เดินทางได้อย่างมั่นใจ พร้อมรถรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพกับ toyota yaris
toyota yaris ถือเป็นอีกหนึ่งรถยนต์สาย Eco Car ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน สำหรับรถยนต์สายนี้ได้มีการพัฒนาจากรุ่นสู่รุ่น ทำให้มียอดการสั่งซื้อสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของค่าย Toyota เลยทีเดียว สำหรับรถรุ่นนี้จะมาในสไตล์รถ Hatchback แบบ 5 ประตู แต่ในรุ่นใหม่จะมีการปรับเปลี่ยนเป็นแบบซีดาน 4 ประตูแทน เพื่อที่จะทำให้เหมาะสมต่อการใช้งานได้หลากหลายสไตล์มากยิ่งขึ้น และเพื่อให้การตอบโจทย์สำหรับคนรุ่นใหม่ ที่จะเน้นใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างสะดวกสบาย พร้อมทั้งยังสามารถเดินทางไกลได้อีกด้วย
ในส่วนของความโดดเด่นของ toyota yaris คือ ขนาดของรถจะมีความเล็กกะทัดรัด ทำให้ผู้ขับขี่สามารถเดินทางได้อย่างคล่องตัว พร้อมทั้งยังมีดีไซน์ที่โดดเด่น ทันสมัย และสำหรับรถรุ่นนี้ไม่ว่าจะเป็นเจเนอเรชันที่ 2 หรือเจอเนอเรชันปัจจุบัน ยังคงได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะถือเป็นรถ Eco Car ที่ให้ทั้งความประหยัดน้ำมัน จึงให้ความคุ้มค่า แถมยังสามารถใช้งานได้สมกับราคาอีกด้วย
Engine เครื่องยนต์ของ toyota yaris
สำหรับเครื่องยนต์ของ toyota yaris จะใช้เป็นเครื่องยนต์เบนซิน รหัส 3NR-FKE แบบ 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว Dual VVT-iE ขนาด 1.2 ลิตร 1,197 ซีซี กระบอกสูบ 72.5 มิลลิเมตร ระยะช่วงชัก 72.5 มิลลิเมตร อัตราส่วนของกำลังอัดจะอยู่ที่ 13:5:1 กำลังสูงสุดของรถรุ่นนี้จะอยู่ที่ 92 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุดจะอยู่ที่ 109 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบต่อนาที พร้อมทั้งจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-I รอบน้ำมันสูงสุด E20
การออกแบบภายนอกของ toyota yaris
- ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว ที่มาพร้อมกับสีทูโทน และยาง 185/60 R15
- ไฟหน้าแบบ Projector Lens ฮาโลเจน
- ไฟหรี่ ไฟหน้าแบบ LED Light Guiding
- ไฟ LED Daytime Running Light ที่ชุดกันชนหน้า
- ไฟตัดหมอกคู่หน้า
- ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED
- ระบบการเบรกด้านหน้าแบบดิสก์เบรก และระบบเบรกด้านหลังแบบดรัมเบรก
- พวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้าแบบ EPS
- กระจกมองข้างสามารถปรับ และพับได้ด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมทั้งมีไฟเลี้ยวให้ภายในตัว
การออกแบบภายในของ toyota yaris
สำหรับการออกแบบภายในของรถรุ่นนี้ จะตกแต่งห้องโดยสารโทนสีดำหรือสีเบจ ซึ่งในส่วนของสี ก็จะขึ้นอยู่กับรุ่นย่อยรุ่นนั้น ๆ เบาะคนขับสามารถปรับได้ถึง 6 ทิศทาง แต่เบาะผู้โดยสารจะปรับได้เพียง 4 ทิศทางเท่านั้น ในส่วนของเบาะทั้งคัน จะมีการออกแบบเป็นเบาะทรงสปอร์ตหุ้มด้วยผ้า พวงมาลัยสามารถปรับได้ 2 ทิศทาง นั่นก็คือทางขึ้นกับลง พวงมาลัยจะมีการห่อหุ้มด้วยหนัง และตกแต่งพวงมาลัยด้วยแถบสีเงินเมทัลลิก
อุปกรณ์อำนวยความสะดวก และระบบความปลอดภัยภายในตัวรถ
- ระบบการตัดการทำงานของเครื่องยนต์แบบอัตโนมัติ Start/Stop System
- ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าแบบอัตโนมัติ พร้อมทั้งระบบ Follow me home
- ระบบกุญแจแบบ Smart Keyless Entry
- ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์แบบ Push Start Button
- ระบบเบรกป้องกันล้อล็อคแบบ ABS
- ระบบกระจายเบรกแบบ EBD
- ระบบเสริมแรงเบรก BA
- ระบบควบคุมการทรงตัว VSC
- ระบบป้องกันการลื่นไถล TRC
- ระบบช่วยสำหรับการออกตัวบนทางลาดชัน TRC
- ถุงลมนิรภัยทั้งหมด 7 ตำแหน่ง ได้แก่ คู่หน้า ด้านข้าง ม่านนิรภัย และหัวเข่า
- กล้องมองภายในด้านหลังขณะถอยจอด
- เซนเซอร์กะระยะสำหรับการช่วยจอดด้านหลัง
- กุญแจแบบ Immobilizer พร้อมระบบสัญญาณป้องกันขโมย TDS
- กล้องบันทึกเหตุการณ์ระหว่างขับขี่ทั้งด้านหน้า และด้านหลังรถแบบ Video Cam Recorder
ข้อเสียของ toyota yaris
สำหรับข้อเสียของรถยนต์รุ่นนี้ จะเป็นในเรื่องของอัตราการเร่ง ที่ไม่ค่อยทันใจกับผู้ขับขี่ที่ชื่นชอบการใช้รถแรง ดังนั้นรถรุ่นนี้จึงไม่เหมาะกับผู้ขับขี่ ที่จะต้องใช้รถในการเดินทางไกล และมีการอัดกำลังเต็มที่ ด้วยความที่ toyota yaris มีการออกแบบรถ และเครื่องยนต์โดยเน้นการขับแบบเรื่อย ๆ ใช้งานได้อย่างสบาย ๆ ภายในเมืองมากกว่าการเดินทางไกล เนื่องจากเครื่องยนต์น้อย cc ต่ำ ถ้าหากใช้รถรุ่นนี้เดินทางไกลแบบข้ามจังหวัดบ่อยครั้ง อาจจะทำให้เครื่องยนต์เกิดความเสียหายได้ง่าย และข้อสำคัญคือ ตัวรถรุ่นนี้มีขนาดเล็กกะทัดรัด จึงค่อนข้างบอบบาง เมื่อเจอลม หรือเจอรถคันที่ใหญ่กว่าวิ่งสวนมาด้วยความเร็ว อาจจะทำให้รถแกว่งได้ง่าย และด้วยพวงมาลัยของรถรุ่นนี้ค่อนข้างเร็ว จึงทำให้การควบคุมพวงมาลัยเป็นไปได้ยาก
โดย toyota yaris จะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 549,000-2,690,000 บาท ซึ่งจะขึ้นอยู่กับปีในการผลิต สำหรับรถรุ่นดังกล่าวจะเป็นรถที่เหมาะกับการใช้งานในเมือง เนื่องจากมีขนาดตัวรถที่เล็กกะทัดรัด และประหยัดน้ำมัน จึงตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนเมืองได้มากกว่า ทั้งนี้รถรุ่นนี้ยังมีระบบการรักษาความปลอดภัยอีกมากมาย ทั้งรุ่นใหม่ และรุ่นเก่า ดังนั้นมั่นใจได้เลยว่าผู้ขับขี่จะปลอดภัยอย่างแน่นอน และสำหรับจุดเด่นของรถรุ่นนี้คือ เครื่องยนต์ที่ให้กำลังดี ไม่ถึงกับช้า หรือเร็วมากจนเกินไป ผู้ขับขี่จึงสามารถขับได้อย่างสบาย ๆ ที่สำคัญคือสามารถขับได้ทั้งภายในเมือง และภายนอกเมืองได้อย่างเหมาะสม แถมยังสามารถเข้าจอดได้ง่ายในทุก ๆ ที่ ในส่วนของราคาจากที่กล่าวไปแล้วจะเห็นได้เลยว่า สามารถเข้าถึงได้ง่ายมาก
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th