ลองขับ TOYOTA FORTUNER LEGENDER ยางเดิมโรงงาน ลุยทางออฟโรด จะรอดหรือไม่ !
สดๆร้อนๆเพิ่งออกจากโรงงานกันเลยทีเดียวครับกับ TOYOTA FORTUNER LEGENDER ที่หลายคนเฝ้ารอ ครั้งนี้เราจะนำ TOYOTA FORTUNER LEGENDER รุ่นท็อปสุดเครื่องยนต์ 2.8 ลิตร 204 แรงม้า ไปทดสอบแบบจัดหนักจัดเต็มกันครับกับเส้นทางออนโรด และออฟโรด งานนี้มันส์แน่นอน จะรอดหรือไม่รอด รถจะดีขนาดไหนเดี๋ยวรู้เลย
อย่างที่ทุกคนรู้กันโตโยต้าได้ทำการไมเนอร์เชนจ์ FORTUNER ใหม่ โดยมีให้เลือก 2 หน้าตา และ 2 เครื่องยนต์คือ 2.4 และ 2.8 ลิตร โดยรุ่นมาตรฐานออกมาจำหน่ายลงโชว์รูมไปก่อนหน้าจะมีแค่เครื่องยนต์ 2.4 ลิตรเท่านั้น และมีราคาพิเศษ ซึ่งจะหมดแคมเปญภายในสิ้นเดือนกันยายนนี้และจะกลับไปขายในราคาจริงซึ่งจะเพิ่มขึ้นรุ่นละประมาณ 30,000 บาท ใครสนใจรุ่นมาตรฐานผมว่ารีบตัดสินใจก่อนเดือนกันยายนนะครับ
ราคารุ่นมาตรฐาน (ราคาวันนี้ – 30 กันยายน 2563)
- รุ่น 2.4V เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อน 4 ล้อ ราคา 1,494,000 บาท จาก 1,524,000 บาท
- รุ่น 2.4V เกียร์อัตโนมัติ ราคา 1,424,000 บาท จาก 1,454,000 บาท
- รุ่น 2.4G เกียร์อัตโนมัติ ราคา 1,319,000 บาท จาก 1,349,000 บาท
กลับมาที่ TOYOTA FORTUNER LEGENDER เพิ่งออกมาสดๆร้อนจากโรงงานเลย ซึ่งรูปร่างหน้าตาต้องบอกเลยว่าแตกต่างจากรุ่นมาตรฐานอย่างชัดเจนเรียกได้ว่าคนละคาแรคเตอร์กันเลยที่เดียว TOYOTA FORTUNER LEGENDER ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันให้แตกต่างจากรุ่นมาตรฐานอย่างชัดเจน เจาะกลุ่มลูกค้านักธุรกิจรุ่นใหม่ เน้นดีไซน์หรูหราพรีเมียมยิ่งขึ้น เส้นสายดูเฉียบคมตามหลักอากาศพลศาสตร์ เพิ่มความโฉบเฉี่ยวด้วยกระจังหน้าที่แตกต่าง เพิ่มความทันสมัยด้วยไฟหน้า Daytime Running Light แบบ Light Guiding ดีไซน์ใหม่ ที่มาพร้อมไฟเลี้ยว LED แบบ Sequential ไฟสูง และไฟต่ำแบบ LED พร้อมปรับดีไซน์กันชนหลังใหม่ให้สอดรับกับดีไซน์ด้านหน้าอย่างลงตัว นอกจากนี้ยังปรับเปลี่ยนลายล้ออัลลอย 20 นิ้วเป็นดีไซน์ใหม่มาพร้อมกับหลังคาทูโทน ให้ความโดดเด่น ยกระดับการเป็น Flagship Model สะท้อนภาพลักษณ์สปอร์ตระดับผู้นำ ดีไซน์หรูหรา แบบ Sport Premium PPV”พร้อมประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้าและ Kick Sensor
ส่วนภายในก็ยังคงกว้างขวางสะดวกสบายเช่นเดิม เพียงแต่มีการเพิ่มลูกเล่นและดีไซน์ใหม่เข้าไปเล็กน้อย มาตรวัด Optitron ดีไซน์ใหม่เพิ่มฟังก์ชั่นแสดงตำแหน่งองศาการเลี้ยวของล้อ Tire Turning Angle บนหน้าจอ MID เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง สีทูโทน ดำ-ขาว วัสดุตกแต่งภายในห้องโดยสาร ลายไม้ Galaxy Black พร้อมแถบสีเงิน หน้าจอเครื่องเสียง ระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay / Android Auto กระจกมองหลัง แบบปรับลดแสงอัตโนมัติ ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย Wireless Charger ช่องชาร์จไฟ USB 2 ตำแหน่ง สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง มีไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร Ambient Light ระบบเปิด-ปิด ฝาท้ายโดยไม่ต้องใช้มือ Kicks Sensor Hands-Free Tailgate กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา สัญญาณกะระยะช่วยจอดด้านหลัง 6 ตำแหน่ง ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง และระบบ Toyota Safety SENSE ประกอบด้วย
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Dynamic Radar Cruise Control
- ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน Lane Departure Alert
- ระบบเตือนการชนด้านหน้า Pre-Collision System
หลายท่านคงมีคำถามว่าทำไมเบาะแถว 3 ไม่ผับเรียบซะทีแขวนอยู่ได้ โตโยต้าให้เหตุผลว่า ที่ดีไซน์แบบนี้เพราะคำนึงถึงการใช้งานของลูกค้า เพราะถ้าพับเบาะเรียบไปกับพื้นจะทำให้พื้นภายในรถยกสูงขึ้นมา จะทำให้ลำบากในการยกของเข้าท้ายรถ แต่อย่างไรก็ดีทางโตโยต้าก็มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนมาเป็นพับเรียบในแถวที่3 หรือไม่ก็ตัดเบาะแถว 3 ออกเลยก็เป็นได้ เพราะบางประเทศ FORTUNER ก็ไม่มีเบาะแถว 3 เราคงต้องรอดูต่อไป
มาถึงการทดสอบ TOYOTA FORTUNER LEGENDER กันดีกว่า เส้นทาง กรุงเทพ – พัทยา หลายท่านคงบอกทดสอบอะไรวิ่งแค่กรุงเทพไปพัทยานี่นะ แต่เดี๋ยวก่อนงานนี้มีเซอร์ไพรส์เพราะเราจะไปลุยเส้นทางออฟโรดกันด้วย เริ่มปล่อยตัวจากเส้นบางนาตราด ความคล่องตัวของ TOYOTA FORTUNER LEGENDER ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี สามารถลัดเลาะตามช่องว่างได้สบาย ทัศนวิสัยดีมองเห็นได้ไกลขับง่ายสบายมาก
วิ่งขึ้นมอเตอร์เวย์ทางตรงยาวๆมาลองอัตราเร่งของเครื่องยนต์ดีเซล 2.8 VN-Turbo กำลังสูงสุด 204 แรงม้า ที่ 3,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 2,800 รอบ/นาที และเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะกันหน่อย ลองกดคันเร่งลงไปแบบเร็วๆดูเหมือนรถจะต้องคิดนิดนึงเพราะมีจังหวะหน่วงอยู่ แต่พอปรับมาเดินคันเร่งแบบค่อยกดลงไปไม่กดพรวด เฮ้ย ! ความเร็วเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และลื่นไหลดีมากทีเดียว ดีกว่ารุ่นก่อนหน้าแบบรู้สึกได้ การเร่งแซงก็ทำได้อย่างสบายไม่ต้องลุ้น ถือว่าขับสนุกมากเลยครับสำหรับ TOYOTA FORTUNER LEGENDER คันนี้
ช่วงล่าง ด้านหน้าอิสระแบบปีกนกคู่ พร้อมคอยล์สปริง และ เหล็กกันโคลง โช็คอัพ(เฉพาะรุ่นLEGENDER ) ด้านหลังแบบ 4-Link พร้อมคอยล์สปริง และ เหล็กกันโคลง โช็คอัพ (เฉพาะรุ่น LEGENDER) มีการปรับเซ็ทมาอย่างดีนุ่มนวลขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด ไม่ดีดเด้งแล้ว วิ่งทางตรงยาวๆด้วยความเร็วยังคงให้ความนิ่ง วิ่งผ่านหลุมบ่อ พื้นผิวของถนนที่ไม่เรียบได้อย่างนุ่มนวล เค้าโค้งด้วยความเร็วตัวรถก็ยังนิ่งควบคุมง่าย ต้องขอชมเลยครับว่าปรับเช็ตช่วงล่างมาดีมาก
การเก็บเสียงรบกวนก็ทำได้ดีเช่นกันมีเพียงเสียงเครื่องยนต์เวลาเราลากรอบสูงๆเล็ดลอดเข้ามาแต่ก็ไม่ได้ดังมากจนน่ารำคาญ ส่วนหนึ่งที่ทำให้การเก็บเสียง และช่วงล่างดีขึ้นคงจะมาจากเพลาปรับสมดุล Balance Shaft เพื่อลดเสียง และ แรงสั่นสะเทือน มาเป็นตัวช่วยนั้นเอง ระบบเบรกถือว่าเป็นอีก 1 จุดที่ผมชอบมาก ด้านหน้า ดิสก์เบรก หน้า-หลัง พร้อมครีบระบายความร้อน ปรับมาได้ดีเรียกได้ว่าดูดเท้า สามารถหยุดรถได้อย่างนุ่มนวล เบรกหนักหรือฉุกเฉินไม่มีหัวทิมอีกต่อไป
มาถึงเส้นทางที่เรารอคอย เราจะเอา TOYOTA FORTUNER LEGENDER ลุยทางออฟโรดกัน ที่เขาระเบิด จังหวัดชลบุรี ซึ่งเส้นทางถือว่าค่อนข้างโหดพอสมควร เป็นเส้นทางธรรมชาติที่แท้จริง แถมเพิ่มความโหดเข้าไปอีกเพราะก่อนหน้าที่เราจะขึ้นมีฝนตกลงมาทำให้เส้นทางบางช่วงกลายเป็นโคลน เรามาลุ้นกันว่ารอดหรือไม่รอด
เราเปลี่ยนเป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อทันที (4H) เส้นทางช่วงแรกเป็นทางดินขึ้นเขา TOYOTA FORTUNER LEGENDER ขับผ่านได้แบบสบาย ทางเริ่มแคบลงและชันขึ้น ถนนดินเริ่มกลายเป็นหินลอย แต่ด้วยการปรับรอบเดินเบา จาก 850 rpm เป็น 680 rpm ทำให้การลุยเส้นทางออฟโรดแบบนี้ราบลื่นง่ายดายมากขึ้น วิ่งไปเรื่อยๆแบบชิลล์ ชิลล์ งานเข้าครับถนนด้านหน้าเป็นทางขึ้นเนินแถมเป็นดินโคลนทั้งเละและลื่น แถมรถคันก็หน้าทำลายร่องเสียไปหมดแล้วด้วย ตัดสินใจเข้า 4L เพราะต้องการแรงตะกุย TOYOTA FORTUNER LEGENDER ผ่านไปได้แบบสบายๆ มาถึงช่วงไฮไลท์เลยเนินชันดินหนังหมู เละ และลื่น ครบเลย จริงๆแล้วเส้นทางแบบนี้ควรใช้ 4L ถูกแล้วครับเพราะเวลาเราขึ้นและลงเนินมันจะไม่เร็วเกินไปเส้นทางเหวทั้งนั้นอันตราย แต่จากที่ผมประเมินดูจากเส้นทางข้างหน้าที่ต้องวิ่งขึ้นเนินชัน และลื่นแบบนี้ 4L มีแรงส่งไม่พอแน่ไหลลงกลางทางแน่ และอีกอย่างมันเป็นทางขึ้นเนินวิ่งเร็วๆคงไม่อันตรายเท่าไหร่ เลยตัดสินใจเปลี่ยนเป็น 4H อีกครั้ง กดคันเร่งลงไปพุงไปที่ทางโคลน รถเริ่มสไลด์ออก ซ้ายที ขวาที หมุนคุมพวงมาลัยกันมันส์เลยครับ ฟังก์ชั่นแสดงตำแหน่งองศาการเลี้ยวของล้อ ช่วยได้เยอะครับทำให้เราไม่หลงพวงมาลัย เดินหน้าต่อเนื่องห้ามยกคันเร่งเด็ดขาดไม่งั้นติดขึ้นไม่รอดแน่ ยื้ออยู่พักนึง TOYOTA FORTUNER LEGENDER ก็พาผมผ่านเนินชันนี้ไปได้สุดยอดครับ ที่สำคัญยางที่ใช้ไม่ใช่ยาง MUD แต่เป็นยางเดิมโรงงานนะครับยังพาเราผ่านเส้นทางแบบนี้ได้สุดจริง
ทางขึ้นเขาต่อเนื่องวิ่งอยู่บนหินลอยระบบช่วงล่างดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดีทำให้เราไม่หัวสั้นหัวคลอนมากนัก พวงมาลัยแร็คแอนด์พีเนียน พร้อมพาวเวอร์ผ่อนแรงแบบ VFC ช่วยเราในการควบคุมรถได้อย่างง่ายดาย ระบบต่างๆช่วยให้เราขับบนเส้นทางออฟโรดได้ง่ายดายมากขึ้น มีทักษะเล็กน้อยก็ออกไปลุยได้แล้วเพราะมีตัวช่วยอย่าง ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบเสริมแรงเบรก BA ระบบควบคุมการทรงตัว VSC ระบบป้องกันการลื่นไถล TRC ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC ระบบควบคุมส่วนพ่วงท้าย TSC ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน DAC ระบบควมคุมเฟืองท้าย Auto Limited Slip Differential
สรุป ถ้าเพื่อนคนไหนอยากได้รถอเนกประสงค์ไซส์ใหญ่ๆไว้ใช้งาน ทั้งวิ่งในเมือง และนอกเมือง ขึ้นเขาลงห้วย ในวันหยุดผมว่าTOYOTA FORTUNER ตอบโจทย์คุณได้ดี แต่อยากให้ลองคิดถ้าคิดจะซื้อ TOYOTA FORTUNER อยู่แล้วผมว่า ขยับขึ้นไปเล่น TOYOTA FORTUNER LEGENDER เลยดีกว่าเพราะออฟชั่นที่ให้มาเยอะ และหน้าตาก็หล่อเหลากว่ารุ่นมาตรฐาน คุ้มค่าเงินที่เสียไปแน่นอนครับ
ราคาจำหน่าย TOYOTA FORTUNER LEGENDER
- 2.4 เทอร์โบ
2.4 LEGENDER 2WD AT 1,564,000 บาท
2.4 LEGENDER 4WD AT 1,634,000 บาท
- 2.8 เทอร์โบ 204 แรงม้า
2.8 LEGENDER 2WD AT 1,769,000 บาท
2.8 LEGENDER 4WD AT 1,839,000 บาท
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th