ลองขับ TOYOTA HILUX REVO ROCCO ใหม่ ลุยทุกสภาพถนน จัดเต็มแบบใช้งานจริง
หลังจากการทดสอบครั้งที่แล้วเราได้แค่เพียงขับในสนามปิดที่ทางโตโยต้าจัดไว้ให้เท่านั้น วันนี้ทีมงาน Grandprix Online ได้นำรุ่นท็อปสุดของ TOYOTA HILUX REVO นั้นก็คือ TOYOTA HILUX REVO ROCCO ใหม่ กลับมาทดสอบอีกครั้ง โดยครั้งนี้เราจะนำไปทดลองขับแบบใช้งานจริงบนถนนในเมือง ไฮเวย์ และจัดหนักบนสภาพถนนแบบออฟโรด ดูซิว่า TOYOTA HILUX REVO ROCCO ใหม่ คันนี้มันจะดีขึ้นกว่าเดิมขนาดไหน
ครั้งนี้เราจะไม่พูดละเอียดถึงสเปคแล้วนะครับเอาเป็นลองขับล้วนๆเลยแล้วกัน อย่างที่เพื่อนรู้กัน Revo Rocco ได้กระจังหน้าทรงเหลี่ยมใหม่ นอกจากนี้ มีโคมไฟโปรเจคเตอร์ Bi-LED กับไฟส่องสว่างเวลากลางวัน LED วางอยู่ในโคมเดียวกัน และไฟท้ายเปลี่ยนมาใช้แบบ LED Light Guiding ล้ออัลลอยสีดำลายใหม่ให้มาขนาด 18 นิ้ว รัดด้วยยาง 265/60R18 อักษรข้างยางสีขาว ติดตั้งชุดแต่งพิเศษที่มีตั้งแต่สปอร์ตบาร์สีดำ กันชนหน้า ซุ้มล้อ กันชนหลังอันเป็นสไตล์เฉพาะรุ่น Rocco และให้ระบบช่วยผ่อนแรงเปิดปิดฝาท้ายกระบะมาด้วย ภายในห้องโดยสารมีโทนสีดำมอบอารมณ์สปอร์ตดุดัน เบาะนั่งฝั่งคนขับหุ้มหนังปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง ตรงกลางติดตั้งหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay / Android Auto สามารถเชื่อมต่อช่อง USB / Bluetooth
เอาละเราออกไปลุยกันเลย เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.8 ลิตร 4 สูบแถวเรียง ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า ที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 2,800 รอบต่อนาที ที่โตโยต้าได้ปรับเปลี่ยนใหม่ โดยลูกสูบจะเคลือบสาร Daimond-liked ที่แหวนรองลูกสูบ เพื่อลดแรงเสียดทาน เพื่อประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมัน ใส่หัวฉีดน้ำมันอัจฉริยะ i-Art ควบคุมการจ่ายน้ำมันในแต่ละหัวฉีดให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญเปลี่ยน เทอร์โบชาร์จเพิ่มขนาดใหญ่ขึ้นพร้อมเพิ่มตลับลูกปืน (Ball bearing) ในแกนเทอร์โบ ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด
เริ่มจากการวิ่งในเมืองก่อนเลยครับว่าวิ่งถนนแล้วมันดีขนาดไหน กดเปลี่ยนเป็นโหมด ECO ก่อนเลยครับ TOYOTA HILUX REVO ROCCO ใหม่ทำได้ดีมากทีเดียวทั้งที่บอดี้ใหญ่แต่ขับง่ายกว่าที่คิด มีความคล่องตัวเมื่อวิ่งในเมือง ลัดเลาะตามช่องว่างได้สบาย ส่วนหนึ่งมาจากพวงมาลัยพาวเวอร์แบบไฮโดรลิกที่เสริมระบบช่วยผ่อนแรงแบบ VFC (Variable Flow Control) ทำให้เราขับง่ายขึ้นนั้นเอง
มาถึงทางโล่งบนทางไฮเวย์ อยากลองของซะหน่อยกดเปลี่ยนโหมดการขับขี่อีกครั้งเป็นโหมด Sport อัตราเร่งบอกเลยว่าดีขึ้นกว่ารุ่นก่อน แรงขึ้นครับคอนเฟริ์ม กดคันเร่งลงไปความเร็วเพิ่มขึ้นแบบต่อเนื่อง และลื่นไหล แต่ขึ้นแบบผู้ดีนะครับไม่ดึงกระชากมากนัก แอบบอกว่าทำความเร็วได้ 170 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้แบบไม่ยากเย็นนัก ขับสนุกมากครับการเร่งแซงไม่มีปัญหาสบายหายห่วง แถมเสียงรบกวนในห้องโดยสารก็น้อยมากเก็บเสียงได้ดีจริงครับ
มาในเรื่องของระบบเพื่อความปลอดภัยกันหน่อย ระบบเตือนรถออกนอกเลนพร้อมหน่วงพวงมาลัยกลับอัตโนมัติ LDA ต้องบอกเลยว่าดึงกลับหนักเอาเรื่องอยู่ครับเรียกว่าขับเผลอๆเปลี่ยนเลนลืมเปิดไฟเลี้ยวมีตกใจอะครับ ซึ่งผมว่ามันทำงานได้ดีทีเดียวครับช่วยให้เราปลอดภัย (แต่ระบบนี้จะตัดการทำงานเองเมื่อเราขับรถด้วยความเร็วสูงนะครับ) หรือถ้าใครรำคาญก็กดปิดได้นะครับผมก็ปิดครับ ฮาฮา มาลองระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Dynamic Radar Cruise Control ใช้งานง่ายและใช้งานได้ดีเพียงแต่มันดันเป็นเวอร์ชั่นเก่าที่ไม่สามารถหยุดรถได้จนหยุดนิ่งเหมือนเวอร์ชั่นใหม่ที่อยู่ในคัมรี่ และ อัลติส แหมม !! ไหนๆก็ใส่มาแล้วก็น่าจะให้เวอร์ชั่นใหม่มาเลยน่าจะดีกว่านะแอบบ่นหน่อยครับ
มาถึงระบบช่วงล่างที่เป็นแบบ Super Flex Suspension จัดการปรับโช๊คให้เข้ากับแหนบหลังที่เหลือ 3 แผ่น จากเดิม 5 แผ่น และเปลี่ยนวัสดุแหนบแผ่นกลางเป็น High Tensile Steel ที่มีน้ำหนักเบาลง และแข็งแรงมากขึ้น แต่ไม่ต้องกังวลทางโตโยต้าคอนเฟริ์มว่าถึงแม้จะลดแหนบลงเหลือแค่ 3 แผ่น แต่ยังสามารถลองรับน้ำหนักได้เท่ากับรุ่นก่อนหน้าแน่นอน แถม TOYOTA HILUX REVO ROCCO 2020 คันนี้ยังเพิ่มเพลาปรับสมดุล (Balance Shaft) ซึ่งจากการปรับเปลี่ยนช่วงล่างทั้งหมดนี้มันส่งผลให้ ช่วงล่างของ TOYOTA HILUX REVO ROCCO 2020 นุ่มนวลกว่ารุ่นก่อนหน้าเยอะมากทีเดียว แต่ไม่ย้วยนะครับแถมเสียงและแรงสั่นสะเทือนที่ส่งเข้าสู่ห้องโดยสารก็น้อยลงเยอะ วิ่งกระโดดคอสะพานเล่นซะหน่อยบอกเลยว่าเยี่ยมไม่มีเด้งแถมหนึบจริงบอกเลย รูดหลุมเนินลูกระนาดสบายๆไม่ดีดไม่เด้งเหมือนรุ่นก่อนหน้าแล้ว เค้าโค้งด้วยความเร็วตัวรถไม่ค่อยมีอาการโคลงให้ได้สัมผัสเท่าไหร่นัก สรุปช่วงล่างดีขึ้นเยอะครับผมชอบเลยช่วงล่างแบบนี้
มาลุยทางออฟโรดกันหน่อยดีกว่าไหนๆก็มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ Part-time 4WD แถมมีระบบล็อคเฟืองท้ายหลังมาด้วยต้องจัดหนักกันหน่อยต้องบอกเลยว่า TOYOTA HILUX REVO ROCCO 2020 คันนี้ทำให้การขับออฟโรดเป็นเรื่องง่ายไปเลย เพราะเครื่องยนต์มีการปรับลดความเร็วรอบเดินเบา (จาก 850 รอบต่อนาที เป็น 680 รอบต่อนาที) ทำให้เราปล่อยให้รถเดินหน้าในรอบเดินเบาลุยไปบนเส้นทางออฟโรดได้อย่างมั่นคง ราบรื่น ไม่สะดุด ที่สำหรับเวลาเราขับบนเส้นทางออฟโรดเรามักจะหลงพวงมาลัยแต่ไม่ต้องกังวลไปเพราะคันนี้มีหน้าจอ TFT แสดงข้อมูลตำแหน่งองศาของล้อ และติดตั้งสัญญาณเตือนกะระยะด้านท้าย และมุมกันชนหน้า-หลัง เพื่อช่วยตรวจสอบสิ่งกีดขวางรอบข้างในขณะขับขี่ และระบบบังคับเลี้ยวเป็นแบบ VFC (Variable Flow Control) ได้รับการปรับน้ำหนักพวงมาลัยให้เหมาะสมในทุกช่วงความเร็ว แบบยังมีระบบช่วยเหลือต่างๆอีกมากมาย ทั้ง ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC (Hill – start Assist Control) ช่วยเพิ่มแรงดันเบรกไปยังล้อทั้ง 4 เพื่อป้องกันการลื่นไถลลงเนินชันหรือทางลื่นชั่วขณะ ขณะถอนเท้าออกจากเบรกปีนเนินชั่นสบายๆไม่ต้องกลัวไหลกลับ พร้อมทั้งระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน DAC (Downhill Assist Control) ลงเนินชันมั่นใจด้วยความเร็วสม่ำเสมอโดยไม่ต้องแตะเบรก ชิลล์เลยแถมระบบนี้ทำงานได้นุ่มนวลขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าด้วย
ทั้งหมดนี้จากการที่ทดลองขับมาบอกได้เลยว่าเครื่องยนต์ 2.8 ซีซี 204 แรงม้า ของ TOYOTA HILUX REVO ROCCO 2020 แรงขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าพอสมควร ระบบช่วงล่างต้องบอกเลยว่าแก้ข้อเสียของรุ่นก่อนหน้าได้หมด นุ่มนวล ขับสบาย ไม่ดีด ไม่เด้ง ระบบช่วยเหลือ และระบบเพื่อความปลอดภัยใส่มาให้แบบไม่กั๊กกับราคา เริ่มต้น 949,000 – 1,239,000 บาท ผมว่ามันก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อยนะครับ
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th