สนไหม…32.219 ล.บาทแลกกับ Ferrari GTC4Lusso
สำหรับนักขับบ้านเราที่อยากสัมผัสความแปลกใหม่ของรถสปอร์ตที่มาพร้อมกับความอเนกประสงค์ที่มากขึ้นอย่าง Ferrari GTC4Lusso เคาะราคาขายออกมาแล้ว เริ่มต้นที่กว่า 32.2 ล้านบาท และทาง Ferrari อิตาลีเผยว่า จะพร้อมทยอยส่งมอบให้ได้ในช่วงไตรมาสที 4 ของปีนี้
ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา Ferrari จัดการเปิดตัว GTC4Lusso สปอร์ตในสไตล์ฟาสต์แบ็ค 4 ที่นั่งออกสู่ตลาดทั่วโลก ซึ่งในเอเชียได้เปิดตัวไปแล้วที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งทีมข่าวกรังด์ปรีซ์ ออนไลน์ และนิตยสารกรังด์ปรีซ์ได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งของการเปิดตัวในครั้งนั้นด้วย
ส่วนในการทดสอบนั้น ทางบริษัท คาวาลลิโน มอเตอร์ จำกัดในฐานะตัวแทนผู้จำหน่ายรถยนต์ Ferrari ในประเทศไทยได้เชิญทีมงานเข้าร่วมอีกครั้งที่เมือง Brunico ประเทศอิตาลี โดยในระหว่างการบรรดยายสรุปนั้น ทาง Ferrari อิตาลีได้เผยราคาของ GTC4Lusso ออกมาแล้ว
สำหรับสปอร์ตรุ่นนี้เปิดตัวครั้งแรกในงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ 2015 เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และถือเป็นตัวแทนที่สืบทอดความแรงและความเร้าใจในสไตล์สปอร์ต GT เครื่องยนต์วางด้านหน้า 4 ที่นั่ง ซึ่งให้ความอเนกประสงค์มากกว่าที่เคยเป็นอยู่ ด้วยพื้นที่ใช้สอยของห้องเก็บสัมภาระส่วนท้ายเริ่มต้นที่ 450 ลิตร และจะเพิ่งสูงสุดที่ 800 ลิตร
Ferrari อิตาลีเผยว่า การเปิดตัว GTC4Lusso ถือเป็นการเปิดทางเลือกใหม่ให้กับตลาดและหวังที่เจาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นคนรุ่นใหม่ และมีอายุเฉลี่ยน้อยกว่าลูกค้าที่เป็นขาประจำของ Ferrari ถึง 10 ปีเลยทีเดียว หรืออาจจะเป็น Ferrari คันที่ 2 ซึ่งสามารถนำมาใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน เพราะตัวรถมาในแบบ 4 ที่นั่ง และทุกรายละเอียดถูกออกแบบมาเพื่อรองรับกับความสะดวกสบายในการใช้งาน โดยยังคงเอกลักษณ์ของ Ferrari โดยเฉพาะในด้านสมรรถนะเอาไว้อย่างครบถ้วน
ตัวรถขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์วี12 ที่มีความจุในระดับ 6,262 ซีซี ซึ่งได้รับการปรับปรุงหลายจุดจาก FF โดยมีการขยับอัตราส่วนการอัดขึ้นเป็น 13.5 : 1 (จากเดิมอยู่ที่ 12.4) พร้อมกับออกแบบลูกสูบใหม่ ปรับปรุงในส่วนของ ECU ที่จะต้องทำให้ตัวรถสามารถรองรับกับการใช้น้ำมันได้ตั้งแต่ออกเทน 91 ขึ้นไป เพื่อให้สอดรับกับการใช้งานจริงมากยิ่งขึ้น โดยจะมีสมองกลที่เรียกว่า ION Detecttion System 3.1หน้าที่ขจัดปัญญหาในเรื่องการชิงจุดระเบิด หรือ Knocking
ในแง่ของกำลังขับเคลื่อนนั้นขยับจาก FF ซึ่งมีตัวเลขอยู่ที่ 683 แรงม้า ที่ 5,750 รอบ/นาทีมาอยู่ที่ 697 แรงม้าที่ 5,750 รอบ/นาทีส่วนแรงบิดเพิ่มจาก 67.2 มาเป็น 70.3 กก.-ม. โดย 80% อขงแรงบิดจะถูกส่งออกมาในที่รอบต่ำเพียง 1,750 รอบ/นาที ตัวเลขแรงม้าต่อลิตรของเครื่องยนต์บล็อกนี้เพิ่มอีก 5 แรงม้ามาเป็น 110 แรงม้า/ลิตร และมีอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงมาอยู่ที่ 3.4 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 335 กิโลเมตร/ชั่วโมง
เรื่อง : บรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย กรังด์ปรีซ์ออนไลน์ GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th