สารพัดสัตว์ในรถ EP2. เลี้ยงจิ้งหรีด “จี๊ดๆๆๆ” สักทุ่งไหม
ภาคนี้ต่อกันเลย (ถ้ายังไม่โดนผู้อ่านโวยเสียก่อน) เรื่องของเสียงที่ “ชวนรำคาญ” สุดๆ ก็คือ “เสียงจี๊ดๆๆๆๆ” เหมือนเสียง “จิ้งหรีด” ที่เป็นโทนเสียงสูงแหลม ช่างแยงโสตประสาทให้ปั่นป่วนเสียนี่กระไร และพบกับเสียงแบบนี้ได้บ่อยเสียด้วย ตั้งแต่พอได้ยินในรถประมาณหนึ่ง จนไปถึงระดับ “ดังไปยันสามคันแปดคัน” ก็ไม่แน่ใจนะว่าจะทนไหวสักกี่มากน้อย เสียงเหล่านี้ มันก็มี “ที่มาที่ไป” ตั้งแต่ระดับ “เบๆ” ทำให้หายด้วยตัวเองก็ได้ ไปยันระดับ “โปร” ที่สร้างความเสียหายบานปลายได้เช่นกัน…
เกิดจากการ “เสียดสี”
เสียงจี๊ดๆ โทนแหลมแบบนี้ ก็มักจะเจอกันในอุปกรณ์ที่ต้อง “หมุน” เช่น พูลเลย์ต่างๆ สายพาน มอเตอร์ต่างๆ เป็นหลัก พวกนี้ปกติก็จะมี “สารหล่อลื่น” หรือไม่ก็ใช้วัสดุที่ลื่น เพื่อลด “ความฝืด” ถ้ามันฝืด เกิดการเสียดสีกันแรงๆ ก็จะเกิดเสียงดัง และ การสึกหรอที่สูง จนทำให้อุปกรณ์เสียหาย ต้องจอดเป็น “ขวัญใจสไลด์ออน” ข้างทางก็เป็นได้ ลองมาดูกันครับ ว่าเสียงพวกนี้ มันมีที่มาจากไหนได้บ้าง…
- สายพานหย่อน : เสียงจะแหลมจัดๆ เกิดจากการ “ลื่นไถล” ทำให้พูลเลย์กับสายพานเสียดสีกัน แทนที่จะหมุนคล้อยไปตามกันมันก็ไม่มีเรื่องแล้ว อาจจะเกิดจาก “สายพานหย่อนยานนน” มันไม่ “เต่งตึง” เหมือนเดิม มันก็จะดังเกือบตลอดเวลา ยิ่งเร่งเครื่องยิ่งดังล่ะใช่เลย มันก็แยกเคสได้อีก อย่างเช่น ถ้าเปิดแอร์แล้วสายพานดัง ก็คือ “สายพานคอมแอร์” พอแอร์ตัด หรือ ปิดแอร์ มันก็จะเงียบ แต่สายพานอื่นๆ ที่ต้องทำงานตลอด ถ้าหย่อนมันก็จะดังเรื่อยๆ จริงๆ มันสามารถ “ตั้งสายพานตึงได้” จะมีลูกรอกตั้งอยู่ แต่ถ้าตั้งหมดระยะแล้วยังไม่หายก็ต้องเปลี่ยนละครับ ดีกว่าปล่อยทิ้งไว้ให้ “สายพานขาด” ซึ่งค่าสายพานไม่เท่าไร แต่ค่า “ยกรถ” และ “เสียเวลา” มันไม่คุ้มหรอกครับ…
- สายพานเปียกชื้น : จะเกิดมากในหน้าฝน ขับรถลุยน้ำ น้ำกระเด็นไปโดนสายพาน (จะเป็นมากในรถที่แผ่นปิดใต้ท้องหายหรือขาด ทำให้น้ำกระเด็นเข้าห้องเครื่องไปได้) แต่มันจะดังแค่ตอนโดนน้ำแป๊บเดียว พอแห้งก็เงียบ หรือไม่ช่วงตอนจอดรถข้ามคืนอากาศชื้นๆ ก็อาจจะดังได้ ให้เอาพวก “สเปรย์ครอบจักรวาล” ฉีดสักหน่อยเพื่อไล่ความชื้นให้เสียงหายไป…
- ลูกรอก ลูกปืน ต่างๆ : ถ้าเสียงมันดังจี๊ดๆ แหลมๆ เหมือนเสียง “โลหะเสียดสีกัน” ไอ้นี่น่ารำคาญมากจริงๆ ตัวการก็อาจจะไม่ใช่สายพานแล้ว แต่จะเป็นพวก ลูกรอกตั้งสายพาน ลูกปืนพูลเลย์ต่างๆ ที่พอมันสึก สารหล่อลื่นหมด หรือ มีน้ำ ฝุ่น สิ่งสกปรกอื่นๆ เล็ดรอดเข้าไป ก็จะเกิดเสียงขึ้นได้ บางทีก็มีเสียง “ก่อกๆๆ” อันนั้นจะแนว “หลวมโคร่ง” พร้อมจะหลุดแล้วกระมังครับ อันนี้ถ้าจะเช็คว่าเป็นอะไรแน่ คงจะต้อง “เข้าอู่” ช่างก็อาจจะถอดสายพานออกทีละเส้นๆ แล้วติดเครื่องฟัง ถ้าถอดอันไหนแล้วมันหายก็อันนั้นแหละที่มีปัญหา…
- มอเตอร์ต่างๆ : เยอะแยะเลยครับ มอเตอร์พัดลมหม้อน้ำ มอเตอร์พัดลมโบล์วเออร์แอร์ในรถ ก็จะน่ารำคาญหน่อยเพราะมันใกล้หูเรา บางทีมันก็อาจจะแค่ “สกปรก” ถ้าไม่ดังแรงเกินไป หรือ หย่อนคล้อยสมรรถนะผิดปกติ แต่ถ้ามันมีอาการฟ้องอย่างอื่นด้วย เช่น เครื่องความร้อนขึ้น มอเตอร์ฝืด แรงตก ลมแอร์ไม่แรง ออกเอื่อยๆ แถมแหกปากอีก นั่นแหละชัดเจนครับ…
- ผ้าเบรกหมด : ตอนเบรกแล้วเสียงจี๊ดลั่นแหลมจนแทงโสตประสาท นั่นแหละครับ ผ้าเบรกหมด ตอนนี้ก็เหลือแต่ “เหล็กสีเหล็ก” คือ เหล็กรองผ้าเบรกเสียดสีกับจานเบรกโดยตรง อะไรจะเหลือละครับ จานเบรกก็เป็นรอยสาหัส และ “เบรกไม่อยู่” จะอยู่ยังไงละครับ ก็ผ้าเบรกมันหายไปจะหมดแล้ว แบบนี้ไม่ต้องบอกนะครับว่าจะจบลงยังไงถ้ายังเพิกเฉย…
เรื่องของเสียง หากเราได้ยินผิดแปลกไปจากปกติ ไม่ควรจะ “ปล่อยผ่าน” มีจังหวะควรรีบเข้าตรวจเช็ค เพราะมันเป็นสัญญาณของความเสียหายของอุปกรณ์ชิ้นนั้นๆ บ่งบอกว่า “เอ็งเปลี่ยนเสียทีสิ” บางคนฝืนใช้จนเสียงลั่น จนต้องหันไปมองกันทั้งถนน พวกนี้พอมันเจ๊งขึ้นมาก็สร้างความเดือดร้อนให้ทั้งสิ้นนะครับ คุ้มหรือไม่ลองคิดดูเอง…
เรื่อง : อินทรภูมิ์ แสงดี
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th