หวดรวดเดียว 900 กิโลเมตร จาก Lulea สวีเดน สู่เมือง Trondheim นอร์เวย์
เช้านี้ที่ Lulea สวีเดนเราตื่นมาพบกับอากาศที่สดใสแสงอาทิตย์สาดส่องให้ไออุ่นวันนี้เราตื่นเช้าเป็นพิเศษเพราะเราต้องเดินทางเป็นระยะทางไกลถึง 900 กิโลเมตร เพื่อมุ่งหน้ากลับไปที่ประเทศนอร์เวย์อีกครั้งสู่เมือง Trondheim เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศนอร์เวย์และยังเป็นเมืองการศึกษานั้นหมายความว่านักศึกษาต้องเยอะซินะ แอร่ๆ เรารีบออกเดินทางกันดีกว่าผมว่า
เราตื่นนอนกันเช้ากว่าปกติครับในวันนี้เพราะเรามีภาระกิจไกลถึง900กิโลเมตร เส้นทางในวันนี้แม้ว่าระยะทางจะไกลแต่เราก็ยังมีข่าวดีเพราะเกือบ900กิโลเมตรในวันนี้เป็นทางไฮเวย์ตรงยาวๆซะส่วนมากมีเขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้นหมายความว่าเราสามารถทำความเร็วได้เป็นบางช่วงและอาจถึงเมืองTrondheimเร็วกว่าที่คิด
ก่อนออกเดินทางพวกเราขอชื่นชมความงดงามของเมืองLuleaซะเล็กน้อยควักมือถือกล้องถ่ายรูปออกมาถ่ายกันยกใหญ่เพราะเช้านี้อากาศดีแสงดีแถมเมืองก็สวยทำให้พวกเราอดไม่ได้ที่จะถ่ายภาพเก็บว่าครั้งหนึ่งเราเคยมาเยือนแล้ว เพราะเมืองLulea ไม่ค่อยจะมีนักท่องเที่ยวแวะมาซะเท่าไหร่นักเราโชคดีที่เดินทางโดยรถถ้ามาเครื่องบินแบบนักท่องเที่ยวทั่วไปคงไม่มีโอกาสได้เห็นเมืองสวยๆแบบนี้เป็นแน่
เริ่มออกเดินทางในช่วงแรกยังคงเป็นถนน2เลนวิ่งสวนกันและยังคงแคบเล็กเหมือนเดิมแต่ก็ไม่มีปัญหาเพราะเริ่มชินกับถนนและการขับพวงมาลัยซ้ายแล้ว วิ่งผ่านเมืองเล็กตามรายทางเกี่ยวภาพน่ารักๆของผู้คน(ซึ่งไม่ค่อยจะเห็นซะเท่าไหร่) วิวสวยแปลกตาระหว่างทางไว้ในความทรงจำไปซักระยะเราก็เลี้ยวเข้าสู่ถนนไฮเวย์ขนาดใหญ่4เลนขับสบายขึ้นเยอะและยิ่งสบายเข้าไปใหญ่เพราะเจ้ามาสด้าCX-5ของพวกเรามีระบบMRCC (Mazda Radar Cruise Control) ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ พร้อมปรับระยะห่างที่ปลอดภัยจากรถคันหน้า
หากพบรถคันหน้าที่มีความเร็วน้อยกว่าระบบจะทำการปรับลดความเร็วลงตามความเร็วของรถคันหน้าและรักษาระยะห่างกับรถคันหน้าให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติโดยผู้ขับสามารถปรับระยะห่างจากรถคันหน้าได้จากสวิตช์ที่พวงมาลัยทั้งนี้ระบบจะกลับไปใช้ความเร็วเดิมที่กำหนดไว้โดยอัตโนมัติเมื่อตรวจสอบแล้วว่าไม่มีรถอยู่ด้านหน้า สุดยอดครับระบบนี้ช่วยในการขับขี่ระยะทางยาวๆไกลๆแบบนี้ไม่ให้ผมต้องเหนื่อยมากนักเพราะไม่ต้องกังวลในการเหยียบคันเร่งว่าความเร็วจะเกินหรือไม่แถมยังปรับระยะห่างคันหน้าได้ไม่ต้องกังวลว่าจะชนท้ายเพื่อนคันหน้าอีกด้วยคุมพวงมาลัยอย่างเดียวเพลินเลยครับทำให้900กิโลเมตรของเราไม่เหนื่อยล้ามากนักรถที่มีเทคโนยีดีๆมันก็สบายแบบนี้ละครับ
เราหยุดแวะผ่อนคล้ายกันเป็นระยะๆประมาณ200กว่ากิโลเมตรจอดทีเพื่อยืดเส้นยืดสายถ่ายรูปช็อปปิ้งเพราะส่วนมากเราจะแวะที่ปั๊มน้ำมันและมีนเหมือนโอเอซิสของพวกเราเลยทีเดียวจอดทีเหมือนผึ่งแตกรังเลยจ้าสายช็อปท็อปสเปนเดอร์ก็วิ่งเข้าซุปเปอร์มาร์เก็ต สายถ่ายรูปก็เก็บภาพประทับใจกว่าจะเรียกขึ้นรถได้ใช้เวลานานทีเดียว ฮาฮา ก็อย่างทีผมเคยบอกเราไม่ได้มากันบ่อยๆแล้วก็ไม่รู้ว่าจะได้มาอีกครั้งหรือไม่อยากทำอะไรอยากได้อะไรจัดเลยอย่าไปรอช้าครับ
เราออกเดินทางกันต่อดีกว่าระยะทางยังอีกไกลเลยเราวิ่งตามถนนที่มีวิวสองข้างทางงดงามราวกับภาพวาดมาเรื่อยๆพร้อมฟังเพลงเพราะๆจากเครื่องเสียงที่มาสด้าCX–5คันนี้เลือกใช้ BOSE SOUND SYSTEM ลำโพง 10 ตำแหน่งขับกล่อมเราด้วยเพลงเพราะๆตลอดการเดินทางสร้างความเพลิดเพลินได้ดีทีเดียวครับ ดูเวลาบ่ายแก่ๆเรามาจอดแวะทานข้าวกลางวันกันที่เมืองเล็กๆชื่อเรียกยากๆซักเมืองหนึ่งในประเทศสวีเดนแต่ไฮไลท์คือมันคือร้านอาหารไทยโอ้แม่เจ้า ไข่เจียว เนื้อผัดน้ำมันหอย ผัดกระเพราที่ไม่มีใบกระเพราก็พอได้อยู่ดีกว่าปลาจืดๆครับ จัดหนักเลยครับมื้อนี้ก่อนออกเดินทางต่อ
ขับชมวิวไปเรื่อยๆเหนื่อยก็แวะปั๊มเติมพลังจนฟ้าเริ่มมืดมองทางแถบไม่เห็นแถมฝนตกอีก เราวิ่งไต่ระดับขึ้นที่สูงไปเรื่อยๆอยู่ดีๆฝนที่ตกลงมากลายเป็นหิมะซะงั้น คราวนี้ต้องใช้สมาธิมากขึ้นและต้องระวังเป็นทวีคูณแต่ระบบ ALH (Adaptive LED Headlamps) ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ ปรับการทํางานของไฟ สูง – ต่ำ แยกอิสระ ซ้าย – ขวา โดยอัตโนมัติ ให้เหมาะสม กับสภาพถนน ระยะห่างจากตําแหน่งของรถคันหน้า หรือรถที่วิ่งสวนมา เพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ยามค่ำคืน และช่วยให้การทํางานของไฟสูง ไม่ไปรบกวนรถคันอื่น ช่วยผมได้เยอะครับขับง่ายขึ้นเยอะ
แถมไม่ต้องกังวลว่ารถจะเอียงตกไหล่ทางเพราะเจ้ามาสด้าCX-5คันนี้มีระบบ LDWS (Lane Departure Warning System) ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน ระบบจะส่ง สัญญาณเตือนไฟกะพริบบนหน้าปัด พร้อมส่งเสียง เตือน เมื่อตรวจพบการเบี่ยงออกนอกเลนโดยไม่ได้ตั้งใจ ระบบนี้ช่วยผมมาตั้งแต่วันแรกที่ออกเดินทางเพราะผมยังไม่ชินกับการขับเลนซ้ายและรถพวงมาลัยซ้ายมันจะชอบเอียงไปหาไหล่ทางด้านขวาอยู่เรื่อย แอร่ๆรถดีเทคโนโลยีเพียบทำให้การขับบนสภาพถนนและทัศนะวิสัยที่ปิดมองแถบไม่เห็นแบบนี้เป็นเรื่องง่ายเลยครับ
เผลอแปปเดียวเราก็เดินทางมาถึงเมือง Trondheim ประเทศนอร์เวย์เป็นที่เรียบร้อยแถมมาถึงเร็วกว่าที่คิดซะด้วยเราเลยมีเวลาออกไปเดินชิลล์ดูแสงสียามค่ำคืนของเมืองรอบๆโรงแรมที่พัก อย่างที่บอกครับ Trondheim เป็นศูนย์กลางทางการศึกษาและวิจัยทางเทคโนโลยีและการแพทย์ของนอร์เวย์ เนื่องด้วยเป็นที่ตั้งของ Norwegian University of Science and Technology (NTNU) และ SINTEF โดย NTNU มีนักศึกษาประมาณ 25,000 คน ถือว่าเยอะทีเดียวนะครับจึงทำให้ยามค่ำคืนแบบนี้เราเห็นผู้คนเดินไปมาอยู่บ้าง ซึ่งต่างจากเมืองที่ผ่านๆมามืดปุ๊บเหมือนเมืองร้างเลย วันนี้ต้องขอตัวเข้านอนก่อน อ่อ ลืมบอกไปอาหารเย็นปลาอีกแล้วครับท่านกินไปกินมาเริ่มอร่อยเหมือนกันนะ วันพรุ่งนี้เดินทางกันต่อสู่ถนนที่สวยที่สุดในโลก คอยติดตามกันนะครับ
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th