เดือด!! 5 กระบะรุ่นใหม่ พร้อมเข้าในไทย
เดือด!! แน่นอนสำหรับตลาดรถกระบะ เพราะทั้งปลายปี2020นี้ และในปีหน้า2021 หลายค่ายจ่อจะเปิดตัวรถกระบะใหม่กันเป็นแถว แถมยังมีผู้เล่นหน้าใหม่กระโดดเข้ามาเล่นในตลาดนี้ด้วย ยิ่งทำให้ตลาดรถกระบะน่าสนใจมาก เรามาจับตาดู 5 กระบะรุ่นใหม่ ที่มีข่าวว่าพร้อมเข้าในไทยในอีกไม่นานนี้กันดีกว่าว่ามีคันไหนน่าสนใจบ้าง
Peugeot Landtrek
Peugeot Landtrek 2020 ได้รับการปรับโฉมใหม่เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าได้ทั่วโลก ด้วยรูปทรงที่ดูแข็งแกร่งทันสมัยมากขึ้น ระบบไฟหน้า-ไฟท้าย LED พร้อม Signature Light, ฝาท้ายเปิดได้ 180 องศา(ในรุ่น Workhorse Single Cab จะมีรุ่นที่ไม่ได้ใส่กันชนหลังมาให้ เพื่อให้เปิดฝาท้ายได้ 180 องศา)กระบะท้ายมีไฟ LED ส่องสว่าง และ มีช่องจ่ายกระแสไฟฟ้าขนาด 12 โวลต์ ล้อ ขนาด 16 – 18 นิ้ว โดยจะมีตัวถังให้เลือกสามแบบด้วยกัน ประกอบด้วย Chassis Cab, Single Cab และ Double Cab
ห้องโดยสารกว้างขวาง เบาะแถวหน้ามีทั้งแบบเบาะยาว และ เบาะแยก ส่วนเบาะหลังสามารถพับแบบ 60 : 40 ได้ เพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระ ช่องเก็บของมีความจุ 27 ลิตร ส่วนพวงมาลัยแปลกตา ด้วยดีไซน์แบบ 2 ก้าน นอกจากนี้ ยังมีหน้าจอสัมผัสความละเอียดสูง ขนาด 10 นิ้ว รองรับระบบเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto
ขุมพลังของ Peugeot Landtrek มีให้เลือกด้วยกัน 2 รูปแบบ ทั้งดีเซล และ เบนซิน ดังนี้
ดีเซล 1.9 TURBO : 150cH MT6 4×2 / MT6 4×4
เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 1.9 ลิตร 1,910 ซีซี. เทอร์โบ กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ที่ 1,800 – 2,800 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ ส่งกำลังผ่านระบบขับเคลื่อนล้อคู่หลัง หรือ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ
เบนซิน 2.4 TURBO : 210cH MT6 4×2 / MT6 4×4 / AT6 4×4
เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 2.4 ลิตร 2,378 ซีซี. เทอร์โบ กำลังสูงสุด 155 แรงม้า ที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ที่ 2,000 – 4,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ หรือ เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ส่งกำลังผ่านระบบขับเคลื่อนล้อคู่หลัง หรือ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ
ระบบความปลอดภัยของ Peugeot Landtrek มีถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง และยังมีระบบอื่นอีก ประกอบด้วย
- Hill Descent Control ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาด
- Trailer Swing Control ระบบควบคุมสิ่งลากจูง
- Lane Departure Warning ระบบแจ้งเตือน เมื่อออกนอกช่องจราจร
- 360 Vision ระบบกล้องมองภาพรอบคัน
The All-New Ford Ranger 2021
The All-New Ford Ranger 2021 ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม T6 มีการเปลี่ยนแปลงเยอะมากด้านระบบช่วงล่างเพื่อรองรับการใช้งาน ในแบบ on-road และ off-road ให้ดีขึ้นกว่าเดิม โดยเรื่องการดีไซน์ได้แรงบันดาลใจมาจากรถกระบะ full size อย่าง F-150 รถยนต์ ด้วยดีไซน์ด้านหน้าที่เน้นบาร์ขนาดใหญ่ตลอดแนวของหน้ากระจัง ซึ่งไปจรดกับไฟเดย์ไทม์รูปตัว C ที่เป็นเอกลักษณ์ของรุ่น F-150
ห้องโดยสารภายในของ Ford Ranger ใหม่ จะมีขนาดและรูปร่างใกล้เคียงกับโฉมปัจจุบัน แต่จะมีการอัพเกรด ในเรื่องคุณภาพของวัสดุที่ใช้ มาพร้อมหน้าจอแสดงผลการขับขี่ดิจิตอลแบบใหม่ จอแสดงผลระบบ infotainment ความละเอียดสูง มีขนาดใหญ่ขึ้น ระบบเครื่องเสียงระดับพรีเมี่ยม
ในด้านระบบความปลอดภัย มาพร้อมระบบเตือนจุดอับสายตาแบบโซนซึ่งมีใช้ในโฉมปัจจุบันเวอร์ชั่นอเมริกาไปแล้ว ระบบเตือนจุดอับสายตาขณะถอยหลัง กล้องช่วยมองรอบคัน 360 องศา รวมถึงระบบความปลอดภัยเสริมต่างๆ ที่มีในรุ่นปัจจุบัน ทั้งระบบเบรคฉุกเฉินอัตโนมัติ ระบบ radar cruise control และระบบช่วยอ่านป้ายจราจร
เครื่องยนต์ดีเซล Bi-Turbo (เทอร์โบคู่) ขนาด 2.0 ลิตร และเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด มอบพละกำลังในการขับขี่ได้สูงสุดถึง 213 แรงม้า และแรงบิดที่มากถึง 500 นิวตันเมตร ซึ่งมีใช้ใน Ranger Raptor และ Ranger บางรุ่น อย่าง XLT และ Wildtrak แต่ก็มีข่าวหลุดออกมาว่าจะมีการนำเครื่องลูกใหม่ล่าสุดอย่าง ดีเซลเทอร์โบ V6 ความจุ 3.0 ลิตร ใหม่ ที่นำมาจากรุ่น F-150 ซึ่งให้กำลังสูงสุด ถึง 248 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร
สำหรับ Ranger ใหม่รุ่นเริ่มต้น คาดว่าจะมีการใช้เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบเดี่ยว 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร เจนเนอเรชั่นใหม่ ทดแทนบล็อคเดิม นั้นเอง
MAZDA BT-50 PRO 2020
Mazda BT-50 PRO 2020 โดยคาดว่าจะเปิดตัวและจำหน่ายในประเทศไทย ออสเตรเลีย และยุโรปบางประเทศช่วงสิ้นปีนี้โดยมีการย้ายไลน์ผลิตจากโรงงาน AAT ที่ระยองไปผลิตที่โรงงานของ Isuzu แทน ซึ่งทั้งสองค่ายตกลงจับมือกันแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนารถกระบะให้ดีขึ้น โดยคาดว่า Mazda BT-50 PRO 2020 จะมีให้เลือก 3 ตัวถังเหมือนเดิม
แม้ว่าจะใช้พื้นฐานเดียวกับ ISUZU D-MAX แต่เรื่องการดีไซน์มาสด้าจัดการเองทั้งหมดเพราะฉะนั้นหน้าตาไม่เหมือน D-MAX แน่นอน ด้านหน้าตัวรถ Mazda BT-50 PRO 2020จะยังคงยึดหลัก KODO Design ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้า, กันชนหน้า และชุดไฟหน้าดีไซน์ใหม่ รวมถึงตัวบอดี้ที่เน้นไปที่ความบึกบึน
ภายในอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ เบาะคนขับปรับด้วยไฟฟ้า, หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่บนมาตรวัดแบบสี TFT, หน้าจอกลางเครื่องเสียง ขนาด 9 นิ้ว ระบบสัมผัส Touchscreen ,ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวา Dual Zone, ลำโพง 8 ตำแหน่ง พร้อมลำโพงบนฝ้าเพดาน Live Surround Sound อันนี้เหมือน D-MAX แต่ที่ Mazda BT-50 PRO 2020 เสริมมาให้คือ หน้าจอแสดงข้อมูลบนกระจกบังลมหน้า Head-up Display และ ที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย Wireless Charger ถ้าพูดถึงดีไซน์โดยรวมอาจจะคล้ายๆD-MAX แต่ไม่เหมือนทั้งหมดนะครับ
เครื่องยนต์ของ Mazda BT-50 PRO 2020แน่นอนจะใช้เครื่องยนต์ และ เกียร์แบบเดียวกับ ISUZU D-MAX มีให้เลือก 2 เครื่องยนต์
ดีเซล 1.9 VGS Turbo
เครื่องยนต์ดีเซล รหัส RZ4E-TC ขนาด 1.9 ลิตร 1,898 ซีซี. 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว DOHC Commonrail Direct Injection พร้อมเทอร์โบแปรผันแบบครีบ VGS และ Intercooler กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ที่ 1,800 – 2,600 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ / เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ
ดีเซล 3.0 VGS Turbo
เครื่องยนต์ดีเซล รหัส 4JJ3-TCX ขนาด 3.0 ลิตร 2,999 ซีซี. 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว DOHC Commonrail Direct Injection พร้อม Turbocharger VGS แบบครีบแปรผัน และ Intercooler กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 2,600 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ / เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ
ระบะช่วงล่างหน้าใหม่แบบอิสระปีกนก 2 ชั้น Double Wishbone with Coil Spring ส่วนด้านหลังเป็นแหนบยาวแบบ LONG SPAN เทคโนโลยีใหม่ WSSP แม้จะใช้ช่วงล่างเดียวกับD-MAX แต่ทางมาสด้าเค้าเน้นเรื่องช่วงล่างมากโดยมีการปรับจูนใหม่ทั้งหมดเพราะฉะนั้นฟิวลิ่งของ Mazda BT-50 PRO 2020 แตกต่างจาก D-MAX อย่างแน่นอน แต่ที่แน่ๆ All Mazda BT-50 PRO 2020จะมีระบบล็อคเฟืองท้าย Electronic Rear Diff-Lock เหมือน D-MAX
แพลตฟอร์มของ All NEW Mazda BT-50 Proแน่นอนจะใช้แบบเดียวกับ Isuzu D-max เพราะใช้พื้นฐานเดียวกัน แชส ซีส์ใหม่ทั้งหมด Dynamic Drive Platform แชสซีส์ ขนาดใหญ่ รับแรงบิดสูงขึ้น 23% โครงสร้างตัวถังเสริมเหล็ก ULTRA – HIGH TENSILE แกร่งและทนทานกว่าเหล็กธรรมดา
ระบบความปลอดภัย
ระบบถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง, ระบบเบรก ABS, EBD, BA และ ระบบควบคุมการทรงตัว ESC ,ป้องกันการลื่นไถล TCS, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA, ระบบช่วยลงจากทางลาดชัน HDC ,ระบบเตือนมุมอับกระจกมองข้าง ,ระบบเตือนการชนด้านหน้า และ ช่วยเบรก (SBS),ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติด้านหลัง (SCBS-R) และกล้องรอบคัน 360 องศา
All New Nissan Navara
All New Nissan Navara คาดพร้อมเปิดตัวปลายนี้ 2020 นี้แน่นอนถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ส่วนดีไซน์ของ All New Nissan Navara ที่หลายท่านสงสัยว่ามันจะคล้ายรุ่นเดิมหรือไม่ ตอบได้เลยครับว่าไม่คล้ายเดิมแน่นอน การมีการออกแบบให้ดูบึกบึนและแข็งแกร่งงมากขึ้น มีไฟหน้าขนาดใหญ่รูปทรงเหลี่ยม แบ่งส่วนของไฟ LED Daytime Running Lights เป็นแบบ 2 ชั้น ขนาบอยู่ข้างๆกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ ที่ขยายขนาดใหญ่กว่าเดิม การออกแบบที่ดูบึกบึนแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ถูกใจสายลุยอย่างแน่นอน ส่วนงานดีไซน์อื่นๆ ยังไม่มีรายละเอียดออกมา เราก็แค่ได้วิเคราะห์จากเงาที่เห็นแว๊บๆไปก่อน ส่วนภายในนั้นแน่นอนต้องเปลี่ยนใหม่ ดีไซน์ใหม่อยู่แล้วเพราะดีไซน์แบบเก่ามันเชยล้าหลังคู่แข่งไปมากแล้ว มาใหม่ต้องใหม่หมด งานนี้นิสสันกลับมาผงาดในตลาดรถกระบะอย่างแน่นอน
ส่วนเครื่องยนต์เราได้ข่าวมาว่านิสสันจะทำการเปลี่ยนขุมพลังใหม่ให้กับ NAVARA ด้วยจากเดิมที่เป็นเครื่องยนต์ดีเซล 2.5 เทอร์โบ จะเปลี่ยนเป็นเครื่องยนต์ดีเซล 2.3 เทอร์โบคู่ เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ขนาด 2.3 ลิตร 2,298 ซีซี. DOHC Twin-Turbo Intercooler (เทอร์โบคู่) กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,500 – 2,500 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหลัง หรือ ขับเคลื่อน 4 ล้อ
นอกจากนี้ NISSAN NAVARA ใหม่ น่าจะติดตั้งระบบความปลอดภัยมาให้แบบเต็มอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็น ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ VDC ระบบช่วยลดอาการโยนตัวบนทางขรุขระ ARC ระบบช่วยลดความเร็วอัตโนมัติในขณะถอนคันเร่ง หรือ เข้าโค้ง AEB ระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง ATC ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAS ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง Lane Departure Warning ระบบเตือนจุดอับสายตา Blind Spot Warning ระบบเตือนเมื่อมีวัตถุตัดผ่านขณะถอยรถ RCTA ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ High Beam Assist ระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน Intelligent Emergency Braking ระบบช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้า Forward Collision Warning ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Intelligent Cruise Control ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา AVM ระบบตรวจจับ และ ส่งสัญญาณเตือนวัตถุรอบคัน MOD ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง (คู่หน้า-ด้านข้าง-ม่านนิรภัย)
ส่วนเวอร์ชั่นไทยคาดว่าจะเปิดตัวช่วงปลายปีนี้อย่างแน่นอน ราคาจะเป็นอย่างไร รูปลักษณ์มันจะบึกบึน และเท่ห์ขนาดไหน มีออฟชั่นอะไรมาให้บ้างนั้นเราต้องรอลุ้นไปพร้อมๆกันครับ
Great Wall PAO
Great Wall PAO ตัวรถนั้นมาพร้อมกับชุดไฟหน้าและหลังแบบ LED เต็มรูปแบบ พร้อมกับบันไดด้านหลังรถแบบลาดเอียงแบบพับได้ ซึ่งจะเพิ่มความสะดวกให้กับการขนถ่ายสินค้าเป็นอย่างมาก และการออกแบบความสูงของตัวรถ, ท่อไอเสีย และองค์ประกอบ อื่นๆ นั้น ก็ถูกออกแบบมาเพื่อการลุยโดยเฉพาะ
ส่วนภายใน Great Wall PAO ก็ตกแต่งเอาไว้ไม่ธรรมดาเลย ภายในดูหรูหรา หลายจุดหุ้มด้วยหนัง เช่น แผงหน้าปัดด้านบน แผงประตูบางส่วน และมีการตกแต่งด้วยวัสดุสีเงินเพิ่มความหรูหรา คอนโซลกลางรวมถึงคันเกียร์ทันสมัย เบาะสีทูโทนอ่อมี Paddle Shift ให้ด้วยนะ และยังมีตัวแต่งสไตล์ออฟโรดออกมาอวดโฉมให้น้ำลายไหลเล่นอีกต่างหาก
สำหรับทางด้านขุมพลังของ Great Wall PAO เลือใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเรียง ความจุ 2.0 ลิตร DOHC เทอร์โบชาร์จ 197 แรงม้า (HP) และเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบเรียง ความจุ 2.0 ลิตร DOHC เทอร์โบชาร์จ กำลังสูงสุด 161 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ หรืออัตโนมัติ 8 จังหวะ เรื่องพละกำลังดูไม่น่าตื่นเต้นเท่าไหร่นัก ส่วนความทนทาน คงต้องรอการพิสูจน์
ราคาจำหน่ายในจีนเริ่มต้นที่ 126,800 หยวน หรือประมาณ 5.9 แสนบาท คาดว่าขายไทยราคาเริ่มต้นน่าจะประมาณ 7 แสนกว่าบาท แต่คำถามคือ…จะสู้เจ้าตลาดได้หรือไม่ เพราะ MG Extender 2019 กลุ่มยักษ์ใหญ่ SAIC ก็ยังเคยก้าวพลาดในไทยมาแล้ว
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
ภาพ : Motor1 / Car Expert
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th