อเล็กซ์ อัลบอน ความหวังสู่ศึกฟอร์มูล่า วัน ของชาวไทย
อเล็กซ์ อัลบอน ความหวังสู่ศึก ฟอร์มูล่า วัน ของชาวไทย: ระหว่างช่วงพักก่อนสนามตัดสินของศึก GP3 Series 2016 อเล็กซ์ อัลบอน อังศุสิงห์ นักแข่งลูกครึ่งไทย-อังกฤษ สังกัดทีม ART Grand Prix ให้สัมภาษณ์กับทีมงาน Grand Prix Online ถึงผลงานในฤดูกาล 2016, ความฝันในการแข่งขันฟอร์มูล่าวัน และเหตุผลที่เลือกขับในฐานะตัวแทนประเทศไทย…
อเล็กซ์ อะไรคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้คุณหลงใหลในการแข่งรถ?
อัลบอน: “สิ่งที่เป็นจุดเริ่มต้นคงเป็นคุณพ่อของผม (ไนเจล อัลบอน) ที่เคยเป็นอดีตนักแข่งรถมาก่อน ท่านคือเหตุผลสำคัญ ตอนเด็กๆ คุณพ่อจะพาผมไปดูการแข่งขันที่สนามเป็นประจำ หลายอย่างๆ ผมได้รับอิทธิพลจากท่าน และตอนอายุ 7 ขวบ คุณพ่อซื้อรถโกคาร์ทให้ผม และเป็นคนสร้างสนามแข่งขนาดเล็กให้ผมที่สนามหลังบ้าน ด้วยการนำอิฐมาวางเป็นทาง มีช่วงหักเลี้ยวเข้าโค้งให้ผมได้เรียนรู้การควบคุมรถก่อนจะได้ขับในสนามที่มีมาตรฐาน”
คุณใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ที่ประเทศอังกฤษ ทำไมถึงเลือกลงแข่งในฐานะตัวแทนประเทศไทย?
อัลบอน: “ถึงคุณพ่อจะเป็นชาวอังกฤษ แต่คุณแม่ของผมเป็นคนไทย และการที่เคยเป็นนักแข่งในสังกัด Red Bull ของคุณเฉลิม อยู่วิทยา ทำให้ผมมีความผูกพันกับความเป็นคนไทยอยู่มากตั้งแต่เริ่มต้นลงแข่งขันโกคาร์ท ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองสมควรลงแข่งขันในฐานะตัวแทนของชาวไทย ประเทศไทยเป็นสถานที่ซึ่งผมรู้สึกเหมือนบ้านอีกหลัง มีผู้คนมากมายที่สนับสนุนผมตั้งแต่เริ่มต้นแข่งขันระดับเยาวชน”
อเล็กซ์ อัลบอน ฟอร์มูล่า วัน
ใครคือนักแข่งรถที่เป็นไอดอลของคุณ?
อัลบอน: “คงเป็นใครไม่ได้นอกจากไมเคิ่ล ชูมัคเกอร์ เขาคือต้นแบบหมายเลข 1 ในใจของผมตั้งแต่เด็ก ห้องนอนของผมทุกอย่างต้องเป็นสีแดงตั้งแต่กำแพงจนถึงหมอน คุณแม่ของผมเล่าว่าคำแรกที่ผมพูดได้คือคำว่า ‘Ferrari’ และเวลาที่ผมไม่ยอมทำตามที่ท่านบอกก็มักจะใช้ชื่อของไมเคิ่ล เพื่อให้ผมยอมทำตามด้วยความเชื่อว่าจะกลายเป็นนักแข่งที่เก่งแบบเขา แต่การที่ผมชอบดูการแข่งขันรถทุกประเภท วาเลนติโน่ รอสซี่ เป็นนักแข่งอีกคนที่ผมชื่นชอบถึงเขาจะแข่งโมโตจีพีก็ตาม”
รู้สึกอย่างไรกับผลงานของตัวเองในการแข่งขัน GP3 Series ฤดูกาลแรก?
อัลบอน: “ผลงานของผมในฤดูกาลนี้ถือว่ายอดเยี่ยมมาก ผมยอมรับว่าเกินกว่าที่ตัวเองคาดหมายด้วยซ้ำ การได้เข้าร่วมทีมชั้นนำอย่าง ART Grand Prix ทำให้ผมได้เรียนรู้มากมาย ตั้งแต่ช่วงฝึกซ้อมก่อนเปิดฤดูกาล การสร้างความคุ้นเคยกับรถ และอีกมากมาย แต่เมื่อเวลาผ่านพ้นไปทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง”
ตอนนี้คุณคิดว่าตัวเองมีสิทธิ์ลุ้นแชมป์ประเภทนักขับมากแค่ไหนก่อนลงแข่งขันสนามสุดท้ายที่อาบูดาบี ในปลายเดือนพฤศจิกายนนี้?
อัลบอน: “หากมองกันตามความเป็นจริงโอกาสของผมค่อนข้างยาก เพื่อนร่วมทีมของผม ชาร์ลส เลอแกลร์ มีฟอร์มการขับที่ดี และเป็นผู้นำในตารางคะแนนรวมที่ค่อนข้างห่าง ด้วยสไตล์การขับที่ดุดัน แตกต่างจากนักขับคนอื่นๆ และความมั่นใจในรถของตัวเอง หากผมทำผลงานได้ดีกว่านี้ในสนามก่อน (ที่ประเทศมาเลเซีย) โอกาสคงมีมากขึ้น ผมควรจะตั้งสมาธิกับการขับของตัวเองมากกว่า หากชาร์ลส ไม่ทำผิดพลาด ผมคิดว่าเขามีโอกาสคว้าแชมป์มากกว่า”
คุณมีประสบการณ์ในการแข่งพอสมควร สนามแข่งไหนมีความยากที่สุดเท่าที่เคยขับมา?
อัลบอน: “หากพิจารณาจากองค์ประกอบทุกด้าน ผมคงต้องยกให้สนามแข่งขันที่มาเก๊า (อัลบอน จบอันดับ 13 ในศึก Macau Grand Prix 2015 กับทีม Signature) ที่เป็นการใช้ถนนในเมืองมาเป็นสนามแข่ง เป็นสถานการณ์ที่ผมไม่เคยเจอมาก่อน มีขอบกั้นถนนตลอด 2 ข้างทาง และอากาศที่ร้อนสุดๆ คุณต้องมีสภาพร่างกาย และจิตใจที่พร้อมเต็มที่ หากรถของใครขึ้นนำโอกาสแซงขึ้นไปจะยากมาก แต่การแข่งขันครั้งนั้นนับเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม ถึงจะไม่ใช่สนามที่ดีที่สุดของโลก แต่ต้องใช้ฝีมือในการขับ และมีความท้าทายสูง”
เมื่อปี 2014 คุณเคยให้สัมภาษณ์ถึงการเป้าหมาย 3 ปีสู่เป็นนักขับฟอร์มูล่า วัน ในปีหน้าเราจะได้เห็นคุณเป็นตัวแทนของประเทศไทยรึยัง?
อัลบอน: “ในความคิดของผมการเป็นนักแข่งระดับฟอร์มูล่า วัน คุณต้องเริ่มต้นตั้งแต่อายุยังน้อย ผมไม่ควรใช้เวลาหลายปีกับการแข่งขันระดับ GP3 หากทำผลงานได้ดีคุณจะมีเงินสนับสนุนมากพอเพื่อสั่งสมประสบการณ์ ในปีแรกที่คุณเป็นนักขับหน้าใหม่ต้องเรียนรู้ให้มากที่สุด พอเข้าสู่ปีที่ 2 ต้องทำผลงานให้ดีเพื่อก้าวไปสู่อีกขั้น หากทำได้ตามนี้ ผมเชื่อว่าโอกาสจะขับรถเอฟ วัน คงอยู่อีกไม่ไกล”
คำถามสุดท้าย เป้าหมายสูงสุดในการเป็นนักแข่งรถของคุณคืออะไร?
อัลบอน: “ฟอร์มูล่า วัน (ตอบทันที) เหมือนที่ผมให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ ผมต้องการเป็นนักแข่งรถฟอร์มูล่า วัน ชาวไทยคนแรก แน่นอนเป้าหมายสูงสุดของผมเหมือนกับนักแข่งทุกคนคือการเป็นแชมป์โลก มันอาจจะเรียกว่าความฝันมากกว่า แต่ผมมองว่าการเป็นนักกีฬามอเตอร์สปอร์ตการตั้งเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ถือเป็นสิ่งสำคัญ”
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ภาพ: ภูดิท แซ่ซื้อ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th
“หากพิจารณาจากองค์ประกอบทุกด้าน ผมคงต้องยกให้สนามแข่งขันที่มาเก๊า (อัลบอน จบอันดับ 13 ในศึก Macau Grand Prix 2015 กับทีม Signature) ที่เป็นการใช้ถนนในเมืองมาเป็นสนามแข่ง เป็นสถานการณ์ที่ผมไม่เคยเจอมาก่อน มีขอบกั้นถนนตลอด 2 ข้างทาง และอากาศที่ร้อนสุดๆ คุณต้องมีสภาพร่างกาย และจิตใจที่พร้อมเต็มที่ หากรถของใครขึ้นนำโอกาสแซงขึ้นไปจะยากมาก แต่การแข่งขันครั้งนั้นนับเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม ถึงจะไม่ใช่สนามที่ดีที่สุดของโลก แต่ต้องใช้ฝีมือในการขับ และมีความท้าทายสูง”