เปิดอย่างยิ่งใหญ่ BANGKOK INTERNATIONAL MOTORSHOW ครั้งที่ 37
บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 37 เปิดตลาดรถยนต์ ค่ายรถทุ่มงบกว่า 100 ล้านบาทสร้างบูธโชว์รถ พร้อมเปิดตัวรถใหม่กว่า 25 รุ่น อวดรถแพงสุดในงานราคา 40 ล้านบาท เชื่อสร้างยอดจองกว่า 40,000 คัน ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและตลาดรถยนต์
ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานกรรมการบริหาร/ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 37 ผู้เข้าชมงานจะมีโอกาสได้เห็นนวัตกรรมยานยนต์ที่มีความล้ำสมัยมากขึ้น โดยเฉพาะรถยนต์ในกลุ่มปลั๊กอินไฮบริด ซึ่งใช้การเสียบปลั๊กไฟเพื่อชาร์จพลังงานเข้าสู่แบตเตอรี่ รถยนต์ไฮบริด และรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์เทอร์โบ ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นทางเลือกทางด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี สอดคล้องกับทิศทางของทั่วโลกในเรื่องของการประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
โดยในการจัดงานทุกปีที่ผ่านมา ไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยีแห่งยนตรกรรม แต่เราพยายามนำเสนอเรื่องความยิ่งใหญ่ของบูธที่แต่ละค่ายรถยนต์ทุ่มทุนสร้างเพื่อจัดแสดงรถยนต์ ซึ่งบริษัทแม่ของผู้ผลิตรถยนต์ในต่างประเทศเองก็ให้การยอมรับว่างานบางกอก มอเตอร์โชว์ เทียบเคียงระดับโลก ด้วยการยอมให้นำบูธที่ใช้ในงานโชว์รถระดับโลกมาใช้จัดแสดงในเมืองไทยด้วย ซึ่งทุกบริษัทต่างทุ่มเท สร้างสรรค์ และลงทุนด้วยงบประมาณกว่า 100 ล้านบาท สร้างแรงดึงดูด พร้อมความน่าสนใจให้กับพื้นที่จัดแสดง ช่วยเสริมความงามให้กับยนตรกรรมมากยิ่งขึ้น
อีกเรื่องที่ทำให้เราแตกต่างจากบรรยากาศการจัดงานมอเตอร์โชว์อื่นๆ คือ เรื่องของการจัดประกวดมิสมอเตอร์โชว์ที่เปิดโอกาสให้คนนอกได้แสดงความสวยและความสามารถ เข้าร่วมประกวด โดย “มิสมอเตอร์โชว์” จะทำหน้าที่เป็นเสมือนตัวแทนตลอดระยะเวลา 12 วัน ของการจัดงาน จึงนับเป็นสีสันที่สร้างความคึกคักได้เป็นอย่างดี
ดร.ปราจิน กล่าวว่า เราเชื่อว่างานบางกอก มอเตอร์โชว์ จะเป็นเสมือนงานเปิดประตูแห่งตลาดรถยนต์ในแต่ละปี เพราะในช่วง 1-2 เดือนแรกยอดขายรถยนต์ในตลาดจะไม่สูงมากนัก งานบางกอก มอเตอร์โชว์ จึงเป็นแรงกระตุ้นตลาดรถยนต์ให้เข้าสู่ฤดูการซื้อ-ขายอย่างเป็นทางการ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้ หลังจากการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตของรถยนต์ แม้จะมีการซื้อรถไปจำนวนมากในช่วงท้ายของปีที่ผ่านมา แต่เชื่อมั่นว่าวันนี้ผู้บริโภคเริ่มมีความเข้าใจและเริ่มเห็นความชัดเจนเรื่องของราคาจำหน่ายมากขึ้น บวกกับการเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่ของค่ายรถยนต์ จึงน่าจะช่วยให้ตัดสินใจจับจ่ายได้ดีขึ้นกว่าในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาอย่างแน่นอน
นายจาตุรนต์ โกมลมิศร์ กรรมการบริหาร/ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาวะของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยกำลังเข้าสู่ช่วงรอยต่อสำคัญ สะท้อนให้เห็นชัดเจนจากสภาวะเศรษฐกิจช่วงปลายปีที่ผ่านมา บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 37 จึงน่าจะเป็นตัวช่วยจุดประกายอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง
ด้วยศักยภาพแห่งการจัดงานที่ยิ่งใหญ่ และมีศักดิ์ศรีเทียบกับงานแสดงยานยนต์ในระดับโลก บริษัทรถยนต์, จักรยานยนต์หลากค่าย ตัดสินใจเลือกงานของเราเป็นเวทีในการเปิดตัวยนตรกรรมรุ่นใหม่ๆ แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในศักยภาพการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยได้เป็นอย่างดี
“ปัจจุบันพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป กลุ่มลูกค้าเดินเข้าโชว์รูมน้อยลง หันมาชมสินค้าตามงานอีเวนต์ต่างๆ เราจึงให้ความสำคัญกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในงาน ทั้งเรื่องพื้นที่กิจกรรม งานบริการ ลานทดสอบรถยนต์ เพื่อสร้างบรรยากาศกระตุ้นให้ผู้ที่มีความพร้อมสามารถตัดสินใจจับจองรถได้มากยิ่งขึ้น งานมอเตอร์โชว์จึงเป็นส่วนหนึ่งของการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ”
โดยในปีนี้เรามีรถยนต์รุ่นใหม่เข้าร่วมแสดงภายในงานกว่า 25 รุ่น ประกอบไปด้วยรถในหลากหลายเซ็กเมนต์ ไม่ว่าจะเป็น Mercedes-Benz New E-Class BMW 330e Plug-in Hybrid SUBARU FORESTER ISUZU MU-X 1.9 Ford Focus EcoBoost ฯ ซึ่งล้วนแต่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่ต้องการเลือกชมรถยนต์ก่อนการตัดสินใจจับจองได้อย่างเต็มที่ เพราะยอดจองที่เกิดขึ้นภายในงานของทุกปีส่วนหนึ่งกลุ่มผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจในช่วงต้นปีเพื่อรอโปรโมชั่นหรือแคมเปญต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในช่วงมอเตอร์โชว์
ไฮไลต์ที่น่าสนใจสำหรับผู้เข้าชม ยังคงอยู่ที่กลุ่มรถยนต์ระดับพรีเมียม เพราะมีการนำรถโรลส์-รอยซ์ รุ่น คชมงคล ที่มีการออกแบบตกแต่งพิเศษในสไตล์ของคนไทยมาร่วมโชว์ภายในงานเป็นครั้งแรก มูลค่าไม่น่าจะต่ำกว่า 40 ล้านบาท แอสตัน มาร์ติน ดีบี10 รุ่นที่ใช้ในหนังเรื่อง เจมส์บอนด์ ซึ่งผลิตมาเพียงแค่ 10 คันในโลก ก็ถูกนำมาแสดงในงานด้วยเช่นกัน อีกรุ่นก็คือ ลัมบอร์กินี อเวนทาดอร์ LP700-4 ราคา 40.5 ล้านบาท
นายจาตุรนต์ ยังกล่าวอีกว่า ในฐานะผู้จัดงาน เราคงไม่สามารถตั้งเป้าแทนค่ายรถยนต์ได้ว่าจะมียอดจองภายในงานเท่าไหร่ แต่จากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เรามียอดจองรถภายในงานเฉลี่ยอยู่ที่ 3.8–4 หมื่นคัน ซึ่งเราก็เชื่อมั่นว่าในปีนี้ยอดจองรถทุกรุ่นจะอยู่ที่ประมาณ 40,000 คัน เช่นกัน เพราะยอดจองภายในงานจะล้อไปกับสภาวะของตลาดรถยนต์ในแต่ละปีมาโดยตลอด
อย่างไรก็ตาม ยอดจองจะมากน้อยเพียงใดคงจะต้องดูเรื่องของสภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงการตลาดของค่ายรถยนต์ โปรโมชั่น แคมเปญต่างๆ ที่จะมาดึงดูดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เข้ามาเดินชมงานบางกอก มอเตอร์โชว์ ให้สามารถตัดสินใจจับจ่ายได้ ซึ่งเชื่อว่าในปีนี้จะมีการแข่งขันเพื่อสร้างยอดจองอย่างเข้มข้นแน่นอน
ทั้งนี้ การจัดงาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 37” มีบริษัทรถยนต์กว่า 30 บริษัท, จักรยานยนต์ 11 บริษัท รวมไปถึงเครื่องเสียงติดรถยนต์จากแบรนด์ชั้นนำ และอุปกรณ์ตกแต่งประดับยนต์กว่า 175 บูธ พาเหรดมาร่วมจัดแสดงพร้อมจำหน่ายอย่างคึกคัก อัดแน่นเต็มพื้นที่กว่า 140,000 ตารางเมตร ทั้งภายในและด้านนอกของอาคารชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพค เมืองทองธานี
สำหรับผู้เข้าชมงาน “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 37” มีสิทธิ์เป็นผู้โชคดีลุ้นรับรางวัลใหญ่ รถยนต์ฟอร์ด เอเวอเรสต์, ฟอร์ด เฟียสต้า และรถจักรยานยนต์อีก 5 รางวัล ร่วมสนุกด้วยวิธีการง่ายๆ เพียงตอบแบบสอบถาม ซึ่งได้รับมาพร้อมกับการซื้อตั๋วเข้าชมงาน กรอกข้อมูลให้ครบถ้วน แล้วนำมาหย่อนลงที่กล่องร่วมสนุกด้านหน้างาน จับสลากแจกรางวัลในวันที่ 3 เมษายน 2559 หรือติดตามการประกาศผลผ่านทางสื่อในเครือ บมจ.กรังด์ปรีซ์
เรื่อง : นันทพงศ์ ภักดีบุตร
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th