สำรวจรถเด่น Motor Expo 2020 รถพลังงานไฟฟ้าเสริมตลาดเพียบ!
เริ่มต้นขึ้นแล้วอย่างเป็นทางการวันแรกที่เปิดให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าร่วมชมงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 37 หรือ Motor Expo 2020 ที่เริ่มตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 13 ธันวาคมนี้ ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพค เมืองทองธานี ซึ่งงานในปีนี้มีรถใหม่เข้าจัดแสดงเพียบ แต่หลังจากที่เดินสำรวจรอบงานแล้ว ขอนำเสนอรถเด่นและเป็นรถใหม่สดๆ ในงานนี้ โดยเป็นที่น่าสังเกตว่าปีนี้มีรถใหม่ที่เป็นพลังงานไฟฟ้าประเภท รถไฟฟ้า 100% และรถในกลุ่ม Plug-in Hybrid เพิ่มขึ้น..จะเป็นรุ่นใดบ้างนั้นมาติดตามกัน
บีเอ็มดับเบิลยู 430i Coupe M Sport ราคา 3,969,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)
บีเอ็มดับเบิลยูซีรี่ส์ 4 คูเป้ใหม่ สร้างความตื่นเต้นให้กับเซกเมนต์รถยนต์พรีเมียมขนาดกลาง มาพร้อมกลิ่นอายที่ผสมผสานทั้งความแข็งแกร่งทรงพลังและความหรูหราในสไตล์คูเป้อันเป็นเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยูที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 90 ปี โดยได้รับการพัฒนาทั้งในด้านสมรรถนะและสุนทรียภาพให้โดดเด่นกว่ารุ่นก่อนหน้า ดีไซน์สะดุดตาในทุกมุมมอง กระจังหน้าทรงไตคู่แนวตั้งที่ยาวลงมาถึงขอบกันชนหน้า ช่องดักอากาศออกแบบลายตาข่าย กระจังหน้าล้อมด้วยกรอบแบบสามมิติ มิติตัวถังที่ดูกว้างและมีความปราดเปรียว โฉบเฉี่ยวและทรงพลังในทุกมุมมอง
ทรงพลังด้วยขุมพลังเบนซิน 4 สูบแถวเรียง พร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo รุ่นใหม่ล่าสุด มอบสมรรถนะการขับขี่ได้เต็มพิกัด ส่งพละกำลังสูงสุด 190 กิโลวัตต์/258 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ระหว่าง 1,550 และ 4,400 รอบต่อนาที จึงสามารถเร่งความเร็วจากหยุดนิ่งถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 5.8 วินาที โดยเคล้าคลอด้วยเสียงเครื่องยนต์สุดเร้าใจจากระบบท่อไอเสีย M Sport ส่วนชุดเกียร์อัตโนมัติ Steptronic 8 จังหวะ ได้รับการพัฒนาใหม่ให้มอบการควบคุมที่ปราดเปรียวมากยิ่งขึ้น และยังสามารถควบคุมด้วยแป้นเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย มาพร้อมฟังก์ชั่น Sprint ที่ช่วยปรับค่าเครื่องยนต์และอัตราความปราดเปรียวด้วยการกระจายน้ำหนักแบบ 50:50 และจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำกว่าบีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์ 3 ซีดาน 21 มิลลิเมตร มาพร้อมล้ออัลลอย M น้ำหนักเบาขนาด 19 นิ้ว ลาย Double-Spoke แบบสลับสี
ฟอร์ด เรนเจอร์ และเอเวอเรสต์ รุ่นปรับโฉมใหม่
ฟอร์ด Ranger ใหม่ ราคา 669,000 – 1,265,000 บาท
สุดยอดรถกระบะ มาพร้อมดีไซน์ใหม่สุดโฉบเฉี่ยว ดุดัน ด้วยกระจังหน้าสไตล์สปอร์ต ระบบส่งกำลังและเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.0 ลิตรที่ได้รับการพัฒนาไปอีกขั้น เทคโนโลยีอำนวยความสะดวก และสีใหม่สุดเร้าใจ นำโดย ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์แทรค ที่มาพร้อมอุปกรณ์เสริมใหม่ เพิ่มความสะดวกสบายและตอบโจทย์การใช้ชีวิต อย่าง ฝาปิดกระบะท้ายควบคุมด้วยไฟฟ้า (Power Roller Shutter) ซึ่งเป็นครั้งแรกในตลาดรถกระบะประเทศไทยที่ติดตั้งอุปกรณ์นี้มาจากโรงงาน นอกจากนี้ ลูกค้าสามารถสัมผัสรถกระบะรุ่นย่อยใหม่ล่าสุด ฟอร์ด เรนเจอร์ XL สตรีท ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรถแข่งฟอร์ด เรนเจอร์ จากทีมฟอร์ด ไทยแลนด์ เรสซิ่ง รวมถึงรุ่นยอดนิยมอย่าง XLT และรุ่น XL และ XLS ซึ่งต่างสะท้อนนิยามการใช้ชีวิตที่หลากหลายของเจ้าของรถ ฟอร์ด เรนเจอร์ ตามแนวคิด ‘Live The Ranger Life’
ฟอร์ด Everest ใหม่ ราคา 1,299,000 – 1,799,000 บาท
รถเอสยูวีขนาดกลาง มาพร้อมโฉมใหม่ดีไซน์สปอร์ตทั้งไลน์อัพ ด้วยกระจังหน้าใหม่เป็นเอกลักษณ์ ตัวอักษรนูน ‘EVEREST’ บนฝากระโปรงหน้า พร้อมมือจับ กระจกข้าง และล้ออัลลอยใหม่ในรุ่นเทรนด์ โดยฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ ยังคงอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีช่วยในการขับขี่อัจฉริยะมากมาย นอกจากนี้ ยังมีตัวเลือกสีภายนอกใหม่ อย่างสีขาว สโนว์ เฟลก ไวท์ เพิร์ล สำหรับรุ่นเทรนด์ ไทเทเนี่ยม และไทเทเนี่ยม พลัส และเพิ่มสีน้ำเงิน ดีพ คริสตัล บลู ในรุ่นสปอร์ต
ฮอนด้า City Hatchback ราคา 599,000 – 749,000 บาท
ยนตรกรรมซิตี้คาร์ในสไตล์สปอร์ตแฮทช์แบ็ก 5 ประตู ที่เปิดตัวครั้งแรกในโลกที่ประเทศไทย ผสานเอกลักษณ์ความอเนกประสงค์กับเบาะนั่ง อัลตราซีท (ULTR) แยกพับแบบ 60:40 ที่ปรับเปลี่ยนเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยอเนกประสงค์ได้ถึง 4 โหมด พร้อมห้องสัมภาระท้ายขนาดใหญ่ อันเป็นเอกลักษณ์ของฮอนด้า และการขับขี่ที่สนุกสนานกับขุมพลังเทอร์โบ เครื่องยนต์ 1.0 ลิตร DOHC VTEC TURBO ให้สมรรถนะการขับขี่สูงถึง 122 แรงม้า แรงบิด 173 นิวตัน-เมตร และประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมถึง 23.3 กิโลเมตร/ลิตร มาพร้อมดีไซน์สปอร์ตล้ำสมัย ทั้งภายนอกและภายใน พร้อมยกระดับความสปอร์ตอีกขั้นในรุ่น RS ครบครันด้วยฟังก์ชันที่พร้อมตอบรับทุกไลฟ์สไตล์การใช้งานระดับพรีเมียม และเทคโนโลยีเชื่อมต่อรถยนต์และทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน Honda CONNECT พร้อมด้วยมาตรฐานความปลอดภัย เพื่อความมั่นใจในทุกการเดินทาง อาทิ กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ ถุงลม 6 ตำแหน่ง
ฮอนด้า City e:HEV RS ราคา 839,000 บาท
ยนตรกรรม Full Hybrid รุ่นแรกของเซกเมนต์ซิตี้คาร์ในประเทศไทย ที่มาพร้อมเทคโนโลยีการขับเคลื่อน Sport Hybrid i-MMD ที่ผสานการทำงานอันทรงพลังของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Atkinson Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน เป็นระบบ Full Hybrid ที่ตอบสนองได้ทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 253 นิวตัน-เมตร ที่ 0 – 3,000 รอบต่อนาที ให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 27.8 กิโลเมตร/ลิตร และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 85 กรัม/กิโลเมตร
อีซูซุ All-New MU-X ราคา 1,109,000 – 1,579,000 บาท
ยนตรกรรมอเนกประสงค์รุ่นใหม่หมด โดดเด่นด้วยดีไซน์รูปลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบตั้งแต่ภายนอกจรดภายใน ก้าวล้ำสู่อีกขั้นแห่งความมั่นใจที่ครบครันกว่า ด้วยเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยล้ำหน้าล่าสุด ISUZU MATRIX SAFETY INTELLIGENCE พัฒนาระบบเพื่อความปลอดภัยให้ทุกระบบทำงานร่วมกันเป็นหนึ่งเดียวอย่างมีประสิทธิภาพ ล้ำหน้าไปอีกขั้นกับเทคโนโลยี ADAS (Advanced Driver Assistance Systems) ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ช่วยสอดส่อง เฝ้าระวัง ด้วยนวัตกรรมกล้องหน้าคู่ 3D Imaging Stereo Camera ที่แม่นยำยิ่งกว่า มั่นใจในเสถียรภาพการขับขี่กับโครงสร้างแพลทฟอร์มใหม่ ด้วยช่วงล่างใหม่ที่ออกแบบตามแนวคิด ISUZU Symmetric Mobility ให้โครงสร้างตัวถัง แชสซีส์ การวางตำแหน่งเครื่องยนต์ และช่วงล่างทำงานร่วมกันได้อย่างลงตัว เติมเต็มสุนทรียภาพแห่ง การเดินทางด้วยเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกสุดล้ำตลอดทั้งคัน มีให้เลือกรวม 4 รุ่น 4 สไตล์ ได้แก่ Ultimate, Elegant, Luxury และ Active ด้วยขุมพลังอันเป็นเอกลักษณ์ของอีซูซุ ทั้งเครื่องยนต์ 3.0 Ddi Blue Power และ 1.9 Ddi Blue Power Gen 2 เครื่องยนต์พัฒนาล้ำหน้าล่าสุด พร้อมทางเลือกทั้งเกียร์อัตโนมัติและเกียร์ธรรมดาแบบ 6 สปีด
เกีย All New Grand Carnival ราคา 2,144,000 – 2,459,000 บาท
All-New Grand carnival เจนเนอเรชั่นที่ 4 ออกแบบให้ดูเป็นรถสไตล์ SUV มากยิ่งขึ้น มีแนวคิดการออกแบบ Grand Utility Vehicle หรือ GUV ให้ความรู้สึกถึงความหรูหรา ทันสมัย และมีความเป็น SUV มิติตัวถังด้านหน้าสั้นลงเพื่อความสะดวกสบายในการใช้งาน และการขับขี่ภายในเมือง ปรับตำแหน่งเสา A ทำให้ตัวรถมีขนาดยาวขึ้นเพิ่มพื้นที่ใช้สอยภายในตัวรถ กระจังหน้าแบบ Tiger Nose ลวดลายใหม่สวยงาม ไฟหน้าถูกปรับให้มีขนาดเล็กลง และออกแบบให้ไฟและกระจังหน้าดูเป็นหนึ่งเดียวกัน ส่วนด้านท้ายรถมีความแข็งแกร่งดุดันมากขึ้น
ส่วนภายในห้องโดยสารออกแบบให้อารมณ์ความหรูหรา กว้างขวาง นั่งสบายทุกตำแหน่ง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกเพียบแบบวีไอพีกันเลยทีเดียว
เลกซัส The New All-Electric Lexus UX 300e ราคา 3,490,000 บาท
ยนตรกรรมรถยนต์ไฟฟ้า 100% หรือ PURE-EV ที่ไม่มีเครื่องยนต์และไม่ใช้น้ำมัน ไม่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ มาพร้อมกับสถาปัตยกรรมโครงสร้างตัวถังแบบใหม่ GA-C ที่เชื่อมต่อตัวถังด้วยระบบเลเซอร์อันเป็นเอกลักษณ์ของเลกซัส และใช้อลูมินัมเข้ามาเป็นองค์ประกอบของตัวรถ ส่งผลให้ได้ตัวถังมีน้ำหนักเบาและแข็งแกร่ง จุดศูนย์ถ่วงต่ำ การทรงตัวดีเยี่ยม ควบคุมรถได้ดั่งใจ ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าให้พละกำลังสูงสุดถึง 150 กิโลวัตต์ หรือ 201 แรงม้า ผสานกับแบตเตอรี่แบบลีเทียม อิออน ทำให้ได้อัตราเร่งได้ดั่งใจ 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 7.5 วินาที นอกจากนี้ยังใช้แบตเตอรี่ความจุสูง 54 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ทำให้สามารถขับขี่ได้ไกลถึง 360 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ด้านการออกแบบให้ความสำคัญกับผู้ขับขี่และผู้โดยสารเป็นหลัก ครบครันด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานที่ล้ำสมัย ให้ความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมในการขับขี่โดยไม่สร้างมลภาวะให้กับโลกเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา อาทิ การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะทาง เป็นต้น
เอ็มจี HS PHEV ราคา 1,359,000 บาท
รถเอสยูวี ปลั๊กอินไฮบริด จากค่ายเอ็มจี การออกแบบผสมผสานความสปอร์ตและความหรูหราอย่างลงตัว กระจังหน้าแบบ Stellar Magnetic Field ไฟหน้าแบบ LED Projector พร้อมระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ ไฟส่องสว่างสำหรับขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lights) ไฟท้าย LED Space Light Field ไฟเลี้ยวแบบ Sequential ที่แสดงผลแบบไล่ระดับทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ล้ออัลลอยด์ดีไซน์ใหม่สไตล์ Thunder Wing Blade ขนาด 18 นิ้ว
ขับเคลื่อนด้วยระบบ Plug-in Hybrid ขุมพลังของเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบขนาด 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 162 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor กำลังสูงสุด 122 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 230 นิวตันเมตร ระบบเกียร์แบบ EDU II – 10 Speeds อัตราเร่ง 0-100 ภายในเวลา 7.5 วินาที มี 5 รูปแบบการขับขี่ให้เลือก ได้แก่ โหมด Normal โหมด Eco โหมด EV และโหมด Sport เสริมด้วยปุ่ม Super Sport
ส่วนแบตเตอรี่ Lithium-Ion แบบ 6 โมดูล มีขนาดใหญ่ถึง 16.6 kWh มีประสิทธิภาพและเสถียรภาพในการสะสมพลังงานได้มาก สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% สูงสุดถึง 67 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง
เอ็มจี อีพี (NEW MG EP) ราคา 988,000 บาท
รถยนต์ในรูปแบบสเตชั่นแวกอนขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ด้วยแนวคิด “EVeryone ตอบโจทย์ทุกฟังก์ชัน รถยนต์พลังงานไฟฟ้าของทุกคน”เพื่อสะท้อนมาตรฐานขั้นต้นของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทยที่ต้องประกอบด้วยองค์ประกอบพื้นฐาน ได้แก่ ขนาดของห้องโดยสารและพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางรองรับการบรรทุกทั้งคนและสิ่งของ โดดเด่นด้วยสมรรถนะของ EV เทคโนโลยีที่ให้กำลังเพียงพอต่อการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน ให้ความสะดวกสบายและมั่นใจในการขับขี่ด้วยระบบความปลอดภัยที่ครบครัน รวมทั้งคุ้มค่าในการเป็นเจ้าของด้วยค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและค่าบำรุงรักษาที่ต่ำช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ในระยะยาว พร้อมเผยแผนการติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าของเอ็มจี ภายใต้ชื่อ “MG Super Charge” ที่ดีลเลอร์เอ็มจีครบ 100 แห่งแล้วในปีนี้ และขยายอีกกว่า 500 แห่งภายในปีหน้า
แรงและรักษ์โลกด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีกำลังสูงสุด 163 แรงม้า มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร ภายในเวลาเพียง 8.8 วินาที พร้อมโหมดการขับขี่ให้เลือก 3 รูปแบบ คือ Eco, Normal และ Sport รวมทั้งมีระบบชาร์จไฟกลับเมื่อชะลอความเร็ว หรือ KERS Mode รวม 3 ระดับ สำหรับแบตเตอรี่เป็นลิเธียมไอออนแบบโมดูล ที่สามารถแยกซ่อมแต่ละโมดูลได้อิสระ มีขนาดความจุถึง 50.3 กิโลวัตต์ชั่วโมง ให้ระยะทางในการขับขี่ได้ไกลถึง 380 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ซึ่งสามารถชาร์จไฟได้ 2 รูปแบบ คือ การชาร์จในรูปแบบ Normal Charge จาก 0-100% ผ่าน MG Home Charger ที่ใช้เวลา 7.15 ชั่วโมง และรูปแบบ Quick Charge จาก 0-80% ผ่านสถานีอัดประจุไฟฟ้าแบบเร็วซึ่งใช้ระยะเวลาเพียง 40 นาที
มิตซูบิชิ OUTLANDER PHEV ราคา 1,640,000 – 1,749,000 บาท
มิตซูบิชิ OUTLANDER PHEV ใหม่ เป็นการผสาน DNA และเทคโนโลยีรถยนต์ระดับตำนานของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส เข้าไว้ด้วยกัน เริ่มด้วย “ปาเจโร” สุดยอดตำนานแห่งรถเอสยูวี “มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีโวลูชัน” เจ้าแห่งสนาม “เวิลด์แรลลี่แชมเปี้ยนชิพ” (WRC) ที่มีเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซูเปอร์-ออลวิลล์คอนโทรล (S-AWC) ที่เป็นหนึ่งในตำนานแห่งสมรรถนะ รวมทั้งยานยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ผลิตขึ้นเพื่อจำหน่ายจริงรุ่นแรกของโลกอย่าง “ไอ-มีฟ” (i-MiEV)
ทรงพลังด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ และเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.4 ลิตรให้กำลังสูงสุดที่ 305 แรงม้า พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซูเปอร์-ออลวิลล์คอนโทรล (S-AWC) ที่ดีที่สุดจาก ‘มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีโวลูชัน’ มีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเพียง 52.6 กม.ต่อลิตร หรือ 1.9 ลิตรต่อ 100 กม. ตามมาตรฐาน NEDC มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในระดับต่ำที่ 43 กรัมต่อกม. พร้อมอัตราเร่งและแรงบิดที่ดีเยี่ยม มีโหมดการขับขี่ 3 รูปแบบ ได้แก่ โหมดอีวี (ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ) โหมดซีรีย์ ไฮบริด (ขับเคลื่อนหลักด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า โดยมีเครื่องยนต์ทำหน้าที่ผลิตกระแสไฟฟ้าให้แก่มอเตอร์ไฟฟ้าคู่) และ โหมดพาราเรล ไฮบริด (เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำหน้าที่ขับเคลื่อนตัวรถไปพร้อมกัน) โดยการขับขี่ทั้ง 3 รูปแบบ จะถูกสลับปรับเปลี่ยนโหมดแบบอัตโนมัติ พร้อมระบบเบรกที่สามารถจ่ายพลังงานไฟฟ้าคืน (Regenerative Braking) เพื่อทำการชาร์จกระแสไฟฟ้าให้แก่แบตเตอรี่
เมอร์เซเดส-เบนซ์ GLA 200 AMG Dynamic ราคา 2,399,000 บาท
The new Mercedes-Benz GLA 200 AMG Dynamic รถยนต์คอมแพ็คเอสยูวีเจเนอเรชั่นที่ 2 ที่มาพร้อมคาแรกเตอร์ที่โดดเด่นยิ่งขึ้น พื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขึ้น และระบบความปลอดภัยที่จัดมาให้แบบเต็มพิกัดยิ่งกว่าที่เคย เติมเต็มความโฉบเฉี่ยวให้กับทุกการเดินทางด้วยขุมพลังขนาด 1,332 ซีซี ทว่าให้กำลังสูงสุดถึง 163 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตรที่ 1,620-4,000 รอบ/นาที และมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่ยอดเยี่ยมเฉลี่ยเพียง 5.7-6.0 ลิตร/100 กม.
ดีไซน์ภายนอกโดดเด่นและทรงพลังในทุกรายละเอียด ภายใต้การกำหนดสัดส่วนของตัวถังให้สั้นลงเล็กน้อย ดูคอมแพ็คมากขึ้นทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ทว่ามาพร้อมความสูงของตัวถังที่เพิ่มขึ้นกว่า 10 เซนติเมตรจากรุ่นก่อน ส่งผลให้ห้องโดยสารแถวหน้ามีพื้นที่เหนือศีรษะมากขึ้น ในขณะที่ห้องโดยสารแถวหลังก็มีพื้นที่วางขาที่กว้างขึ้นด้วย ภายในห้องโดยสารให้สัมผัสของการสร้างสรรค์สเกลการออกแบบใหม่ในทุกรายละเอียดด้วยสไตล์ที่ให้ความรู้สึกสปอร์ต โมเดิร์น และให้ความรู้สึกกว้างขวางที่สัมผัสได้ทันทีเมื่อเข้ามานั่ง พร้อมเติมเต็มความสปอร์ตด้วยชุดตกแต่งภายในแบบ AMG Interior Package และความโดดเด่นของระบบไฟส่องสว่างแบบ Ambient Light ในห้องโดยสารที่มีให้เลือกถึง 64 สี ช่วยขับเน้นเอกลักษณ์ความสปอร์ตโดดเด่นยิ่งขึ้น
เมอร์เซเดส-เบนซ์ A200 ราคา 1,990,000 – 2,150,000 บาท
ยนตรกรรมที่เติมความโฉบเฉี่ยวให้กับชีวิตในเมืองใหญ่ ด้วยเครื่องยนต์ขนาดเล็กเพียง 1,332 ซีซี แต่ให้กำลังสูงสุดถึง 163 แรงม้า ด้วยแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตรที่ 1,620-4,000 รอบ/นาที โดยมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่ยอดเยี่ยมเฉลี่ยเพียง 5.2 ลิตร/100 กม.
ดีไซน์ภายนอกสอดคล้องกับปรัชญาการออกแบบ Sensual Purity ที่เน้นความเรียบง่ายและให้ความสำคัญกับผิวสัมผัส แต่ในขณะเดียวกันก็มีความร้อนแรงและดึงดูดใจ ด้วยโครงสร้างภายนอกที่โดดเด่น ผสมผสานระหว่างดีไซน์คลาสสิกของรถยนต์ในกลุ่มคอมแพ็คคาร์และความปราดเปรียวเร้าใจได้อย่างลงตัว ส่วนภายในห้องโดยสารดูทันสมัยและกว้างขวางเพื่อประโยชน์ใช้สอยที่มากที่สุด รูปลักษณ์ของหน้าปัดออกแบบมาอย่างล้ำสมัย ด้วยการใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าในทุกรายละเอียด พร้อมความโดดเด่นของระบบไฟส่องสว่างแบบ Ambient Light ให้เลือกถึง 64 สี ช่วยขับเน้นเอกลักษณ์ความสปอร์ตโดดเด่นยิ่งขึ้น
Mercedes-Benz A-Class ยังมาพร้อมเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยที่ล้ำสมัยมากมาย อาทิ ระบบ Active Parking Assist ที่ช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติพร้อมการแสดงผลหน้าจอจากกล้องหลัง พร้อมเซ็นเซอร์ที่ช่วยในการนำรถเข้าจอด PARKTRONIC ซึ่งจะทำให้การค้นหาพื้นที่ว่างสำหรับการจอดรถและการเคลื่อนที่เข้าและออกจากพื้นที่เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น และระบบช่วยเบรคอัตโนมัติ (Active Brake Assist) ที่จะช่วยตรวจจับระยะห่างระหว่างรถยนต์คันหน้าผ่านระบบสัญญาณเรดาร์ และเตือนด้วยเสียงเพื่อให้ผู้ขับขี่เหยียบเบรคเพื่อชะลอความเร็ว ช่วยลดอุบัติเหตุและอันตรายที่เกิดจากการชนรถคันหน้า รวมถึง Mercedes me connect ที่มีความสามารถในการเชื่อมต่อระหว่างลูกค้าและผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ โดยทำงานร่วมกับระบบ MBUX (Mercedes-Benz User Experience) ที่ช่วยมอบความสะดวกสบายและความปลอดภัยที่มากขึ้นสำหรับผู้ขับขี่
นิสสัน นาวารา ใหม่ ราคาเริ่มต้น 999,000 บาท สำหรับรุ่น PRO-2X และ 1,149,000 บาท สำหรับรุ่น PRO-4X
รถกระบะที่ กล้า… เพื่อคนแกร่ง โดดเด่นด้วยด้วยดีไซน์ใหม่ดุดัน เครื่องยนต์ดีเซลใหม่ ขนาด 2.3 ลิตร ทวินเทอร์โบ และ เทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะเต็มรูปแบบจากนิสสัน อินเทลลิเจนท์ โมบิลิตี้ โดยนำรุ่นพิเศษ PRO-4X และ PRO-2X ใหม่ สำหรับผู้ที่ชอบการเดินทางแบบผจญภัยพร้อมลุยไปในเส้นทางแปลกใหม่ ที่เสริมความดุดันของดีไซน์ภายนอก จากกระจังหน้า และอุปกรณ์ตกแต่งโทนสีดำ ปรับแต่งช่วงล่างใหม่ให้สามารถลุยไปได้ทุกที่ทุกสถานการณ์ ด้วยล้ออัลลอยพร้อมยางแบบ All Terrain โดยทั้งสองรุ่นจะมาพร้อมสีพิเศษ สเตลท์ เกรย์ (Stealth Gray) เสริมด้วยชุดแต่งที่มีแอคเซนท์สีส้มแดง ภายในห้องโดยสารเสริมด้วยเบาะนั่งสีดำดีไซน์สปอร์ต
และยังว้าวสุดๆ กับ นิสสัน คิกส์ e-Power ที่เสริมความสดใสด้วย 2 สี ใหม่ คือ สีเหลือง ซันไลท์ (Sunlight Yellow) และสีน้ำเงิน ไนท์บลู (Night Blue) พร้อมเสริมความหรูหราของห้องโดยสารภายในด้วยชุดแต่ง สไตลิช (Stylish package) ด้วยไฟแอมเบียนท์ที่ข้างแผงประตูและพื้นห้องโดยสารตอนหน้า พร้อมไฟ ‘Welcome’ เมื่อเปิดประตูหน้า และอุปกรณ์ตกแต่งวัสดุสีเงินบริเวณแผงอุปกรณ์ต่าง ๆ เสริมความพรีเมียมในห้องโดยสาร โดยมีให้เลือกในรุ่นย่อย V และ VL โดยยังคงราคาจำหน่ายในราคาเดิม พร้อมเสริมความอุ่นใจของลูกค้าขึ้นไปอีกขั้น ด้วยการขยายเงื่อนไขการรับประกันแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนเป็น 10 ปี โดยไม่จำกัดระยะทาง
โตโยต้า GR Yaris ราคาไม่เกิน 2,700,000 บาท
รถสปอร์ต Hot hatch สายพันธุ์แรง แชมป์แรลลี่โลก ได้ถูกพัฒนาจากประสบการณ์จากทีมรถแข่งมอเตอร์สปอร์ตระดับโลกของโตโยต้า “Toyota Gazoo Racing” ในการใช้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์การออกแบบรถยนต์จากสนามแข่ง WRC – World Rally Championship สู่การสร้างรถยนต์รุ่นใหม่ที่ให้สมรรถนะการตอบสนองเช่นเดียวกับรถยนต์ระดับแข่งขัน GR YARIS ได้ถูกปรับแต่งให้มีสมรรถนะการขับขี่ ให้การตอบสนองที่รวดเร็ว ผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างโครงสร้างที่แข็งแกร่ง น้ำหนักเบา
ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน รหัส G16E-GTS แบบแถวเรียง 3 สูบ เทอร์โบ DOHC 12 วาล์ว ขนาด 1.6 ลิตร ขุมพลังใหม่ล่าสุดและถือเป็นเครื่องยนต์ 3 สูบ พละกำลังสูง ด้วยความแรงระดับ 261 แรงม้า (PS) พร้อมแรงบิด 360 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์ธรรมดาแบบ 6 จังหวะ iMT (Intelligent Manual Transmission) และสามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 230 กม./ชม.โดยพละกำลังทั้งหมดจากเครื่องยนต์จะถูกถ่ายทอดผ่านระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ สไตล์สปอร์ตใหม่ล่าสุด ที่เรียกว่า “GR-FOUR” ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดการทำงานให้เหมาะสมกับสภาพถนนและสไตล์การขับขี่ได้ถึง 3 รูปแบบ ที่แยกแรงบิดระหว่างล้อหน้าและล้อหลัง คือ Normal (60/40) Sport (30/70) และ Track (50/50) เพื่อช่วยให้การทรงตัวและยึดเกาะได้อย่างมั่นคงในทุกสภาพถนน แม้ขณะเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยมด้วยเทคโนโลยีจากสนามแข่งสู่ท้องถนน ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสร้าง “ยนตรกรรมที่ดียิ่งกว่า” (Ever-Better Cars) แต่ยังคงความสนุกสนานในการขับขี่ทุกรูปแบบ ซึ่ง GR Yaris นี้ มีการผลิตจำนวนจำกัดเพื่อให้ผู้ที่รักความแรง สนุก เร้าใจ ได้จับจองเป็นเจ้าของ นอกจากนั้นจะนำไปพัฒาเพื่อใช้ในการแข่งขัน World Rally Championship อีกด้วย
วอลโว่ The New XC40 Recharge Plug-in Hybrid T5 ราคาเริ่มต้น 2,090,000 บาท
สุดยอดคอมแพ็คเอสยูวีสไตล์สแกนดิเนเวียนขนานแท้ที่อัดแน่นด้วยนวัตกรรมเพื่อการขับขี่ มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร 3 สูบ พร้อมเทอร์โบชาร์จ และมอเตอร์ไฟฟ้า ระบบเกียร์ 7 สปีด อัตโนมัติ คลัชคู่ พร้อมเกียร์ทรอนิก ติดตั้งระบบช่วยขับขี่กึ่งอัตโนมัติ (Pilot Assist) ทำงานได้ที่ความเร็วสูงถึง 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งทำให้ The New XC40 Recharge Plug-in Hybrid T5 เป็นรถคอมแพ็คเอสยูวีชั้นเยี่ยมที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองอย่างแท้จริง นำเสนอสีใหม่ Coral Red Metallic ในรุ่น R-Design และสี Glacier Silver ในรุ่น Inscription โดย The New XC40 Recharge Plug-in Hybrid T5 นำเสนอ 3 รุ่น ได้แก่ Volvo XC40 Recharge Plug-in Hybrid T5 Inscription, Volvo XC40 Recharge Plug-in Hybrid T5 R-Design และVolvo XC40 Recharge Plug-in Hybrid T5 R-Design Expression
และทั้งหมดนี้คือรถที่ทีมงานคัดสรรแล้วว่าโดดเด่นที่สุดในงาน Motor Expo 2020 ส่วนใครสนใจชมตัวจริงสามารถเข้าชมได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 13 ธันวาคมนี้ ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพค เมืองทองธานี
เรื่อง : พุทธิ ผาสุข
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th