หลุดการจับความเร็วกับอุปกรณ์ Radar/Laser Detector
ปัญหาหนึ่งที่นักขับในบ้านเราทุกคนมักจะเจอเสมอคือ การขับโดยที่ใช้ความเร็วเกินกำหนด ซึ่งแน่นอนว่าในบางครั้ง ด้วยความจำเป็นเร่งด่วน ทำให้เท้าขวาของเราต้องหนักผิดปกติ และกดคันเร่งลึกขึ้น เพื่อให้ไปถึงจุดหมายปลายทางได้ทันเวลา (หรือสายน้อยที่สุดก็ยังดี) ซึ่งบางทีก็รอด บางทีก็ไม่รอด เพราะว่าโดนตำรวจจับ เนื่องจากขับรถด้วยความเร็วเกินจากที่กฎหมายกำหนดเอาไว้ จับความเร็ว
จริงอยู่ที่ตรงนี้ไม่ใช่เรื่องที่ดี และน่าสนับสนุนสักเท่าไร แต่ในเมื่อพฤติกรรมของนักขับหลายคนเป็นเช่นนี้ ก็เลยเกิดช่องว่างที่ทำให้นักคิดสมองใสจัดการพัฒนาเครื่องช่วยตรวจจับสัญญาณเรดาร์หรือ Laser ของเครื่องดักจับความเร็ว ที่มีการกระจายอยู่ตามจุดต่างๆ บนถนนหลวง แล้วเตือนให้นักซิ่งทั้งหลายลดระดับความเร็วลงมาอยู่ที่กฎหมายกำหนด หากไม่อยากมีใบสั่งส่งทางไปรษณีย์ไปที่บ้าน หรือโดนจับเมื่อถึงด่านจ่ายเงินด้านหน้า ในกรณีที่วิ่งอยู่บนทางด่วน
ตามปกติแล้ว การตรวจจับความเร็วบนถนนเมืองไทยนั้นมีอยู่ 2 รูปแบบด้วยกันคือ การใช้สัญญาณเรดาร์ และแสงเลเซอร์ นั่นจึงทำให้อุปกรณ์ที่วางขายอยู่ในท้องตลาดมีหลากหลาย และรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งก็รวมถึงราคาด้วย แต่ที่แน่ๆ จะแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ ตัวตรวจจับเลเซอร์/เรดาร์ และอีกแบบคือ การส่งสัญญาณรบกวนการทำงานของเลเซอร์ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะมาจากเครื่องยิงความเร็วแบบพกพา จับความเร็ว
หน้าที่ของอุปกรณ์ Radar/Laser Detector ทำหน้าที่ร้องเตือนให้ชะลอรถเท่านั้น รับสัญญาณประมาณ 500 เมตร หรืออาจจะมากกว่านั้นขึ้นอยู่กับยี่ห้อของผู้ผลิต และก็ขึ้นอยู่กับมุมองศาของการติดตั้งตัวเครื่องบนกระจกด้วย ดังนั้นเมื่อคุณกำลังใช้ความเร็วเกินจากที่กฎหมายกำหนดเอาไว้ และข้างหน้ามีกล้องเรดาร์ตรวจจับความเร็วดักอยู่ เครื่องตัวนี้ก็จะทำการสแกนสัญญาณ และแจ้งเตือนให้ผู้ขับขี่ถอนคันเร่ง เพื่อให้ลดระดับความเร็วลงมาอยู่ในขอบเขตที่กำหมายกำหนด
เหมือนกับพวกระบบแจ้งเตือนต่างๆ ภายในรถยนต์ ที่สุดท้ายแล้วผู้ขับขี่จะต้องดำเนินการเองในการลดความเร็วลงมา นอกจากนั้น ยังมีอุปกรณ์อีกแบบที่เรียกว่า Laser Jammer ซึ่งมีหลักการทำงานต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยเมื่ออุปกรณ์ชนิดนี้ตรวจพบสัญญาณ Laser ที่ตำรวจยิงเข้ามา ก็จะส่งสัญญาณต้านกลับเพื่อรบกวนการทำงาน ทำให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องชะลอรถ ขับผ่านไปได้เลย แต่ก็ใช้ได้เฉพาะสัญญาณ Laser และถือว่าอันตราย เพราะเท่ากับว่าเป็นการส่งเสริมให้ผู้ขับขี่ฝ่าฝืนกฎจราจรขั้นพื้นฐาน ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องไปยังความปลอดภัย โดยตัว Laser Jammer มักจะติดตั้งอยู่ที่ด้านหน้าของตัวรถ ตรงกระจังหน้า เพราะจะต้องรับสัญญาณ Laser ของเครื่องดักจับความเร็ว
แม้จะช่วยแจ้งเตือน แต่อุปกรณ์เหล่านี้ก็มีราคาที่ไม่ถูกสักเท่าไร ตั้งแต่หลักพันกลางๆ ไปจนถึงเกือบหมื่นบาท น่าจะดีกว่าไหม ถ้าคุณเองจะปรับพฤติกรรมการขับขี่ให้หันมาใส่ใจต่อกฎขั้นพื้นฐานด้วยการขับรถตามกฎจราจร เพราะนอกจากจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่แล้ว ยังประหยัดเงินไปได้อีกเยอะ
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th