto Brake Hold ส่วนในรุ่นเป็นซินจะใช้เป็นเกียร์แบบเดิมไม่ใช่ปุ่มกด
อีกอย่างที่ต้องขอชมเลยเบาะคู่หน้าออกแบบมาได้อย่างลงตัวจริงๆครับนั่งสบายมาก แถว2 ยิ่งสบายไปใหญ่เลื่อนขึ้นลงได้150 มิลลิเมตร เมื่อปรับเลื่อนอยู่ในตำแหน่งปกติจะมีที่วางขาเพิ่มขึ้น 50 มิลลิเมตร ลองรับคนที่นั่งแถว3 ไม่ต้อง งง ซีอาร์-วี รุ่นใหม่คันนี้มีเบาะแถว3 ครับผม รองรับได้ 7 ที่นั่งแบบสบายๆ ผู้ใหญ่ก็นั่งได้นะไม่ใช่เฉพาะเด็ก แต่ผู้ใหญ่ตัวสูงๆอาจจะนั่งไม่สบายเท่าไหร่นัก และเมื่อใช้งานเบาะนั่งทั้ง 3 แถว ด้านหลังยังมีพื้นที่ใส่ของได้ เมื่อปรับเป็น Lower Mode สามารถใส่แกลลอนน้ำ 3 แกลลอน Upper Mode ปรับพื้นห้องเก็บสัมภาระด้านหลังเป็น 2 ชั้น และ Utility Mode พับเบาะแถว 2 และ 3 ราบลง สามารถรองรับสัมภาระที่มีน้ำหนักสูงสุด 100 กิโลกรัม และมีความยาว 1,880 มิลลิเมตร เพิ่มขึ้น 220 มิลลิเมตร มีช่องแอร์บนเพดานสำหรับผู้โดยสารแถว 3 พร้อมสวิตช์แยกปรับแรงลมได้ 3 ระดับ มิติตัวถังมีความยาว 4,571 มิลลิเมตร เพิ่มขึ้น 16 มิลลิเมตร กว้าง 1,855 เพิ่มขึ้น 35 มิลลิเมตร สูง 1,667 มิลลิเมตร เพิ่มขึ้น 17 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,662 มิลลิเมตร เพิ่มขึ้น 42 มิลลิเมตร
เริ่มการทดสอบกันเลยดีกว่าเราประเดิมด้วยเครื่องยนต์ใหม่กันเลย ดีเซล 1,600 ซีซี i-DTEC กำลังสูงสุด 160 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตรที่ 2,000 รอบต่อนาที ออกจากโรงแรม เรเนซองส์ ภูเก็ต มุ่งหน้าจังหวัดพังงา ช่วงแรกถนนโล่งเลยกดคันเร่งลองกันหน่อย ความเร็วเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและนุ่มนวล ความเร็วไปแตะ 160 กม./ชม. ได้อย่างสบาย (ความเร็วเพิ่มขึ้นได้อีกเยอะแต่เส้นทางกับถนนไม่เอื้อยอำนวยให้ขับเร็วกว่านี้) ไม่ถึงกับจื๊ดจ๊าดมากอาจต้องรอรอบนิดนึงแต่พอรอบได้ขับสนุกทีเดียวครับ การเร่งแซงก็ทำได้อย่างสบายหายห่วงเหลือๆครับ เกียร์อัตตโนมัติ 9 สปีด ทำงานรวมกับเครื่องยนต์ 1.6 ดีเซล ได้อย่างนุ่มนวล การเร่งแซงต่อเนื่องหรือกดคันเร่งแช่ยาวๆ แม้จะลากรอบได้ไม่สูงเหมือนเครื่องยนต์เบนซิน แต่ก็มีเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะมาชดเชย เปลี่ยนขึ้นเกียร์สูงได้นุ่มนวลและรอบไม่ตกมาก เร่งได้ต่อเนื่อง จังหวะเร่งแซงดีกว่าเบนซินครับ
หลายคนสงสัยเครื่องแค่ 1.6 แถมแบกน้ำหนักตัวรถที่ใหญ่ขนาดนี้ขึ้นเขาจะเป็นอย่างไร แน่นอนการทดสอบครั้งนี้เส้นทางส่วนใหญ่เขาล้วน พูดเลยว่าพละกำลังของเครื่อง 1.6 ดีเซลของฮอนด้า ซีอาร์-วี คันนี้ขึ้นได้สบายชิลล์เลยครับ ไม่ต้องเค้นเครื่องให้เหนื่อย ผ่านเข้าเมืองเห็นรถคันใหญ่แบบนี้ผมบอกเลยว่าคล่องตัวมาก ขับง่าย ลัดเลาะไปตามช่องว่างได้อย่างสบาย อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 17.9 กม./ลิตร อันนี้โรงงานเค้าเครมมา แต่ผมขับแบบใช้งานจริง กดแหลก ขึ้น-ลงเขา ยังทำได้ถึง 13 กม./ลิตร ประหยัดจริงๆครับ แถมรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อประหยัดกว่าอีกโรงงานเครมมาว่าประมาณ 18.9 กม./ลิตร มาลองเล่นโหมด S กับ Paddle Shift ขับสนุกมากขึ้นเร่งแซงสบายขึ้น แต่พอจะลดเกียร์ลงต่ำดูจะไม่ทันใจเท่าไหร่หน่วงๆ อาจะปรับเซ็ตมาให้รักษาเกียร์ไม่ให้พัง เสียงเครื่องยนต์ดีเซลเข้ามาในห้องโดยสารแค่เบาๆเท่านั้นถือว่าเงียบมากครับสำหรับดีเซล การดูดซับแรงสั่นทะเทือนทำได้อย่างนุ่มนวลมากแน่น หนึบมากครับ เบรกให้ความมั่นใจทั้งในความเร็วสูงและต่ำ เพิ่มขนาดจานเบรกหน้าและหลัง 19 และ 5 มิลลิเมตร เป็น 315 และ 310 มิลลิเมตร
สำหรับเกียร์ที่เป็นปุ่มกดแบบนี้ หลายท่านอาจจะสงสัยว่าถ้าเกิดพลาด หรือลูกๆไปกดเล่นระหว่างขับนั้นจะอันตรายหรือไม่ บอกเลยว่า เกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ Shift by Wire ที่ติดตั้งในรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ด้วยการกดปุ่ม มาพร้อมระบบป้องกันเพื่อความปลอดภัย เช่น ขณะอยู่ในเกียร์ D ถ้ากดไปที่เกียร์ R ขณะรถมีความเร็วเกิน 8 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือกดไปที่ตำแหน่ง P ขณะความเร็วเกิน 2 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เกียร์จะเปลี่ยนไปที่ทำแหน่ง N พร้อมเสียงและสัญญาณเตือน ผมลองกดเล่นแล้วคอนเฟริ์มปลอดภัยครับ
ขากลับเปลี่ยนมาขับ รุ่นเบนซินเครื่องยนต์ 4 สูบ 2,400 ซีซี i-VTEC รองรับ E85 กำลังสูงสุด 173 แรงม้า ที่ 6,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 22.8 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบต่อนาที การออกตัวผมว่าทำได้ดีกว่าดีเซล แต่พอเร่งแซงต้องเผื่อระยะนิดนึง บางจังหวะต้องใช้การคิ๊กดาวน์ช่วย พอไปได้ ไม่ถึงกับฉับไวนัก การเร่งแซงเครื่องดีเซลทำได้ดีกว่า ส่วนเบนซินต้องเผื่อระยะแซงไว้พอสมควร ผมว่าคงเป็นเพราะเกียร์ CVT นี้ถ้าเปลี่ยนเอาเกียร์อัตตโนมัติ 9สปีดของดีเซลมาใส่นะ ผมว่า 2 เครื่องยนต์นี้กินกันไม่ลงเลย การขึ้น –ลงเขาทำได้สบาย
ช่วงล่างออกไปทางนุ่ม ดูดซับแรงสะเทือนได้ดี ถ้าใช้ความเร็วสูงบนทางโค้งจะรู้สึกว่ามีการยุบตัวมากไปนิด ดีเซลจะแน่น และหนึบกว่า แต่ยังอยู่ในระดับที่ดีควบคุมได้ง่าย พวงมาลัยตอบสนองฉับไวดี คุมง่าย เบรกนุ่มนวล แรงเบรกเหลือเฟือ เบรกได้มั่นใจ โรงงานเครมมาว่าอัตราสิ้นเปลือง 12.2 กม./ลิตร แต่ผมขับได้ประมาณ 9 กม./ลิตร ขับแบบที่ขับแบบดีเซลนะครับ อิอิ
เรามาสรุปกันดีกว่า ว่าเครื่องยนต์ไหนมันเจ๋งกว่ากัน บุคคลิกแตกต่างกันชัดเจนสำหรับทั้งสองเครื่องยนต์ ขับความเร็วคงที่ เครื่องยนต์เบนซินให้ความนุ่มนวลราบเรียบ ตอบสนองดีในรอบต่ำ ส่วนการเร่งแซงต้องใช้รอบสูง สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล แรงแบบขับสนุกไม่ถึงกับจื๊ดจ๊าด แต่ก็เร่งแซงได้ดีโดยไม่ต้องใช้รอบสูง เน้นขับง่ายใช้งานทั่วไปได้ดี ขับให้ประหยัดได้ง่าย เกียร์ 9 จังหวะ นุ่มนวลต่อเนื่องแม้ไม่ใช่CVT
สำหรับอัตราเร่ง การเร่งแซง ผมว่าเครื่องยนต์ดีเซล ทำได้ดีกว่า เร่งแซงทันใจกว่า ระบบช่วงล่าง กันสะเทือนอิสระพร้อมเหล็กกันโคลงทั้ง 4 ล้อ ด้านหน้าแม็คเฟอร์สันสตรัต ด้านหลังมัลติลิงก์ ได้รับการปรับให้เหมาะสมกับน้ำหนักของรถรุ่นเบนซินและดีเซลที่ต่างกันประมาณ 60-70 กิโลกรัม ผมลองแล้วรู้สึกว่าช่วงล่างของดีเซล จะแน่น หนึบกว่าเบนซิน อัตราสิ้นเปลื้องน้ำมันดีเซลก็ทำได้ดีกว่า ความแตกต่างของทั้ง 2 รุ่นนี้ก็มีเกียร์ ที่เบนซิน เป็น CVT ส่วนดีเซลเป็นอัตโนมัติ 9 สปีด เบนซินไม่มี Paddle Shift อีกต่างหาก แหมม เหมือนฮอนด้า เค้าทำมาให้ลูกค้าไปสนใจตัวดีเซลมากกว่านะครับนี่ แต่ราคาของเครื่องยนต์ดีเซลแพงกว่านะครับ อยู่ที่ใครชอบแบบไหน แต่ผมต้องบอกเลยว่าฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่นี้คุ้มค่าเงินมากครับ
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th