เครื่องยนต์ดังในประวัติศาสตร์มอเตอร์สปอร์ต
การประสบความสำเร็จในโลกมอเตอร์สปอร์ตจะประกอบด้วยหลายอย่างทั้งตัวรถแข่ง นักแข่ง และทีมงาน และในส่วนของรถรถแข่งเองก็มีหลากหลายส่วนประกอบที่ทำงานร่วมกัน แต่หนึ่งในหัวใจสำคัญที่ช่วยพารถพุ่งจากจุดสตาร์ตไปถึงเส้นชัยก็คือเครื่องยนต์ ซึ่งแน่นอนว่าในประวัติศาสตร์มอเตอร์สปอร์ตมีเครื่องยนต์ที่ถูกผลิตออกมามากมายสำหรับการแข่งขัน แต่ว่าที่ผ่านมามีเครื่องยนต์ไม่มากที่ประสบความสำเร็จและโดดเด่นเหนือเครื่องยนต์ที่ถูกใช้ในการแข่งประเภทเดียวกัน ซึ่งต่อไปนี้คือเครื่องยนต์เหล่านั้น
Audi TDI V12 5.5 ลิตร
เครื่องยนต์ TDI V12 5.5 ลิตรเป็นขุมกำลังที่ประกาศความยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์มอเตอร์สปอร์ตมากที่สุดของ Audi โดยเครื่องยนต์อลูมิเนียมนี้ถูกเปิดตัวพร้อมกับรถแข่ง R10 หลังความสำเร็จในการแข่งเลอ มังส์ของรถแข่ง R8 โดยมาพร้อมกับ 2 เทอร์โบชาร์จและเทคโนโลยี Turbocharge Direct Injection (TDI) จนส่งผลให้มีกำลังขับเคลื่อน 638 แรงม้า แต่สิ่งที่มีความโดดเด่นเหนือแรงม้าคือ TDI เป็นเทคโนโลยีในเครื่องยนต์ดีเซลซึ่งแตกต่างจากรถแข่งจำนวนมากใน LMP1 ในช่วงต้นยุค 2000
แม้เครื่องยนต์ TDI V12 5.5 ซึ่งมีน้ำหนัก 200 กิโลกรัมจะหนักกว่าเครื่องยนต์ในรถคู่แข่ง แต่ก็สามารถพารถแข่งของ Audi ให้ประสบความเร็จมากมายอย่าง Serbring 12 ชั่วโมงปี 2006 ซึ่งเป็นรายการแรกที่ถูกใช้แข่ง รวมไปถึง เลอ มังส์ 24 ชั่วโมงปีเดียวกัน และยังคว้าชัยได้อีกในปีต่อๆ ไป จนกระทั่งถูกแทนที่ด้วยรถแข่ง R15 และครื่องยนต์ใหม่ในปี 2009
BMW S14B23
มีหลากหลายเครื่องยนต์ M-Power ที่ถูกใช้สำหรับรถแข่งของ BMW และประสบความสำเร็จในสนามแข่ง แต่หนึ่งในเครื่องยนต์ที่มีความโดดเด่นคือ S14B23 ซึ่งเป็นเบื้องหลังการขับเคลื่อนของรถแข่ง E30 M3 อยู่หลายปี เพราะด้วยเครื่องยนต์ 2.3 ลิตรหายใจเองนี้ได้ช่วยให้ BMW E30 M3 คว้าชัยในรายการ Nurburgring 24 ชั่วโมงถึง 3 ครั้งจาก 5 ครั้ง โดยเครื่องยนต์ S14B23 ถูกใช้ในการแข่งระหว่างปี 1989 ถึง 1991 ก่อนจะถูกปลดประจำการออกไปหลังปี 1991
Chevy 302 Small Block V8
ด้วยการเป็นเครื่องยนต์เริ่มต้นสำหรับใช้ในรถของ Chevrolet ตั้งแต่ปี 1954 จนถึงปี 2003 จึงทำให้ Small Block V8 เป็นเครื่องยนต์ที่มีความโดดเด่นในวงการมอเตอร์สปอร์ตของสหรัฐอเมริกา และเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์ที่ได้รับการยกย่องมากที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยเครื่องยนต์ที่พบอยู่บนแพลตฟอร์มต่างๆ ของ Chevrolet มากมายนี้ถูกเปิดตัวออกมาครั้งแรกในยุคแรกของการแข่งสต็อกคาร์ และทำให้ Chevrolet อยู่บนเส้นทางการแข่งรายการนี้ จนถึงปี 1966 Chevrolet ก็เปิดตัว 302 Small Block สำหรับ Z/28 Camaro สำหรับใช้ในการแข่ง Trans-Am Series ออกมา ซึ่งให้กำลัง 376 แรงม้าที่มากกว่าเครื่องยนต์ 8 สูบของคู่แข่ง และช่วยให้ Z/28 กลายเป็นตำนานหนึ่งในมอเตอร์สปอร์ตอเมริกัน
Ferrari Dino V6
หลังการสร้างตัวตนในสนามแข่งรถของยุโรปช่วงต้นยุค 1950 Ferrari ก็วางแผนที่จะสร้างเครื่องยนต์ V6 และ V8 เจนเนอเรชั่นต่อไป ซึ่งการทุ่มเทความร่วมมือระหว่าง Enzo Ferrari กับ Alfredo ซึ่งเป็นลูกชาย จึงเป็นจุดกำเนิดของเครื่องยนต์ Ferrari Dino ทั้ง V6 และ V8 ที่กลายเป็นขุมกำลังของ Ferrari ในอนาคตอีกหลายปี โดยการพัฒนารวมทั้งผลิตเครื่องยนต์ V6 65 องศาเครื่องแรกมีในปี 1956 จากนั้นเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรก็ถูกเปิดตัวกับ Dino 156 F2 ซึ่งเป็นรถแข่งฟอร์มูลา 2 ในการแข่ง Grand Prix of Naple
สิ่งที่เป็นความโดดเด่นของเครื่องยนต์ Dino V6 คือไม่ได้มีการวางรูปแบบเsมือนเครื่องยนต์ V6 ทั่วไป แต่มีการแยกข้อเหวี่ยงสำหรับแต่ละก้านสูบ ซึ่งผลลัพธ์คือการมีความสมดุลย์ในการทำงานและเพิ่มแรงม้าให้เครื่องยนต์
Ferrari V12 3.0 ลิตร
เครื่องยนต์ V12 3.0 ลิตรของ Ferrari ที่รูhจักกันในชื่อ Colombo กำเนิดขึ้นในช่วงปลายยุค 1950 และยังคงมีชื่อเสียงในฐานะหนึ่งในเครื่องยนต์ยอดเยี่ยมที่สุดของโลกมาจนถึงทุกวันนี้ กับการใช้ในรถที่หลากหลายตั้งแต่ปี 1947 ถึง 1988 เรียกได้ว่าตั้งแต่ 125 F1 ซึ่งเป็นรถแข่งฟอร์มูลาวันแรกๆ ของ Ferrari รถแข่ง 250 TR และ 250 GT SWB ซึ่งเป็นหนึ่งในรถที่โด่งดังที่สุดของ Ferrari
แน่นอนว่าด้วยการที่ตอนแรกเครื่องยนต์นี้ถูกเปิดตัวกับรถแข่งก่อนจากนั้นจึงมาสู่การใช้ในรถยนต์ในสายการผลิตสำหรับ จึงทำให้ปรากฏอยู่ในรถแข่งหลากหลายรายการทั้งเลอ มังส์, Carrera Panamerica และ Mille Miglia
Ford Cosworth DFV V8
นอกจากจะผลิตเครื่องยนต์ให้กับผู้ผลิตรถยนต์บางรายในยุโรปแล้ว Ford ยังมีการสนับสนุนเครื่องยนต์ให้กับทีมแข่งในยุโรปด้วย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือเครื่องยนต์ Ford Cosworth DFV V8 ที่ช่วยให้ Lotus สร้างชื่อในการแข่งฟอร์มูลาวัน โดยเครื่องยนต์ที่เป็นยุคเริ่มต้นการพัฒนา Double Four-Valve ถูกเปิดตัวครั้งแรกกับการแข่งฟอร์มูลาวันในปี 1967 จากนั้นก็เริ่มมีบทบาทในวงการมอเตอร์สปอร์ตจากการที่ Ford ส่งเครื่องยนต์นี้ให้กับทีมแข่งอื่นอีกหลายทีม ทำให้ตลอดหลายปีเครื่องยนต์ที่มีกำลังกว่า 400 แรงม้านี้ถูกปรับใช้กับทีมต่างๆ ทั้ง McLaren, Brabham, William และได้กลายเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์ที่ถูกใช้มากที่สุดรวมทั้งประสบความสำเร็จที่สุดในสนามแข่งต่างๆ ในประวัติศาสตร์
Ford V8 7.0 ลิตร FE
เกียรติประวัติของเครื่องยนต์ V8 7.0 ลิตร FE นี้คือการอยู่ใน Ford Galaxie ที่ครองความยิ่งใหญ่ในการแข่งแนสคาร์ช่วงต้นยุค 1960 อยู่ใน GT40 MK II ที่ชนะการแข่งเลอ มังส์ปี 1966 Ford ได้ทำเครื่องยนต์นี้ออกมาในลักษณะ Do it All สำหรับลูกค้าจึงทำให้สามารถปรับแต่งได้ นอกจากนี้ปี 1970 รถซึ่งใช้เครื่องยนต์นี้ซึ่งขับโดย Tony Densham ยังสามารถสร้างสถิติด้วยการทำความเร็วได้ถึง 207.6 ไมล์ในการแข่งรถที่อังกฤษ และครองตำแหน่งตำแหน่งความเร็วสูงสุดอยู่ถึง 30 ปี
Honda RA168E
เครื่องยนต์ Honda V6 RA167E และ RA168E เทอร์โบ มีความโดดเด่นนวงการฟอร์มูลาวันช่วงยุค 1980 จนกระทั่ง FIA ได้ห้ามใช้เครื่องยนต์ที่มีระบบอัดอากาศ โดยหนึ่งในทีมดังที่ใช้เครื่องยนต์นี้คือ McLaren ซึ่งสามารถชนะการแข่งขันกรังด์ปรีซ์มากมายจากการขับของยอดนักแข่งอย่าง Ayrton Senna, Nelson Piquet และ Alain Prost
ปี 1988 เครื่องยนต์ Honda RA168E 640 แรงม้าได้ถูกเปิดตัวออกมาพร้อมกับการสร้างชื่อในด้านเครื่องยนต์ใช้ระบบอัดอากาศจากชัยชนะหลายครั้งเหนือเครื่องยนต์จากผู้ผลิตอื่น
Mazda R26B
ในโลกมอเตอร์สปอร์ตหากจะไม่มีการพูดถึงเครื่องยนต์ Wankel ของ Mazda คงเป็นไปไม่ได้ เพราะเครื่องยนต์ที่มีลักษณะแตกต่างจากเครื่องยนต์ปกติซึ่งเคยอยู่ในสายผลิตที่ยาวนานนี้มีรุ่นที่มีความโดดเด่นอยู่หลายรุ่น และรุ่นที่เป็นตำนานก็คือ R26B โดยเครื่องยนต์ 4 โรเตอร์เคยถูกนำมาใส่ไว้ในรถต้นแบบหลากหลายรุ่นของ Mazda รวมทั้ง 767 และ 787B ซึ่งจุดสูงสุดของเครื่องยนต์ขนาดกะทัดรัดความจุ 2.6 ลิตรที่สร้างกำลังออกมาได้ 700 แรงม้านี้คือ ถูกใช้ในการแข่งเลอ มังส์ 24 ชั่วโมง ปี 1991 แล้วครองตำแหน่งผู้ชนะ ซึ่งเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่เครื่องยนต์ซึ่งไม่ได้ใช้ลูกสูบปกติประสบความสำเร็จในการแข่งรายการนี้
Porsche Type-935 6 สูบ 2.64 ลิตร เทอร์โบชาร์จ
Porsche Type-935 6 สูบ 2.64 ลิตร เทอร์โบชาร์จ เป็นเครื่องยนต์ที่ถูกทำออกมาสำหรับการใช้ในมอเตอร์สปอร์ตช่วงยุค 1980 โดยเครื่องยนต์ 6 สูบ ระบายความร้อนด้วยอากาศซึ่งเป็นหัวใจขับเคลื่อนในรถแข่ง Porsche 956 ที่โด่งดังนี้สร้างกำลังออกมาได้ 635 แรงม้าได้สร้างความหวาดกลัวให้กับบรรดาคู่แข่งเมื่ออยู่ร่วมกับรถแข่งที่มีตัวถังและแชสซีส์น้ำหนักเบาของ Porsche และการตัดสินใจใช้เครื่องยนต์นี้ในรถแข่งก็นำความสำเร็จมาให้ผู้ผลิตรถยนต์จากเยอรมนีมากมายทั้งในการแข่ง 6 ชั่วโมงที่สนามซิลเวอร์สโตน, เลอ มังส์ 24 ชั่วโมง, Nurburgring 1,000 กม. ที่ Nurburgring -Nordschleife หรือ Spa 1,000 กม.
เรื่อง: กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th