สิ่งที่ห้ามลืมในขณะขับรถบนท้องถนน
การอุบัติเหตุบนถนนส่วนใหญ่เกิดจากความประมาทและละเลยที่จะปฏิบัติตามกฎจราจร ซึ่งบางครั้งอาจจะเกิดจากการไม่ตั้งใจหรือคุ้นชินในพฤติกรรมผิดๆ ที่เน้นความสบายของตนเองเป็นหลัก แต่รู้หรือไม่ว่าการที่เราไม่ทำตามกฎจราจรอาจทำให้เกิดปัญหาใหญ่ตามมาได้ เรามาดูกันหน่อยดีกว่าว่ามีพฤติกรรมอะไรบ้างที่เรามักลืมหรือเผลอทำผิดบนท้องถนนกันบ้าง
การกลับรถต้องอยู่ในที่ปลอดภัย
จุดกลับรถเป็นอีกหนึ่งจุดที่มักเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งจึงต้องเพิ่มความระมัดระวังเมื่อรอกลับรถ ผู้ขับขี่ต้องขับรถชิดเลนขวาสุดกับเกาะกลาง หยุดรถในจุดกลับรถที่กำหนดโดยไม่จอดกีดขวางช่องทางจราจรของรถในเส้นทางตรง พร้อมกับเปิดสัญญาณไฟเลี้ยวขวาให้รถที่ขับตามมาหรือรถที่วิ่งเลนสวนเห็นว่าต้องการกลับรถ เมื่อมองจนแน่ใจแล้วว่าทางตรงวิ่งสวนเลนอยู่ในระยะไกลจึงค่อยกลับรถด้วยความเร็วที่เหมาะสม แล้วนำรถเข้าเลนซ้ายสุดให้เร็วที่สุด เนื่องจากเลนขวาหรือเลนกลางมีไว้สำหรับรถที่วิ่งมาด้วยความเร็ว หากไม่รีบนำรถเข้าเลนซ้ายสุด อาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ที่สำคัญคือผู้ขับขี่ไม่ควรกลับรถในบริเวณจุดบอด หรือในขณะที่รถอื่นจอดบังการมองเห็นของรถที่ขับในเส้นทางตรง
สัญญาณไฟของจำเป็นที่ต้องใช้
การให้สัญญาณไฟขณะขับขี่นั้น เป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้ขับรถทุกคนต้องใช้ให้เกิดความเคยชินนะครับ เริ่มตั้งแต่การขับออกจากที่จอดรถ เพื่อบอกกล่าวให้เพื่อนร่วมทางได้ทราบว่า เราจะไปทางไหน หรือจะมีการขอแซง โดยควรเปิดสัญญาณไฟในระยะ 30 เมตร ก่อนเลี้ยว หรือแซง หรือเปลี่ยนช่องทางเดินรถ
ส่วนการใช้สัญญาณไฟกระพริบ หรือไฟฉุกเฉิน ให้ใช้ในกรณีที่ประสบอุบัติเหตุ หรือจอดรถขณะที่เครื่องยนต์ หรืออุปกรณ์ขัดข้อง หรือกรณีพบอุบัติเหตุข้างหน้า แต่ห้ามใช้พร่ำเพรื่อ เพราะผู้ขับขี่ที่ขับตามหลังมาอาจสับสน จนเกิดอุบัติเหตุได้ ส่วนผู้ที่ต้องขับรถตามรถที่เปิดไฟฉุกเฉิน ควรทิ้งระยะห่างจากรถคันที่เปิดไฟฉุกเฉินอย่างน้อย 50 เมตร เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่
จอดรถริมทางต้องอยู่ในความปลอดภัย
ริมไหล่ทางเป็นจุดอันตรายที่มักเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง เนื่องจากหากมีรถจอดข้างทางและมีรถแซงซ้ายด้วยความเร็ว โดยไม่ทราบว่ามีรถจอดกีดขวางอยู่ ผู้ขับขี่อาจจะหยุดรถไม่ทันพุ่งชนรถที่จอดข้างทางอย่างรุนแรง เพื่อความปลอดภัยจึงไม่ควรจอดรถริมไหล่ทาง โดยเฉพาะทางขึ้นลงสะพาน ถนนที่มีไหล่ทางแคบ หรือเป็นคอขวด หากจำเป็นควรให้สัญญาณไฟล่วงหน้า เปิดไฟฉุกเฉิน ตั้งป้ายเตือน หรือวางวัสดุที่เห็นได้ชัดในระยะไกล หรือจอดในจุดจอดรถริมทางที่จัดไว้เท่านั้น
สัญญาณไฟจราจร สิ่งที่ต้องปฏิบัติตาม
สัญญาณไฟกระพริบบริเวณสี่แยก ที่มีทั้งไฟกระพริบสีแดง และไฟกระพริบสีเหลือง ซึ่งผู้ขับขี่บางรายเข้าใจว่า คือสัญญาณไฟขัดข้อง ไม่ได้มีความหมายมากไปกว่านั้น แต่แท้ที่จริง ไฟกระพริบสีแดง แสดงว่าผู้ขับรถอยู่ทางโท ต้องหยุดรถก่อน รอจนปลอดภัยแล้วจึงไปต่อ ส่วนไฟกระพริบสีเหลืองแสดงว่า ผู้ขับรถอยู่ทางเอก ให้ชะลอความเร็ว เมื่อเห็นว่าปลอดภัยจึงไปต่อ ความเข้าใจสัญญาณไฟที่ถูกต้อง อาจไม่ได้ขึ้นกับว่าได้ขับรถมานานเพียงใด แต่ขึ้นกับความใส่ใจและจิตสำนึกที่จะใช้รถใช้ถนนร่วมกันอย่างปลอดภัย ดังนั้น ขับรถผ่านทางแยกที่มีสัญญาณไฟแดง ไฟสีเหลืองที่กระพริบ ให้ระมัดระวังและปฏิบัติตามกฎจราจรด้วย
เรื่อง: กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th