เชฟฯ รักษ์ช้าง ลุยป่าแก่งกระจานช่วยช้างและมนุษย์อยู่ร่วมกัน
ในเมื่อมีผลิตภัณฑ์ที่เป็นรถกระบะจอมพลังอย่าง “เชฟโรเลต โคโลราโด” ทั้งที…งานนี้ทางทีมงานเชฟโรเลต เซลส์ ประเทศไทยจึงได้จัดกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมแบบลุยๆ และเรียนรู้การอยู่ร่วมกัน ด้วยการทำโป่งเทียมและสร้างรั้วเพื่อปกป้องและอนุรักษ์สัตว์ป่าในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
สำหรับที่มาที่ไปของกิจกรรมนี้ เกิดขึ้นจากที่เชฟโรเลตและเจนเนอรัล มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้เข้าใจถึงปัญหาความคิดแย้งระหว่างมนุษย์และช้างป่าที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่ต่อการอนุรักษ์ช้างป่า จึงได้ริเริ่มโครงการ “เชฟฯรักษ์ช้าง” เพื่อสนับสนุนอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานในการแก้ไขปัญหานี้
กิจกรรม “เชฟฯรักษ์ช้าง” ในครั้งนี้ได้เลือกใช้ เชฟโรเลต โคโลราโด ไฮ คันทรี สตอร์ม (Colorado High Country Storm) และรถกระบะรุ่นล่าสุด โคโลราโด เซนเทนเนียล อิดิชั่น ปี 2018 (Colorado Centennial Edition 2018) เป็นคู่หูพร้อมลุย ซึ่งออกเดินทางจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่ประจวบคีรีขันธ์ โดยมีจุดหมายปลายทางคือ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานเป็นอุทยานแห่งชาติที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ครอบคลุมพื้นที่ 2,914 ตารางกิโลเมตร มีแม่น้ำสองสายหลักไหลผ่าน ทั้งแม่น้ำเพชรบุรีและแม่น้ำปรานบุรีที่มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาตะนาวศรี อุทยานแก่งกระจานมีชื่อเสียงด้านความอุดมสมบูรณ์และเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าหลากหลายสายพันธุ์ โดยเฉพาะกวางและช้างเอเชีย ซึ่งเป็นสัตว์ป่าที่ใกล้สูญพันธุ์
แต่ก่อนที่จะเข้าไปยังอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ต้องแวะไปบรรทุกของสำคัญนั่นคือ “เกลือและถุงบรรจุแร่ธาตุ” ซึ่งมีน้ำหนักมากกว่า 500 กิโลกรัม เพื่อนำไปทำโป่งเทียมสำหรับช้างและสัตว์ป่า โดยที่โป่งเทียมนี้จะเป็นแหล่งอาหารสำคัญที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุที่จำเป็นในการดำรงชีวิตของสัตว์ป่า และยังเป็นการบรรเทาปัญหาช้างป่าบุกรุกเขตชุมชนได้อีกด้วย รวมทั้งยังร่วมมือร่วมใจกันสร้างรั้วกึ่งถาวรเพื่อป้องกันช้างป่าบุกรุกเข้าสู่พื้นที่เกษตรกรรมและบริเวณที่เป็นอันตรายอย่างถนนที่มีรถยนต์สัญจร
สำหรับรั้วกึ่งถาวรนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานและชุมชนท้องถิ่น โดยได้รับการสนับสนุนจากสถาบันวิชาการและหน่วยงานที่ไม่แสวงหาผลกำไร ซึ่งดำเนินกระบวนการอย่างเป็นระบบเพื่อลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างมนุษย์และช้างป่า งานนี้ทำเอาทีมงานเชฟโรเลต พี่น้องสื่อมวลชนและเจ้าหน้าที่อุทยาน สนุกสนานกับการสร้างโป่งเทียมและรั้วกึ่งถาวร ทำไปหัวเราะกันไป แม้ว่าจะเหนื่อยแต่เป็นความภูมิใจลึกๆ ที่อย่างน้อยก็ได้ช่วยเหลือให้สัตว์ป่าและมนุษย์อยู่ร่วมกันได้อย่างปลอดภัยทั้งสองฝ่าย
ในส่วนของ โคโลราโด เซนเทนเนียล อิดิชั่น 2018 รุ่นลิมิเต็ดใหม่ล่าสุด ถือว่าเป็นการนำมาร่วมทริปครั้งแรกได้อย่างน่าประทับใจ เป็นรถกระบะรุ่นฉลองครบรอบ 100 ปีของรถกระบะเชฟโรเลตที่ได้รับการสร้างสรรค์ให้มีดีไซน์สุดพิเศษโดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถกระบะรุ่นต่างๆของเชฟโรเลตที่ผ่านมา แต่ละคันจะได้รับการประทับหมายเลขประจำตัวรถบนประตู โลโก้โบว์ไทฉลองครบรอบกระบะ 100 ปี ตราสัญลักษณ์ฉลองครบรอบกระบะ 100 ปี สติกเกอร์สีดำรุ่นพิเศษด้านบนฝากระโปรงหน้า และล้ออัลลอยสีดำขนาด 18 นิ้ว ยกระดับศักยภาพและการใช้งานของรถกระบะด้วยพื้นปูกระบะและชุดคิ้วล้อ รวมถึงสปอร์ตบาร์สีดำเงาสำหรับรุ่นแอลทีแซด
สำหรับขุมพลังขับเคลื่อนของโคโลราโด เซนเทนเนียล อิดิชั่น 2018 เป็นเครื่องยนต์ดูราแม็กซ์ 4 สูบ ดีเซล เทอร์โบ แปรผัน Variable Geometry Turbocharger (VGT) ที่ผลิตในจังหวัดระยอง มีพละกำลัง 180 แรงม้า (132 กิโลวัตต์) ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิด 440 นิวตันเมตร (325 ฟุต-ปอนด์) ที่รอบต่ำ 2,000 รอบต่อนาที เครื่องยนต์รุ่นนี้ผ่านมาตรฐานไอเสียยูโร 4 ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อนสองล้อและขับเคลื่อนสี่ล้อ
มีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 814,000 บาทสำหรับโคโลราโด 2.5 ลิตร ขับเคลื่อนสองล้อ 2 ประตู เกียร์ธรรมดา เซนเทนเนียล อิดิชั่นจนถึงรุ่นสูงสุด โคโลราโด 2.5 ลิตร ขับเคลื่อนสองล้อ 4 ประตู ไฮ คันทรี เซนเทนเนียล อิดิชั่น ราคา 1,103,000 บาท โคโลราโด 2.5 ลิตร ขับเคลื่อนสองล้อ 2 ประตู และ 4 ประตู เกียร์ธรรมดา เซนเทนเนียล อิดิชั่นมีตัวถังสีขาว Summit White และสีน้ำเงิน Blue Me Away Metallic ให้เลือกสรร ขณะที่รุ่นโคโลราโด 2.5 ลิตร ขับเคลื่อนสองล้อ 2 ประตู และขับเคลื่อนสี่ล้อ 4 ประตู ไฮ คันทรี เซนเทนเนียล อิดิชั่นมีตัวถังสีขาว Summit White และต้องบอกว่ารถกระบะที่ออกแบบมาได้อย่างลงตัวอย่างนี้ ต้องเอาไปลุยจริงถึงจะมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น แถมยังได้ลองใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ในการไต่เนินดินอยู่บ่อยครั้งในทริปนี้ ระบบช่วงล่างรองรับแรงสั่นสะเทือนได้น่าประทับใจ เรี่ยวแรงนี่เหลือเฟือ และที่สำคัญที่สุดระบบความปลอดภัยต่างๆ ที่ติดตั้งเอาไว้ให้ ถือว่าครบถ้วนต่อการใช้งานจริงๆ
ทั้งนี้ กิจกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของแนวคิดความรับผิดชอบต่อสังคมของเชฟโรเลตในด้านสิ่งแวดล้อม พลังงานและความปลอดภัย รวมถึงด้านการพัฒนาชุมชน เชฟโรเลตยังให้ความสำคัญกับด้านการศึกษา และด้านสุขอนามัยและพัฒนามนุษย์ในประเทศไทย โดยในปี 2560 เจนเนอรัล มอเตอร์ส ประเทศไทยและเชฟโรเลตจัดกิจกรรมปลูกป่าและปล่อยปลากลับสู่ธรรมชาติเนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก พนักงานมากกว่า 350 คนร่วมปลูกต้นไม้กว่า 1,000 ต้นที่อำเภอปากน้ำประแสร์ จังหวัดระยองเพื่อช่วยฟื้นฟูป่าโกงกางซึ่งเป็นแหล่งทรัพยากรทางธรรมชาติที่มีความสำคัญ
จีเอ็มให้ความสำคัญเป็นพิเศษในด้านสิ่งแวดล้อม พลังงาน และความปลอดภัยภายใต้กลยุทธ์ความรับผิดชอบต่อสังคมใน “การขับเคลื่อนอนาคตที่ดียิ่งขึ้น” ศูนย์การผลิตจีเอ็มในจังหวัดระยองเป็นโรงงานปลอดการฝังกลบ จีเอ็มยังเป็นบริษัทรถยนต์รายแรกในประเทศไทยที่ได้รับรองมาตรฐาน ISO 50001 จากความมุ่งมั่นในการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากกระบวนการผลิตอีกด้วย
เรื่อง: พุทธิ ผาสุข
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th