เจาะ 2 รุ่นยอดนิยมกับ รา รถ ฮ อน ด้า ในปัจจุบัน
หนึ่งในแบรนด์ญี่ปุ่นที่อยู่ในประเทศไทยมาอย่างยาวนานอย่าง ฮอนด้า มักจะสร้างปรากฏการณ์โดยการออกรถยนต์รุ่นใหม่ที่ทำให้คนทั้งวงการ รวมถึงคนในวงการต้องจับตามองไปตาม ๆ กัน อย่างไรก็ดีในปีนี้ที่มีสถานการณ์ที่ไม่สงบเหมือนทุกครั้ง ทำให้หลายค่ายรถยนต์เลือกที่จะพัฒนาผลงานใหม่ ๆ ของพวกเขา และเลือกที่จะปรับกลยุทธ์การตลาดเสียมากกว่า อย่างไรก็ดีในบทความชิ้นนี้จะพาทุกคนที่กำลังมองหารถยนต์ใหม่ และชื่นชอบในแบรนด์ฮอนด้านี้มาเจาะลึก รา รถ ฮ อน ด้า ของ 3 รุ่นตัวท็อปกัน ถ้าหากว่าทุกคนพร้อมแล้วก็ไปติดตามกันได้ว่าในบทความชิ้นนี้จะหยิบรถยนต์รุ่นไหนมาแนะนำกันบ้าง และราคากลางของรถยนต์เหล่านี้อยู่ที่ไหนเท่าไหร่กันแล้ว
Honda City
รถสปอร์ตยอดนิยมที่มีการออกแบบดีไซน์ที่ชัดเจน ทำให้เป็นหนึ่งในรถยนต์จากทางค่าย ฮอนด้าที่มีความนิยมมาอย่างยาวนาน กระจังหน้าสุดเฉียบ และสปอยเลอร์ที่สะกดตา งานออกแบบที่โดดเด่นเน้นความเฉียบบาง และลู่ลมเพื่อให้รถยนต์สามารถที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ได้มากยิ่งขึ้น โดยที่จะช่วยในเรื่องของการประหยัดพลังงานไปในตัว มีให้เลือกถึง 4 รุ่นย่อยด้วยกันคือ รุ่น S CVT, รุ่น V CVT, รุ่น SV CVT และ รุ่น RS CVT และสิ่งที่ภูมิใจนำเสนอคือฟังก์ชันการใช้งานพื้นฐานที่มีมาให้ครบ ไฟหน้า LED และ ไฟ Daytime Running Lights แบบ LED ที่ส่องแสงสว่างได้อย่างชัดเจนไม่ว่าจะเป็นเวลากลางวัน หรือกลางคืน พร้อมที่จะเดินทางเคียงข้างคุณแบบหมดห่วง ไฟตัดหมอกคู่หน้า LED และไฟท้าย LED
เครื่องยนต์
เครื่องยนต์ 1.0 ลิตร DOHC VTEC TURBO 3 สูบ 12 วาล์ว มาพร้อม Turbo Charger ที่อัดอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ได้เร็วขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ได้อย่างรวดเร็ว ให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที ตอบสนองได้ทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 173 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 – 4,500 รอบต่อนาที ให้สมรรถนะการขับขี่ที่เหนือกว่าเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร (เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม) และแรงบิดเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร
ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (CVT) ให้อัตราเร่งและอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมสูงถึง 23.8 กิโลเมตร/ลิตร ตอบสนองทุกการขับขี่ด้วยระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยแบบ 7 สปีด โดยเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานไอเสียยูโร 5 (EURO 5) ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ 99 กรัม/กิโลเมตร และสามารถรองรับน้ำมัน E20 ทั้งหมดนี้มาใน รา รถ ฮ อน ด้า รุ่นนี้เพียง 579,500 บาท – 839,000 บาท เท่านั้น
Honda CR-V
หนึ่งในรถยนต์รุ่นที่ประสบความสำเร็จที่สุดอีกรุ่นหนึ่งของ ฮอนด้า กับ Honda CRV ถูกปรับโฉมใหม่ในสไตล์ Minor Change ที่เปลี่ยนให้ CRV รุ่นก่อน มีความโฉบเฉียบ และโดดเด่น น่าจับจ้องทุกชั่วขณะ ความน่าสนใจของรถยนต์รุ่นนี้คือความเป็นสปอร์ตมากขึ้น และพัฒนารูปแบบให้มีความทันสมัย ดีไซน์ของงานออกแบบรถยนต์รุ่นนี้จะเน้นความดุดัน และดูคมชัดขึ้นด้วยกระจังหน้าสีดำในแบบสไตล์ Gloss Black กันชนด้านหน้า และด้านหลังถูกออกแบบมาเป็นรูปแบบใหม่จนอาจจะเรียกได้ว่าไม่ใช่การนำไอเดียเก่ามาปรับปรุง แต่เป็นการสร้างทุกอย่างขึ้นมาใหม่ได้เช่นเดียวกัน สีมีให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีขาวออร์คิด (มุก) สีดำคริสตัล(มุก) สีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก) สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) และสีใหม่คือ สีเขียวดาร์กโอลีฟ (เมทัลลิก)
เครื่องยนต์
ทางเลือกที่จะให้ผู้ใช้งานเป็นผู้เลือกเองอย่างแท้จริง เพราะสำหรับรถยนต์รุ่นนี้แบ่งออกเป็น 2 รุ่นเป็นดีเซล และอีก 2 รุ่นเป็นเบนซิน สำหรับรุ่นดีเซลจะใช้เครื่องยนต์ดีเซล 1.6 ลิตร i-DTEC DIESEL TURBO 4 สูบ พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด และเปลี่ยนเกียร์ได้ด้วยการกดสวิตช์ (Shift by Wire) รุ่นนี้ให้กำลังสูงสุดถึง 160 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที ด้วยแรงบิดสูงสุดที่ 350 นิวตัน-เมตรที่ 2,000 รอบต่อนาที ซึ่งเทียบเท่ากับเครื่องยนต์ดีเซลขนาดใหญ่ และให้ทั้งอัตราเร่งและอัตราการประหยัดน้ำมันที่สูงถึง 18.9 กิโลเมตร/ลิตร
ส่วนรุ่นเบนซิน จะใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร DOHC i-VTEC 4 สูบ ให้กำลังสูงถึง 173 แรงม้าที่ 6,200 รอบต่อนาที ด้วยแรงบิดสูงสุดที่ 224 นิวตัน-เมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที ผสานการทำงานกับเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT พร้อมรองรับพลังงานทางเลือก E85 รา รถ ฮ อน ด้า รุ่นนี้อยู่ราว ๆ 1,369,000 บาท – 1,759,000 บาท
ทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลของรถยนต์รุ่นที่เป็นที่นิยมมากที่สุดตั้งแต่ปี 2020 และต้นปี 2021 หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่กำลังมองหาตัวเลือกในการเลือกซื้อรถยนต์อยู่ตอนนี้ สองรุ่นนี้จัดได้ว่าเป็นทางออกของคนรุ่นใหม่ เนื่องจากเป็นรุ่นคลาสสิกที่เคยสร้างยอดขายอันดับต้น ๆ และการกลับมาครั้งนี้ที่ถูกเพิ่มเติมฟังก์ชันการใช้งานให้ทะลุขีดจำกัดเดิม ๆ ด้วย รา รถ ฮ อน ด้า ในแต่ละรุ่นอาจจะมีราคาที่ค่อนข้างสูง แต่ก็มั่นใจได้ว่าจะมีอายุการใช้งานที่ยาวนานเป็นพิเศษ เพราะวัสดุ และคุณภาพของรถยนต์ที่ได้มาตรฐานสากล และมีเทคโนโลยีทันสมัยคอยช่วยเสริมสมรรถภาพในการขับขี่ให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th