เกรดความหนืดของน้ำมันเครื่องดูอย่างไร
น้ำมันเครื่องสำหรับเครื่องยนต์ไม่ใช่ว่าจะใช้แบบไหนก็ได้ ถ้าเติมไม่ตรงสเป็คล่ะก็มีโอกาสพังได้สูง เพราะบางทีถ้าเติมตามอารมหรือของที่หาซื้อได้ราคาถูกโดยไม่คำนึงถึงค่าหนืดของน้ำมันเครื่องบอกได้เลยว่าเครื่องพังก่อนอายุไขแน่นอน เพื่อป้อกกันความผิดพลาดและต้องการให้เครื่องยนต์อยู่กับเราไปนานๆ ก็ต้องมาทำความรู้จักกับความหนืดของน้ำมันเครื่องเสียก่อน
ความหนืดของน้้ามันเครื่องจะเกี่ยวข้องกับการสร้างชั้นเคลือบและการไหลเวียนของน้้ามันเครื่องซึ่งเกรดความหนืดคืออัตราการไหลของปริมาณต่อขนาดและความยาวของรู ต่อหน่วยเวลา ณ อุณหภูมิหนึ่ง ยกตัวอย่าง เช่น น้้ามัน60 ซี.ซี ไหลผ่านรูขนาด12.25 มิลลิเมตร ณ อุณหภูมิ100 องศาเซลเซียส ส่วนหน่วยงานที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกในการวัดเกรดความหนืดก็คือ สมาคมวิศวกรรมยานยนต์หรือSAE (SOCIETY OF AUTOMOTIVE ENGINEERS)โดยเกรดความหนืดของน้้ามันเครื่องจะแสดงเป็นเป็นอักษรย่อSAEแล้วตามด้วยเกรดความหนืดเป็นตัวเลขเช่น5, 10, 15, 30, 40และ50 เป็นต้น
โดยตัวเลขยิ่งมาก ความหนืดก็จะสูงตามไปด้วยเช่นSAE 10W-50จะมีความหนืดมากกว่าSAE 5W-40 ซึ่ง
การวัดเกรดความหนืดจะแบ่งเป็นการวัดที่2อุณหภูมิที่แตกต่างกัน
1.วัดที่อุณหภูมิ -18องศาเซลเซียส ซึ่งตัวเลขเกรดความหนืดจะตามด้วยอักษรW
(WINTER) เช่น5W, 10W
2.วัดที่อุณหภูมิ100องศาเซลเซียส ซึ่งตัวเลขเกรดความหนืดจะเป็นตัวเลขอย่างเดียวเช่น30, 40,
50
น้ำมันเครื่องแบ่งเป็น 3 ชนิดหลักๆ คือ น้ำมันเครื่องชนิดธรรมดา น้ำมันเครื่องชนิดกึ่งสังเคราะห์และน้้ามันเครื่องสังเคราะห์
โดยแต่ละชนิดก็จะมีระยะเวลาการใช้งานต่างกัน
- น้้ามันเครื่องชนิดธรรมดา ประมาณ4000กิโลเมตร
2. น้้ามันเครื่องชนิดกึ่งสังเคราะห์ ประมาณ6000กิโลเมตร
3. น้้ามันเครื่องสังเคราะห์ ประมาณ10000กิโลเมตร
แต่ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานเช่นเดียวกัน แต่ส่วนใหญ่ถ้าใช้น้ำมันจากศูนย์บริการก็สามารถลากได้ถึงอายุของน้ำมันเครื่องสบายๆ หากเครื่องเราไม่มีอาการกินน้ำมันเครื่อง หรือการผิดปกติ
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th