เจาะ 3 เทคโนโลยีอัจฉริยะใน นิสสัน ลีฟ ใหม่
เปิดตัวอย่างเป็นทางการกันแล้วที่โยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น กับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่หลายคนให้ความสนใจอย่าง “นิสสัน ลีฟ” (Nissan LEAF) รุ่นใหม่ล่าสุด สะท้อนแนวคิดการขับเคลื่อนอัจฉริยะ “นิสสัน อินเทลลิเจนท์ โมบิลิตี้” (Nissan Intelligent Mobility) ที่มาพร้อมด้วยเทคโนโลยีเด่นๆ สุดล้ำ และสามารถขับเคลื่อนได้ไกลขึ้น ให้เหมาะสมกับความต้องการใช้รถยนต์พลังงานทางเลือกในปัจจุบัน ทีนี้ลองมาดูกันว่าเจ้าลีฟคันนี้มีเทคโนโลยีที่เป็นจุดเด่นตรงไหนบ้าง
รถยนต์พลังงานไฟฟ้า “นิสสัน ลีฟ” รุ่นใหม่ ปราศจากการปล่อยมลพิษในการขับเคลื่อน ที่เรียกว่า Zero Emission ซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายของนิสสันในการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการขับเคลื่อนแห่งอนาคต จึงมุ่งเน้นไปที่ความอัจฉริยะของเทคโนโลยี 3 ด้าน คือ เทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะ (Intelligent Driving), เทคโนโลยีพลังการขับเคลื่อนอัจฉริยะ (Intelligent Power)และ เทคโนโลยีการเชื่อมต่ออัจฉริยะ(Intelligent Integration)
1.เทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะ (Intelligent Driving) ประกอบด้วยเทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะ คือ ProPILOT, ProPILOT Park, e-Pedal, และ Nissan Safety Shield
ProPILOT คือ เทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติในช่องจราจรเดียว เมื่อเทคโนโลยีนี้ทำงาน รถจะรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าโดยอัตโนมัติด้วยการใช้ความเร็วที่ผู้ขับขี่กำหนดไว้ล่วงหน้า (ระหว่าง 30 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง) เทคโนโลยีนี้ยังช่วยบังคับทิศทางและรักษาตำแหน่งอยู่กึ่งกลางช่องจราจร เมื่อรถคันหน้าจอด ProPILOT จะสั่งการระบบเบรกโดยอัตโนมัติเพื่อให้รถหยุดนิ่งเมื่อถึงเวลาจำเป็น เมื่อรถหยุดนิ่งแล้ว ตัวรถจะไม่เคลื่อนที่ แม้ผู้ขับขี่จะยกเท้าออกจากแป้นเบรกก็ตาม เมื่อการจราจรเคลื่อนที่อีกครั้ง ตัวรถจะเริ่มขับเคลื่อนไปข้างหน้าเมื่อผู้ขับขี่กดสวิทช์อีกครั้งหรือเหยียบคันเร่งเบาๆ เพื่อให้ระบบ ProPILOT เริ่มทำงาน ฟังก์ชั่นทั้งหมดนี้สามารถลดความกดดันขณะขับขี่ได้อย่างมากขณะขับขี่บนถนนทางไกลทั้งที่มีการจราจรหนาแน่นและเบาบาง
ProPILOT Park คือระบบจะช่วยเหลือผู้ขับขี่ในการจอดรถอย่างเต็มรูปแบบ โดยควบคุมการเร่ง เบรก พวงมาลัย การเปลี่ยนเกียร์ และเบรกมือเพื่อให้ตัวรถเข้าสู่ช่องจอดได้โดยอัตโนมัติ จากการทำงานร่วมกันของชิฟประมวลผลภาพด้วยกล้องความละเอียดสูงจำนวน 4 ตัวและข้อมูลจากเซ็นเซอร์อัลตราโซนิค 12 ตัวที่ติดตั้งรอบคัน ซึ่ง ProPILOT Park จะช่วยควบคุมรถให้เข้าสู่ช่องจอดได้อย่างปลอดภัยและแม่นยำ ระบบพวงมาลัย เบรก และคันเร่งทั้งหมดจะถูกควบคุมด้วยระบบอัตโนมัติเพื่อการจอดหลายรูปแบบ เช่น การจอดขนานกับทางเท้า ระบบจะคำนวณพื้นที่จอดรถได้โดยอัตโนมัติโดยที่ผู้ขับไม่ต้องกำหนดตำแหน่งที่จอด ด้วยการสั่งการ 3 ขั้นตอนเท่านั้น
e–Pedal อุปกรณ์มาตรฐานใหม่ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกการออกตัว เร่งความเร็ว ลดความเร็ว หยุดนิ่งและควบคุมตัวรถให้อยู่กับที่ด้วยการใช้แป้นคันเร่งอย่างเดียว เพียงยกเท้าออกจากคันเร่ง ตัวรถจะลดความเร็วจนหยุดนิ่งได้อย่างนุ่มนวล โดยไม่จำเป็นต้องแตะแป้นเบรก ด้วยอัตราการลดความเร็วที่ไม่เกิน 0.2 จี
ทั้งนี้ ยังมีผลสำรวจของนิสสันในประเทศญี่ปุ่น ยุโรป และสหรัฐอเมริกา ที่มีข้อมูลว่าระบบ e–Pedal ช่วยลดจำนวนการเหยียบแป้นเบรกขณะเดินทางในการจราจรที่ติดขัด แม้ว่าแป้นเบรกจะได้รับการใช้งานเช่นเดิม เมื่อต้องมีการเบรกอย่างกะทันหัน แต่ e–Pedal สามารถช่วยให้สามารถใช้แป้นคันเร่งเพียงหนึ่งเดียวในกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของการขับขี่
นอกจากระบบ ProPILOT, ProPILOT Park, และ e-Pedal นิสสัน ลีฟ ใหม่ยังมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยที่เรียกว่า Nissan Safety Shield มีทั้งระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องจราจร (Intelligent Lane Intervention), ระบบแจ้งเตือนเมื่อรถออกจากช่องจราจร (Lane Departure Warning), ระบบเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (Intelligent Emergency Braking), ระบบเตือนมุมอับสายตา (Blind Spot Warning), ระบบตรวจจับสัญญาณจราจร (Traffic Sign Recognition), ระบบเตือนการจราจรตัดขวางด้านหลัง (Rear Cross Traffic Alert), กล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor) พร้อมการตรวจจับวัตถุเคลื่อนไหว และระบบช่วยเหลือฉุกเฉินขณะเหยียบคันเร่งโดยไม่ตั้งใจ (Emergency Assist for Pedal Misapplication) พูดได้ว่าจัดหนักจัดเต็มตามสมัยนิยมเลยทีเดียว
2.เทคโนโลยีพลังการขับเคลื่อนอัจฉริยะ (Nissan Intelligent Power) หัวใจหลักคือระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า (e-powertrain) ที่เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน พร้อมกับมีแรงบิดและพละกำลังที่สูงขึ้น
ให้การส่งพละกำลังที่ 110 กิโลวัตต์ มากกว่าลีฟในรุ่นที่แล้ว 38 % และมีแรงบิดเพิ่มขึ้น 26 % เป็น 320 นิวตันเมตร ทำให้อัตราเร่งสนุกมากขึ้นและยังเพิ่มระยะทางขับเคลื่อนไกลมากขึ้นด้วยชุดแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนแบบใหม่ ที่ให้ระยะทางขับเคลื่อนตามมาตรฐานของญี่ปุ่นที่ 400 กิโลเมตร ซึ่งมากเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันในแต่ละวัน
แบตเตอรี่ที่พูดถึงนี้ มีการพัฒนาและออกแบบให้จุพลังงานได้มากขึ้นและดีขึ้นกว่าชุดเดิม ถึงจะมีขนาดที่เท่าเดิม แต่มีการปรับปรุงโครงสร้างแต่ละเซลล์ในแบตเตอรี่ลิเธีย-ไอออนชนิดอัดซ้อน (laminated lithium-ion battery) ทำให้มีความหนาแน่นของพลังงานเพิ่มขึ้น 67 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับรุ่นปี 2010 และอีกเรื่องคือการเพิ่มประสิทธิภาพวัสดุขั้วไฟฟ้าพร้อมการปรับปรุงเคมีใหม่ ทำให้มีความหนาแน่นของพลังงานสูงขึ้น พร้อมกับเพิ่มความทนทานของแบตเตอรี่ทั้งในขณะชาร์จและคลายประจุไฟ แถมในช่วงปีหน้านิสสันจะเปิดตัวรุ่น e+ ที่สามารถขับได้ระยะทางไกลขึ้นกว่ารุ่นนี้อีกด้วย
3.เทคโนโลยีการเชื่อมต่ออัจฉริยะ (Nissan Intelligent Integration) มีเรื่องของการขับขี่และระบบขับเคลื่อนแล้ว สิ่งที่ต้องมีในยุคนี้คือการเชื่อมต่อระหว่างรถยนต์กับผู้ใช้งาน โดยนิสสัน ลีฟ รุ่นใหม่นี้ สามารถเชื่อมต่อร่วมกันด้วยระบบนิสสันคอนเน็กต์ (NissanConnect) และระบบที่จัดสรรพลังงานไฟฟ้าระหว่างรถยนต์พลังงานไฟฟ้ากับที่พักอาศัย อาคาร และโครงข่ายไฟฟ้าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบ Vehicle-to-Home ที่แบตเตอรี่จะสะสมพลังงานให้มากที่สุดจากพลังงานส่วนเกินของระบบพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Power) ในช่วงเวลากลางวัน เพื่อนำกระแสไฟฟ้ามาใช้งานภายในบ้านช่วงกลางคืน โดยผู้ใช้งานสามารถชาร์จไฟเข้าสู่แบตเตอรี่รถยนต์ในช่วงเวลากลางคืน ซึ่งเป็นช่วงที่มีอัตราค่าไฟฟ้าต่ำสุดในบางประเทศ เพื่อนำมาใช้ในช่วงกลางวันเพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน
ส่วนในบางประเทศที่มีระบบ Vehicle-to-Grid (V2G) เจ้าของลีฟ จะได้ประโยชน์ต่างๆ จากบริษัทพลังงานที่ต้องการสร้างโครงข่ายไฟฟ้า เพื่อรองรับความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้า โดยที่แอพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนของนิสสัน ลีฟ ใหม่ ได้รับการดีไซน์ให้ผู้ใช้สามารถเรียกดูข้อมูลการชาร์จไฟฟ้าเข้าสู่รถยนต์ กำหนดเวลาชาร์จเพื่อความคุ้มค่าที่สุดในช่วงเวลาที่อัตราค่าไฟฟ้าต่ำ ค้นหาตำแหน่งสถานีชาร์จไฟฟ้า และการเปิดเครื่องปรับอากาศหรือฮีทเตอร์ไว้ล่วงหน้าก่อนขึ้นรถอีกด้วย
และทั้งหมดนี้คือ 3 เทคโนโลยีอัจฉริยะที่มีอยู่ใน นิสสัน ลีฟ รุ่นใหม่ ส่วนการนำมาจำหน่ายในประเทศไทยนั้น มีโอกาสแน่นอน แต่คาดว่าน่าจะนำเข้ามาจำหน่ายด้วยรุ่นประกอบนอกในปีหน้า แต่จะเป็นช่วงไหนต้องติดตามทางกรังด์ปรีซ์ ออนไลน์ นี่ล่ะ.
เรื่อง: พุทธิ ผาสุข
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th