เชฟโรเลต คว้า 2 รางวัล “รถยอดเยี่ยมแห่งปี”
เชฟโรเลต คว้า 2 รางวัล “รถยอดเยี่ยมแห่งปี”
BEST RIDING QUALITY PPV | CHEVROLET TRAILBLAZER LTZ ด้วยการออกแบบที่โฉบเฉี่ยว ล้ำสมัย คงสไตล์อเมริกันได้อย่างครบถ้วน พร้อมทั้งตอบสนองทุกการใช้งานได้อย่างลงตัว จนทำให้ Chevrolet Trailblazer LTZ กลายเป็นรถ PPV ที่ตอบโจทย์การใช้งานได้ตรงตามความต้องการของผู้ใช้มากที่สุด ด้วยความครบเครื่องที่ตอบสนองได้ทุกความต้องการในการใช้งาน ทำให้รถคันนี้ได้รับผลโหวตมากที่สุดจากคณะกรรมการ จนได้รับรางวัล BEST RIDING QUALITY PPV มาครองได้สำเร็จ
จุดเด่นที่คณะกรรมการลงคะแนน
ขุมพลังแรงเพิ่มเติมเทคโนโลยีเต็มประสิทธิภาพ
CHEVROLET TRAILBLAZER LTZ มาพร้อมกับขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซลใหม่ 2,500 ซี.ซี. คอมมอนเรล เทอร์โบ ไดเรคอินเจคชั่น แบบ 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว พร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน และอินเตอร์คูลเลอร์ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้พละกำลัง 180 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที และมีแรงบิด 440 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกับเกียร์ธรรมดา 6 สปีด พร้อมด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ได้รับการปรับจูนขึ้นมาใหม่ให้มีความสัมพันธ์มากยิ่งขึ้น
ในด้านความปลอดภัย Chevrolet Trailblazer LTZ ยังอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยี ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่ใช้งานได้ง่ายขึ้น ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ด้วย ระบบแจ้งเตือนมุมอับสายตา (Side Blind Zone Alert) และระบบแจ้งเตือนการจราจรและสิ่งกีดขวางด้านหลัง (Rear Cross Traffic Alert) ระบบแจ้งเตือนเมื่อออกจากช่องจราจร (Lane Departure Warning) ระบบเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Alert) ระบบช่วยเหลือการจอดด้านหน้าและหลัง (Front and Rear Parking Assist) ระบบแจ้งเตือนให้คาดเข็มขัดนิรภัย สำหรับผู้โดยสารแถวสอง (Second Row Seat Belt Reminder) และระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง (Tire Pressure Monitoring System)
นอกจากนี้ ยังมีระบบความปลอดภัยทั้งแบบแอกทีฟและแพสซีฟ ทั้งระบบป้องกันล้อหมุนฟรีทั้งขณะออกตัวและในโค้ง Traction Control System (TCS), ระบบรองรับการเบรกกะทันหัน Panic Brake Assist (PBA), ระบบกระจายแรงเบรก Electronic Brake Force Distribution (EBD), ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว Electronic Stability Control (ESC), ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางชัน Hill
Descent Control (HDC), ระบบป้องกันการไหลของรถเมื่อขึ้นทางชัน Hill Start Assist (HSA), ระบบรักษาเสถียรภาพขณะลากจูง (Trailer Sway Control), ระบบป้องกันการพลิกคว่ำ (Anti-Rolling Protection) พร้อมกับถุงลมนิรภัยคู่หน้าสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ตลอดจนถุงลมนิรภัยป้องกันหัวเข่าสำหรับผู้ขับขี่
เพิ่มความสะดวกในการขับรถหน้าฝนด้วยระบบเซ็นเซอร์ตรวจจับปริมาณน้ำฝน ไฟหน้าเปิด-ปิด อัตโนมัติ และรีโมทสตาร์ทที่ช่วยเพิ่มความสบายในสภาพอากาศร้อน โดยสามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ด้วยการกดสวิตช์ที่กุญแจและเปิดแอร์ด้านนอกตัวรถ เพื่อให้ห้องโดยสารเย็นสบายก่อนเข้าไปนั่ง และยังสามารถควบคุมการเลื่อนขึ้น-ลง ของกระจกหน้าต่างทั้ง 4 บาน ซึ่งนับว่าเป็นรถอเนกประสงค์รุ่นแรกที่ให้ออปชันนี้มา
นอกจากนี้ CHEVROLET TRAILBLAZER LTZ ยังมีความโดดเด่นในเบาะนั่งแถวที่ 2
และ 3 ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามต้องการในรูปแบบต่างๆ คือ เบาะนั่งแถวที่ 2 สามารถแยกพับแบบ 60 : 40 และเบาะนั่งแถวที่ 3 ยังได้ออกแบบให้มีการเข้า-ออกของผู้โดยสารได้อย่างสะดวก และสามารถพับให้เป็นพื้นราบแบบ 50 : 50 ได้ ที่สำคัญ เบาะนั่งแถวที่ 3 ยังมีพื้นที่วางขาที่กว้าง ทำให้ผู้โดยสารนั่งได้
อย่างสบายไม่อึดอัด
Special Test
เข้าสู่บททดสอบความเป็นสุดยอด Performance เริ่มต้นด้วยสถานีทดสอบอัตราเร่ง Acceleration Test คณะกรรมการต้องเหยียบคันเร่งอย่างเร้าใจตั้งแต่ออกตัวเพื่อหาเวลาดีที่สุดในระยะทาง 100 เมตร เครื่องยนต์ดูราแมกซ์ 2,500 ซี.ซี. คอมมอนเรล 4 สูบ 16 วาล์ว 180 แรงม้า ที่มาพร้อมเทอร์โบแปรผัน (Variable Geometry Turbo) และระบบอินเตอร์คูลเลอร์ สามารถสร้างแรงม้าและแรงบิดรอบต่ำได้อย่างน่าตื่นเต้นและเร้าใจ และยิ่งส่งกำลังผ่านระบบเกียร์แบบ 6 สปีด ทำให้สามารถรีดประสิทธิภาพเครื่องยนต์ได้สูงสุด และส่งกำลังได้ต่อเนื่องรวดเร็วยิ่งขึ้น เพียงแค่กดคันเร่งออกตัว ก็สั่งรถพุ่งทะยานไปข้างหน้าทันที ซึ่งนับว่าเป็นจุดเด่นสำคัญในการทดสอบครั้งนี้
สถานีที่ 2 Lane Change คณะกรรมการผู้ทดสอบจะต้องควบคุมด้วยการบังคับรถเปลี่ยนเลนแบบกะทันหัน เพื่อสัมผัสระบบความปลอดภัยและการทำงานของระบบช่วงล่าง รวมถึงการสั่งงานของพวงมาลัยว่ามีความแม่นยำขนาดไหน ในช่วงการทดสอบพวงมาลัยไฟฟ้าที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ สามารถสั่งการได้อย่างเฉียบคม ควบคุมง่าย ไม่มีอาการสะบัดหรือท้ายโยนให้รู้สึกหวิวแต่อย่างใด นอกจากนี้ ระบบเกียร์กึ่งแมนวล +/- จะช่วยคำนวณความสัมพันธ์ของความเร็วรถ ความเร็วรอบและแรงบิดของเครื่องยนต์ในอัตราที่เหมาะสมสำหรับการเปลี่ยนเกียร์ทุกครั้งอีกด้วย
ปิดท้ายด้วยการทดสอบความนุ่มนวลของระบบช่วงล่าง Suspension Test ซึ่งคณะกรรมการจะได้พบกับบททดสอบในการเข้าโค้งต่างๆ ที่ทีมงานได้จัดเตรียมวางทางไว้ให้ ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นโค้งแคบ โค้งกว้าง และโค้งตัวเอส เพื่อให้คณะกรรมการได้สัมผัสถึงระบบช่วงล่างเต็มรูปแบบ ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ ปีกนกสองชั้น คอยล์สปริงและโช้คอัพแก๊ส ด้านหลังเป็นแบบ 5-Link Rear Suspension พร้อมคอยล์สปริงและโช้คอัพแก๊ส ให้ความนุ่มนวลในการขับขี่ เเละเกาะถนนเป็นเยี่ยม ไว้ใจได้ทุกย่านความเร็ว ทั้งทางตรง เเละทางโค้ง ตอบสนองทุกการใช้งานได้อย่างสมบูรณ์เเบบ ให้ประสิทธิภาพสูงในการเกาะถนน และสามารถรับกับเครื่องยนต์ขนาด 180 แรงม้าได้อย่างลงตัว
ซึ่งทั้งหมดนี้ คือความสุดยอดของ Chevrolet Trailblazer LTZ ที่เหล่าคณะกรรมการเทคะแนนให้ จนทำให้สามารถคว้ารางวัล BEST RIDING QUALITY PPV ใน Thailand Car of The Year 2019 มาครองได้สำเร็จ
BEST RIDING QUALITY PICKUP
CHEVROLET COLORADO HIGH COUNTRY STORM
หนึ่งในรถปิกอัพสายพันธุ์แกร่งที่โดดเด่นเหนือคู่แข่ง ด้วยรูปลักษณ์ที่สะดุดตาและสมรรถนะที่เพียบพร้อม ทำให้สร้างความแตกต่างเหนือระดับกว่าปิกอัพทั่วไป ซึ่งเป็นเหตุผลให้ Chevrolet Colorado High Country Storm สามารถคว้ารางวัล Best Riding Quality Pickup มาครองได้สำเร็จ ซึ่งความยอดเยี่ยมจะมีอะไรบ้าง สามารถติดตามได้ใน Car of The Year 2019
จุดเด่นที่คณะกรรมการลงคะแนน
ออกแบบสะดุดตา ความสะดวกสบายครบเครื่อง
สำหรับ Chevrolet Colorado High Country Storm ออกแบบมาเพื่อสะท้อนความแกร่งและหรูหรา ผสมผสานกับไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED พร้อมระบบเปิด-ปิด ไฟอัตโนมัติ ด้วยเซ็นเซอร์อัจฉริยะที่สามารถตรวจจับความเข้มของแสง พร้อมเปิดการทำงานของไฟหน้าโดยอัตโนมัติเมื่อแสงน้อยหรือเส้นทางฝุ่นหนา และจะดับไฟเมื่อมีแสงสว่างเพียงพอ ส่วนด้านท้ายเพิ่มความปลอดภัยด้วยไฟท้าย LED ช่วยเพิ่มความปลอดภัยขณะเบรก พร้อมไฟตัดหมอกหลังให้ความปลอดภัยระหว่างการขับขี่ ปลอดภัยมากขึ้นกับไฟเบรกดวงที่สาม และยังเพิ่มเติมความโดดเด่นด้วยชุดแต่งที่มีเอกลักษณ์ อาทิ สติกเกอร์สีดำด้านที่ฝากระโปรงหน้า สติกเกอร์ด้านข้างลายสปอร์ต และมือจับที่เปิดประตูสีดำ สปอร์ตบาร์สีดำเงา บ่งบอกความเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น กันชนหลังสีดำ Anthracite เข้ม และมือจับฝาท้ายสีดำ ซึ่งการออกแบบทั้งหมดนี้ยังคงเอกลักษณ์ของ “เชฟวี่ ทรัค” ที่สืบทอด DNA จากตำนานกระบะอเมริกันพันธุ์แกร่ง ที่แข็งแรงบึกบึนไว้อย่างครบถ้วน พร้อมด้วยโครงสร้างทนทาน และพื้นที่บรรทุกขนาดใหญ่ รองรับการใช้งานในทุกรูปแบบได้อย่างลงตัวและสมบูรณ์แบบ มือจับที่เป็นฝากระบะท้ายแบบโครเมียม พร้อมกล้องมองหลังที่ช่วยให้ถอยจอดได้สะดวกมากขึ้น
ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ต แบบทูโทน ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยางหน้า/หลัง ขนาด 265/60 R18 บ่งบอกถึงสมรรถนะการขับขี่ที่ลุยได้ทุกเส้นทาง ห้องโดยสารภายในเน้นความหรูหรา สะดวกสบาย โดดเด่นด้วยชุดมาตรวัดใหม่ที่สปอร์ต โฉบเฉี่ยว และใช้งานได้ง่ายมากยิ่งขึ้น พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มด้วยหนัง สามารถปรับช่องวิทยุจากพวงมาลัยซึ่งออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ คอนโซลกลางมาพร้อมชุดอินโฟเทนเมนต์ MyLink ทำงานผ่านจอทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว รองรับฟังก์ชัน Apple CarPlay แสดงผลหน้าจอสมาร์ทโฟนบนจอส่วนกลาง, Siri Eyes Free พร้อมซอฟต์แวร์สั่งงานด้วยเสียง เบาะนั่งใหม่ ใช้วัสดุผ้าที่มีผิวสัมผัสนุ่มนวล และเพิ่มความสะดวกด้วยรีโมทที่สามารถสั่งการสตาร์ทได้จากนอกตัวรถ พร้อมทั้งสั่งการให้ระบบปรับอากาศภายในห้องโดยสารทำงานโดยอัตโนมัติที่อุณหภูมิระดับ
25 องศา นอกจากนี้ยังสามารถควบคุมการเลื่อนขึ้น-ลง ของกระจกหน้าต่างทั้ง 4 บาน
ยังมีไฮไลต์ที่ขาดไม่ได้ก็คือ พวงมาลัยเพาเวอร์ควบคุมการทำงานด้วยระบบไฟฟ้า (Electric Power Steering) ที่มีความเที่ยงตรง และแม่นยำสูง ทั้งยังสามารถปรับน้ำหนักแปรผันตามความเร็วรถ รองรับการขับทุกสภาพถนน ลดการดึงของพวงมาลัยและลดการสั่นสะเทือนที่ส่งผ่านมายังพวงมาลัย, ระบบ Tire Pressure Monitor ตรวจสอบแรงดัน
ลมยาง มีเซ็นเซอร์วัดแรงดันลมยางในแต่ละล้อ ส่งข้อมูลมาแสดงผลที่หน้าจอในชุดมาตรวัด มีเซ็นเซอร์ตรวจจับน้ำฝน ทำงานร่วมกับที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ, ระบบเปิด-ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังออกแบบลดเสียงรบกวนในห้องโดยสาร ด้วยการปรับปรุงซีลยางในจุดต่างๆ เพิ่มโฟมซับเสียงที่เสาหน้า ปรับกรอบประตูคู่หน้าช่วงบนให้บีบแน่นขึ้น เพิ่มความหนากระจกประตูคู่หน้า ลดเสียงรบกวนลงได้ประมาณ 2-4 เดซิเบล
ระบบความปลอดภัยเต็มรูปแบบ
Chevrolet Colorado High Country Storm มีความปลอดภัยทุกการใช้งานด้วยถุงลมนิรภัยบริเวณหัวเข่าสำหรับผู้ขับขี่ (Driver Knee Airbag) ที่ช่วยป้องกันไม่ให้หัวเข่าและส่วนขาด้านล่างของผู้ขับขี่ได้รับบาดเจ็บเมื่อเกิดอุบัติเหตุที่ด้านหน้ารถ โดยทำงานร่วมกับถุงลมนิรภัย SRS และเข็มขัดนิรภัย, ระบบแจ้งเตือนการชนด้านหน้าทำงานในช่วงความเร็ว 40 กม./ชม. ขึ้นไป โดยกล้องที่ติดตั้งอยู่บริเวณกระจกมองหลังและเรดาร์ที่ด้านหน้ารถจะวิเคราะห์และประเมินระยะห่างของรถคันหน้าตลอดเวลา หากพบว่ารถเข้าใกล้รถคันหน้ามากเกินไป ระบบจะส่งสัญญาณภาพและเสียงเตือนให้ผู้ขับขี่ทราบ เพื่อเพิ่มความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น, ระบบเซ็นเซอร์ หน้า-หลัง 8 จุด ช่วยในการนำรถเข้าจอดได้ง่ายขึ้น โดยเซ็นเซอร์จะส่งสัญญาณภาพและเสียงแจ้งให้ผู้ขับขี่ทราบถึงระยะห่างของรถกับสิ่งกีดขวาง, ระบบช่วยเตือนเมื่อขับขี่รถออกนอกช่องจราจร ระบบนี้จะทำงานเมื่อรถวิ่งออกนอกช่องจราจร โดยที่ผู้ขับขี่ไม่ตั้งใจหรือไม่ได้เปิดสัญญาณไฟเลี้ยว ขณะขับขี่ด้วยความเร็ว 60 กม./ชม.ขึ้นไป ระบบจะส่งสัญญาณภาพและเสียงเตือนทันที, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติขณะรถลงทางลาดชัน (HDC), ระบบช่วยการออกตัวขณะรถอยู่บนทางลาดชัน (HSA), ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) ช่วยป้องกันอาการล้อล็อกที่เกิดขึ้นในระหว่างการเบรกฉุกเฉินและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในสภาพถนนลื่น, ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ (ESC) ซึ่งระบบนี้จะช่วยควบคุมการทรงตัวโดยการตรวจสอบและลดการสูญเสียการทรงตัวในทุกสภาพการขับขี่, ระบบป้องกันการลื่นไถลและล้อหมุนฟรี (TCS), ระบบกระจายแรงเบรก (EBD) ช่วยรักษาการควบคุมโดยกระจายแรงเบรกในแต่ละล้ออย่างเหมาะสม
Special Test
เข้าสู่ช่วงการทดสอบ Chevrolet Colorado High Country Storm ในสถานี Acceleration Test ครื่องยนต์ดูราแมกซ์ ดีเซล 2.5 ลิตร พร้อมเทอร์โบแปรผัน ให้กำลังสูงสุด 180 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดถึง 440 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบ/นาที ส่งผ่านกำลังด้วยระบบเกียร์แบบ 6 สปีด สามารถรีดประสิทธิภาพเครื่องยนต์ได้สูงสุด ส่งกำลังได้ต่อเนื่องรวดเร็วยิ่งขึ้น เพียงแค่กดคันเร่งออกตัว ก็สั่งรถพุ่งทะยานไปข้างหน้าทันที
ถัดมาสถานี Lane Change คณะกรรมการผู้ทดสอบจะต้องควบคุมด้วยการบังคับรถเปลี่ยนเลนแบบกะทันหัน พวงมาลัยเพาเวอร์พร้อมผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า สามารถสั่งการได้อย่างเฉียบคม ควบคุมง่าย นอกจากนี้ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ยังสั่งการได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ผ่านอุปสรรคได้อย่างง่ายดาย
ปิดท้ายด้วยสถานี Suspension Test การทดสอบความนุ่มนวลระบบช่วงล่าง ในสถานีนี้ Chevrolet Colorado High Country Storm ต้องพบทบทดสอบในทางโค้งในรูปแบบต่างๆ ระบบช่วงล่างแบบอิสระ ปีกนกสองชั้นด้านหน้าเเละช่วงล่างด้านหลังเเบบลีฟสปริง เเป้นรูปครึ่งวงรี พร้อมโช้คอัพเเก๊ส ช่วยถ่ายเทน้ำหนักในการเข้าโค้งได้อย่างลงตัวแบบ “มั่นใจได้” ไม่มีอาการดีดหรือยวบให้สัมผัส นอกจากนี้ ระบบเบรกยังให้แรงฉุดรั้งที่เหลือเฟือ สามารถตอบสนองได้ทุกการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานแบบหนัก หรือต้องการประคองแบบนุ่มนวล สามารถสั่งการได้อย่างง่ายดาย