ลากรถเกียร์อัตโนมัติอย่างไร?ให้ปลอดภัย
เรื่องรถเสียกลางทางถือเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เสมอสำหรับทุกคนไม่ว่าจะมือเก่าหรือใหม่ สมัยนี้หลายคนอาจจะเลือกใช้บริการรถให้ความช่วยเหลือทั้งแบบ Slide-on ที่เป็นรถ 6 ล้อคันโต หรือแบบรถกระบะแบบครึ่งตอนที่มีเครื่องสำหรับใช้ยกล้อคู่ใดคู่หนึ่งของตัวรถขึ้นมาให้พ้นพื้นแล้วลากไป แต่ในกรณีที่ไม่มีใครละ เช่น รถเสียตามต่างจังหวัด หรือว่าคุณอาจจะยังใช้โทรศัพท์แบบ Feature Phone ที่ไม่สามารถหาเบอร์รถลากได้ผ่านทาง Google เหมือนกับ Smart Phone งานนี้คงต้องใช้วิธีการลากแบบเดิมๆ ที่คุ้นเคยกัน ซึ่งแน่นอนว่า ตรงนี้อาจจะต้องอาศัยเทคนิก และเรื่องที่ควรรู้กันสักหน่อย ลากรถเกียร์อัตโนมัติ
เราคงไม่พูดถึงการขึ้น Slide-on เพราะนั่นไม่ต้องมีเทคนิคอะไร แต่สำหรับการลากด้วยรถปิกอัพแบบล้อคู่ใดคู่หนึ่งยก สิ่งแรกที่คุณจะต้องทราบคือ รถยนต์ของคุณขับเคลื่อนแบบไหน ล้อหน้า หรือล้อหลัง สิ่งที่ควรจำคือ ถ้าล้อไหนขับเคลื่อนก็ยกล้อนั้นลอยขึ้น เช่น ขับเคลื่อนล้อหน้า ก็ให้ล้อหน้าลอยขึ้น เพราะส่วนใหญ่รถที่เสียมักจะสตาร์ทเครื่องยนต์ไม่ได้ เมื่อเครื่องยนต์ไม่ทำงาน ปั๊มน้ำมันเกียร์ก็ไม่ทำงานเช่นกัน และถ้าคุณลากโดยใช้ล้อขับเคลื่อนมีการเคลื่อนที่อาจจะทำให้ชุดเกียร์และฟันเฟืองต่างๆ ทำงานโดยไม่มีการหล่อลื่น จนพังได้
ในอีกกรณีหนึ่งสำหรับรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อ หรือในกรณีที่รถที่เข้าให้การช่วยเหลือไม่ใช่เป็นรถยก แต่คุณต้องใช้สายลากจูง ล้อทั้ง 4 จะต้องสัมผัสพื้นและมีการเคลื่อนไหว ความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายมีไหม มีแน่นอน ถ้าคุณไม่ระวัง
การลากในกรณีนี้ ควรลากแบบช้าๆ อย่าให้เกิน 30 กม./ชม. และระยะทางไม่ควรเกิน 10 กม. ถ้าจะลากไกลกว่านั้น ต้องหยุดพักซัก 15-30 นาทีก่อน แล้วค่อยลากกต่อเพื่อเข้าศูนย์บริการทำการซ่อมแก้ไข และระหว่างการลากจูง ควรทำการเติมน้ำมันเข้าไปในตัวเกียร์ด้วย ซึ่งโดยปกติเกียร์ออโต้จะเติมน้ำมันที่ช่องไม้วัดระดับน้ำมันเกียร์ อย่างน้อย 2 – 3 ลิตร เพื่อให้น้ำมันภายในตัวเกียร์เพิ่มระดับ ช่วยในการหล่อเลี้ยงเพลาเกียร์ ไม่ให้เกิความเสียหาย ทั้งนี้หากไม่มีน้ำมันเกียร์เติม อาจใช้น้ำมันเครื่องใสๆ แทนได้และเมื่อถึงจุดหมายแล้วค่อยถ่ายออก
การลากรถไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องใส่ใจและรู้จักวิธีเท่านั้นเอง
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th