เผยโฉมรถใหม่ 2019 เตรียมเข้าบุกตลาดไทย !!
ปี2019นี้นับว่าเป็นอีกหนึ่งปีที่ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยดูจะคึกคักไม่แพ้ปีที่ผ่านมา เพราะดูจากยอดขายตลาดรถยนต์สะสม 4 เดือนที่ผ่านมา มีปริมาณการขาย 349,625 คัน เพิ่มขึ้น 10.5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 14.6% ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 8% เนื่องจากความนิยมในรถยนต์รุ่นใหม่ และรุ่นปรับปรุงใหม่ที่แนะนำเข้าสู่ตลาดมาตั้งแต่ต้นปี ซึ่งเป็นอีกเหตุปัจจัยที่เป็นแรงจูงใจให้ผู้บริโภคสนใจและตัดสินใจซื้อรถใหม่
คำถามคือในปีนี้ชาวไทยจะได้เห็นรถยนต์รุ่นใหม่ที่ค่ายรถยนต์ต่างๆเตรียมตัวเปิดขายในประเทศไทยซักกี่รุ่นกัน วันนี้เราจะพามาชมรถยนต์ของค่ายรถยนต์ชั้นนำในประเทศไทยที่คาดว่าจะทำการเปิดตัว และจำหน่ายอย่างเป็นทางการในไทยในปี2019 ว่าจะมีรุ่นไหนน่าสนใจบ้าง
HONDA BR-V 2019
Honda BR-V 2019 โฉมไมเนอร์เชนจ์ใหม่ หลังจากเปิดตัวและวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการที่ประเทศอินโดนีเซียเรียบร้อย คาดว่าต่อไปน่าจะเป็นประเทศไทย สำหรับ Honda BR-V 2019 ไมเนอร์เชนจ์ มีการเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก ทั้งภายนอก และ ภายในห้องโดยสาร มีการปรับดีไซน์ใหม่ให้ดูทันสมัยขึ้น หรูหราน่าใช้กว่าเดิมกันชนหน้า-หลังดีไซน์ใหม่พร้อมชายกันชนล่าง กระจังหน้าสีดำดุสปอร์ตทันสมัย เพิ่มไฟDaytime Running Light ไฟตัดหมอกคู่หน้า เสาอากาศแบบครีบฉลาม ล้ออัลลอย ดีไซน์ใหม่ สีทูโทน ขนาด 16 นิ้ว กาบข้างตัวรถพร้อมแถบโครเมียม และเพิ่มโครเมียมครอบไฟท้าย สีตัวถังภายนอก 2 สีใหม่ สีแดงมุก Passion Red Pearl และสีขาวมุก Platinum White Pearl
ภายในห้องโดยสารเป็นสีทูโทน ดำ – แดง เบาะนั่งหุ้มวัสดุหนังตกแต่งด้วยสีแดง จอเครื่องเสียง ระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 7 นิ้วลำโพง 6 ตำแหน่ง เบาะนั่งคนขับปรับได้ 6 ทิศทาง และเบาะนั่งแถวที่ 2 ที่เพิ่มความหนาของตัวเบาะมากขึ้น ด้านระบบความปลอดภัยมาตรฐานถูกติดตั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ระบบควบคุมการทรงตัว VSA, ระบบเบรก ABS/EBD และระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA เป็นต้น
ทางด้านเครื่องยนต์ และ ระบบส่งกำลัง ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด ยังคงใช้เครื่องยนต์ เบนซิน 4 สูบ 1.5 ลิตร SOHC 16 วาล์ว 1,496 ซีซี. หัวฉีดอีเล็กโทรนิกส์ PGM-FI ลิ้นปีกผีเสื้อไฟฟ้า Drive-By-Wire (DBW) พร้อมระบบ แปรผันวาล์ว i-VTEC กำลังสูงสุด 117 แรงม้า (PS) ที่ 6,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 145 นิวตันเมตร ที่ 4,800 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT รองรับน้ำมันสูงสุด E85 ขับเคลื่อนล้อหน้า
TOYOTA COROLLA ALTIS 2019
Toyota Corolla Altis 2019 เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่ประเทศไต้หวันไปพักใหญ่ แน่นอนรถยนต์รุ่นใหม่ของโตโยต้าทั้งหมดจะใช้แพลตฟอร์ม TNGA ที่เน้นจุดศูนย์ถ่วงต่ำเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนน แถมมีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร และไฮบริด 1.8 ลิตร มาพร้อมอุปกรณ์ต่างๆครบครันไม่ว่าจะเป็นไฟหน้าฮาโลเจน Bi-beam ปรับระดับสูง-ต่ำได้, เบาะนั่งหุ้มวัสดุหนัง, พวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทาง, หน้าจอ MID แบบ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว แสดงผลด้วยสี, ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง, ระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense, ถุงลมนิรภัย 7 ใบ, ระบบควบคุมเสถียรภาพ VSC, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC และระบบ Active Bending Assistant System (ACA) ใหม่ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าโค้งล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว, ไฟตัดหมอกคู่หน้า, แผงคอนโซลตกแต่งด้วยสีดำเปียโนแบล็ค, ระบบปรับอากาศ S-FLOW, ระบบอินโฟเทนเม้นท์ Toyota Drive+ Connect หน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว, กระจกมองข้างพับด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบปรับมุมต่ำอัตโนมัติเมื่อถอยหลัง และเซ็นเซอร์ช่วยกะระยะท้าย มาตรวัดความเร็วแบบดิจิตอล, หน้าจอ MID แบบสีขนาด 7 นิ้ว, พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มหนัง, ระบบอินโฟเทนเมนท์หน้าจอใหญ่ขึ้นเป็น 8 นิ้ว, กุญแจ Smart Entry พร้อมปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ และระบบเตือนมุมอับสายตา BSM เป็นต้น ในรุ่นไฮบริดจะเป็นไฟหน้า LED Bi-beam ปรับสูง-ต่ำได้จากสวิตช์ภายในรถ, ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน LED, หน้าจอ Head-up Display แสดงผลด้วยสี, เบาะนั่งผู้ขับขี่ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมระบบดันหลังไฟฟ้า, ไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร และกล้องมองภาพรอบทิศทาง ระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense ประกอบด้วย 4 ฟังก์ชั่น ได้แก่ ระบบควบคุมความเร็วแปรผันอัตโนมัติ Dynamic Radar Cruise Control, ระบบป้องกันการชนด้านหน้า Pre-collision System, ระบบเตือนรถออกนอกเลน Lane Daparture Alert และไฟสูงอัตโนมัติ Automatic High Beam
เครื่องยนต์ เบนซินรหัส 2ZR-FE ความจุ 1.8 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 140 แรงม้า (PS) ที่ 6,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 173 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT ล็อคอัตราทดได้ 7 สปีด มีอัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 14.9 กม./ลิตร และ เบนซินไฮบริดรหัส 2ZR-FXE ความจุ 1.8 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 96.5 แรงม้า ที่ 5,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 142 นิวตัน-เมตร ที่ 3,600 รอบต่อนาที และกำลังสูงสุดระบบไฮบริด 122 แรงม้า รวมกันได้กำลังสูงสุดถึง 218.5 แรงม้าเลยทีเดียว ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ E-CVT มีอัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 25.8 กม./ลิตร คาดว่า Toyota Corolla Altis 2019 ใหม่ โฉมนี้ละที่จะเป็นว่าที่ Toyota Corolla Altis ใหม่ ที่กำลังจะเปิดตัวในประเทศไทย แอบบอกเลยว่ามาแน่อีกไม่นานเกินรอครับคาดว่าในปีนี้ได้จับจองกันแน่นอนกับเวอร์ชั่นไทย เก็บเงินไว้ได้เลย
ALL NEW MAZDA 3 2019
All new Mazda 3 2019 ใช้แพลตฟอร์มใหม่ภายใต้เทคโนโลยี SKYACTIV-Vehicle Architecture ที่มีโครงสร้างตัวถังใหม่ที่แข็งแรง มีระบบช่วงล่างที่ได้รับการปรับแต่ง มีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำลงและอยู่กลางตัวรถมากที่สุด และมาพร้อมกับเครื่องยนต์ SKYACTIV-X ใหม่ล่าสุด ภายนอกของเน้นความสปอร์ตและโฉบเฉี่ยวมากขึ้น ด้วยการออกแบบกระจังหน้าที่มีขนาดใหญ่ ไฟหน้าที่โฉบเฉี่ยว เน้นเส้นสายที่คมเด่นชัดมากขึ้น ขนาดและมิติสำหรับรถรุ่นใหม่ รุ่นซีดาน มีความยาว x กว้าง x สูง เท่ากับ 4,662 x 1,797 x 1,445 มิลลิเมตร ส่วนรุ่นแฮทช์แบ็ค มีขนาดตัวถังเท่ากับ 4,459 x 1,797 x 1,440 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อยาว 2,725 มิลลิเมตร สรุปก็คือ All new Mazda 3 2019 กว้างเกือบเท่าเดิม และเตี้ยลงเล็กน้อย รุ่น 4 ประตูตัวถังจะยาวกว่ารุ่นเดิม ในขณะที่รุ่น 5 ประตูกลับสั้นลงกว่ารุ่นก่อน
ส่วนภายในห้องโดยสาร ได้รับการออกแบบใหม่ เน้นความเรียบง่ายแบบสีทูโทน โดยมีให้เลือกทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีเทาอ่อนและสีเบจ ติดตั้งหน้าจออินโฟเทนเมนท์ขนาด 8.8 นิ้ว มีปุ่มควบคุมบริเวณคอนโซลกลาง พร้อมระบบ Mazda Connect และสามารถสั่งการและควบคุมระบบต่างๆ ผ่าน Mazda Commander Control ที่บริเวณคอนโซลกลาง และมีหน้าจอ Head-up Display เพื่อแสดงผลที่กระจกหน้า
ระบบด้านความปลอดภัย ประกอบด้วย ระบบช่วยควบคุมคันเร่ง, เบรก และประคองพวงมาลัยขณะการจราจรหนาแน่น และระบบแจ้งเตือนเมื่อมีรถผ่านด้านหน้าขณะขับผ่าน 4 แยก
All new Mazda 3 2019 มาพร้อมกับเครื่องยนต์ตัวใหม่ล่าสุด SKYACTIV-X ที่สามารถใช้งานได้ทั้งระบบเบนซินและดีเซล โดยมีทั้งการเผาไหม้แบบเครื่องยนต์เบนซินทั่วไป และสามารถเปลี่ยนไปใช้ในรูปแบบการเผาไหม้แบบเครื่องยนต์ดีเซลได้อย่างราบรื่น โดยมีตัวควบคุมจุดระเบิดสำหรับการเผาไหม้ทั้งสอง เพื่อให้เครื่องยนต์ใหม่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ประหยัดน้ำมันมากขึ้น และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ทางมาสด้ายังไม่ประกาศออกมาว่าจะมีเครื่องยนต์ไหนเข้ามาขายในไทยบ้าง ซึ่งในต่างประเทศจะมีเครื่องยนต์อยู่ทั้งหมด 5 บล็อก (ขึ้นอยู่กับแต่ละภูมิภาค) ที่ยังไม่ระบุตัวเลขพละกำลัง ได้แก่
SKYACTIV-G เบนซิน ขนาด 1.5 ลิตร (ปรับปรุงใหม่)
SKYACTIV-G เบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร (ปรับปรุงใหม่)
SKYACTIV-G เบนซิน ขนาด 2.5 ลิตร (ปรับปรุงใหม่)
SKYACTIV-D เบนซิน ขนาด 1.8 ลิตร
SKYACTIV-X (Mild Hybrid)
สรุปว่าทางมาสด้าประกาศชัดเจนแล้วว่าในปี2019นี้ เราจะไปยลโฉมเจ้า All new Mazda 3 2019 อย่างแน่นอน ส่วนจะเป็นเครื่องยนต์รุ่นไหน และราคาเท่าไหร่บ้างนั้นต้องรอลุ้นกันต่ออีกไม่นานเกินรอครับ
MAZDA CX-8
Mazda CX-8 รถยนต์อเนกประสงค์รุ่นใหม่ล่าสุดที่เปิดตัวสู่สาธารณชนครั้งแรกในโลกเมื่อปลายปี 2017 ด้วยขนาดมิติตัวถังที่ใหญ่ มาสด้า วางตำแหน่ง ซีเอ็กซ์-8 ไว้ตรงกลางระหว่าง มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 และซีเอ็กซ์-9 Mazda CX-8 เป็นรถเอสยูวีแบบ 6 ที่นั่ง เบาะแถวที่สอง มีเพียง 2 ที่นั่ง แยกอิสระ ตรงกลางเป็นคอนโซลเก็บของพร้อมที่วางแก้ว ส่วนเบาะนั่งแถวที่สาม กว้างพอจะนั่งได้จริง จากมิติตัวถังที่ยาวถึง 4.9 เมตร การออกแบบทั้งภายนอกและภายในมากับแนวคิด โคโดะ ดีไซน์ หรูหราเรียบง่ายและให้ความรู้สึกสปอร์ต มาพร้อมขนาดตัวถังมีความยาว 4,900 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,840 มิลลิเมตร ความสูง 1,730 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,930 มิลลิเมตร มีพื้นที่ห้องเก็บสัมภาระด้านท้าย 239 ลิตร และเพิ่มเป็น 572 ลิตร เมื่อใช้งานเบาะแถวที่ 3 และยังมีช่องเก็บของใต้พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง เบาะนั่งแถวที่ 3 สามารถรองรับผู้โดยสารที่มีความสูง 170 เซนติเมตร
Mazda CX-8 ก็จะมีความยาวใหญ่กว่ารถ D-SUV ที่มีที่นั่ง 2 แถวในท้องตลาดโลก ถ้าเปรียบเทียบกับ CX-5 รุ่นใหม่ Mazda CX-8 มีความกว้างตัวถังใกล้เคียงกันมาก ในขณะเดียวกัน ถ้าเปรียบเทียบกับ CX-9 จะเห็นได้ว่า Mazda CX-8 มีขนาดตัวถังสั้นกว่า 17.5 ซม. แคบกว่า 12.9 ซม. ระยะฐานล้อเท่ากัน
เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.2 ลิตร Skyactiv D เวอร์ชั่น อัพเกรด 2018 ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ทั้งในส่วนของหัวฉีดที่เป็นละอองมาขึ้น เทอร์โบแปรผันเพิ่มแรงดันอากาศให้ไหลเวียนได้ดีขึ้น ส่งผลให้มีอัตราการบริโภคน้ำมันดีขึ้นกว่าเดิม ส่วนสเปคพละกำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ขับเคลื่อนสี่ล้อโดยขับล้อหน้าเป็นหลักและมากับระบบ i-activ AWD อัตราการบริโภคน้ำมันเฉลี่ย 17.6 กม./ลิตร
การออกแบบภายในห้องโดยสารของ Mazda CX-8 ใหม่ มีความหรูหราพิถิพิถันด้วยโทนสีดำ เพิ่มความหรูหราด้วยเยื้อไม้จริง พวงมาลัยหุ้มหนังพร้อมระบบอุ่น เบาะนั่งฝั่งคนขับสามารถปรับได้ 10 ทิศทางด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมระบบจดจำตำแหน่ง 2 ตำแหน่ง เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้าปรับได้ 6 ทิศทางด้วยระบบไฟฟ้า ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกอิสระ 3 โซน ม่านบังแดดหน้าต่างคู่หลัง สวิตซ์ควบคุมระบบปรับอากาศด้านหลัง พร้อมจอแสดงผลแบบดิจิตอล หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ หน้าจอแสดงผลกลางแบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ระบบนำทางเนวิเกเตอร์ ระบบเสียงคุณภาพ Bose Sound System 10 ลำโพง
เทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยของ Mazda CX-8 ใหม่ ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB ระบบเบรกอัตโนมัติ Auto Brake Hold ระบบกล้องมุมมองรอบคัน 360 องศา ระบบเบรก ABS / EBD / BA ระบบไฟหน้า Adaptive LED Headlamp ระบบควบคุมสเถียรภาพการทรงตัว DSC ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและลื่นไถล TCS ระบบเตือนแรงดันลมยาง ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA ระบบไฟสัญญาณเตือนเมื่อเบรกกะทันหัน ระบบควบคุมแรงบิดขณะเข้าโค้ง ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องจราจร ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องจราจร ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา ระบบเตือนเมื่อผ้าขับขี่เหนื่อยล้า ระบบเตือนสัญญาณจราจร TSR ระบบเบรกอัตโนมัติด้านหน้า และ ด้านหลัง ระบบความคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ระบบช่วยชะลอความเร็วอัตโนมัติ SBS ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง อดใจรอกันนิดนึงนะครับสาวกมาสด้าทั้งหลายของดีต้องรอครับ ถ้าปลายปีนี้เป็นตัวอย่างเป็นทางการเมื่อไหร่เราจะเอาข้อมูลแบบลึกๆของเจ้า Mazda CX-8 ใหม่ มาฝากกันพร้อมราคาจำหน่ายในประเทศไทยนะครับ เชื่อว่าปลายปีนี้เห็นแน่นอน
MG ZS EV 2019
MG ประเดิมรถยนต์ไฟฟ้า 100% Full-EV คันแรกของค่าย ด้วยรถรูปแบบตัวถัง SubCompact Crossover (B-SUV) MG ZS EV ถูกนำมาจัดแสดงที่งาน Bangkok International Motor Show 2019 ที่ผ่านมาก่อนเปิดตัววางจำหน่ายในประเทศไทย ในวันที่ 20 มิถุนายน 2019 ที่จะถึงนี้
ภายนอก สัดส่วนรูปร่างของ MG E ZS พลังไฟฟ้า จะมีความแตกต่างกับเวอร์ชั่นเครื่องยนต์ปกติเล็กน้อย บริเวณกระจังหน้าแบบปิดทึบ ซึ่งอุปกรณ์ที่ซ่อนอยู่ในโลโก้ MG คือ จุดชาร์จไฟที่มีให้เลือก 2 รูปแบบ, ดีไซน์รายละเอียดเส้นสายบริเวณส่วนล่างของกันชนหน้าใหม่, ระบบประตู Smart Entry, กุญแจ Keyless ดีไซน์ใหม่, ล้ออัลลอย ขนาด 17 นิ้ว ลวดลายใหม่ มาพร้อมกับยาง 215/50 R17 และ สีตัวถังใหม่ มิติตัวถัง ยาว x กว้าง x สูง : 4,314 x 1,809 x 1,620 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ Wheelbase : 2,585 มิลลิเมตร
ภายในชุดคอนโซลกลางแบบ 2 ชั้น มีช่องเสียบ USB 2 จุด พร้อมปลั้กไฟ 12V บริเวณชั้นล่าง ส่วนด้านบนเปลี่ยนจากด้ามเกียร์ปรกติเป็นควบคุมด้วยปุ่มสวิตช์แทน เบรกมือไฟฟ้าพร้อมระบบ Auto Hold เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน รวมถึงมีที่พักแขนตรงกลางและช่องเก็บของ, ที่วางแก้วน้ำ ช่อง USB สำหรับผู้โดยสารด้านหลังก็มีให้ด้วย หน้าจอความบันเทิงแบบ Touchscreen ขนาด 8 นิ้ว จะมาพร้อมกับระบบ Internet Car อัจฉริยะรุ่นล่าสุด เพื่อเพิ่มประสบการณ์ในการใช้งานฟังก์ชั่นความบันเทิงต่างๆที่มากขึ้น นอกจากนี้มาตรวัดบนมีการเปลี่ยนแปลงหน้าตาเพื่อให้สอดคล้องกับการเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ส่วนจอ MID แบบดิจิตอล ตรงกลางหันมาใช้หน้าจอสี แทนที่จอแบบ ขาว / ดำ อย่างในรุ่นปกติ
ขุมพลังขับเคลื่อนด้วย มอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ติดตั้งแบตเตอรี่ Lithium-ion จำนวน 3 แผงไว้บริเวณพื้นตัวถังรถ โดยสามารถวิ่งได้เป็นระยะทาง 335 กิโลเมตร แต่ถ้าวิ่งด้วยความเร็วสูงสุดไม่เกิน 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทาง MG ระบุว่า ระยะทางที่วิ่งได้จะถูกยืดออกไปเป็น 428 กิโลเมตร เลยทีเดียว ปลั๊กชาร์จไฟ ติดตั้งซ่อนอยู่บริเวณด้านหลัง สัญลัษณ์ MG บนกระจังหน้ารถ หัวชาร์จแบบ Type-II และ หัวชาร์จแบบ Quick Charge MG ZS EV สามารถชาร์จไฟจนเต็มได้ในเวลาประมาณ 6.5 ชั่วโมง ด้วยกำลังไฟปกติ และรองรับการชาร์จด่วนที่ลดระยะเวลาชาร์จเหลือเพียง 30 นาที (ถึงระดับ 80 เปอร์เซ็นต์) คาดราคาจำหน่ายน่าจะไม่เกิน 1.5 ล้านบาท
MITSUBISHI OUTLANDER (PHEV) 2019
MITSUBISHI OUTLANDER (PHEV) รถอเนกประสงค์ขับเคลื่อน 4 ล้อพลังงานไฟฟ้าปลั๊กอิน ไฮบริด (PHEV) รุ่นแรกของโลกที่สามารถขับเคลื่อนด้วยโหมดพลังงานไฟฟ้า 100% โดยสามารถเดินทางได้เป็นระยะ 52 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และเดินทางได้ไกลสูงสุดถึง 870 กิโลเมตรเมื่อผสานกับการขับเคลื่อนด้วยโหมดปลั๊กอินไฮบริด นอกไปจากดีไซน์อันโฉบเฉี่ยวล้ำสมัย พร้อมเทคโนโลยีการขับเคลื่อนสี่ล้อสมรรถนะสูงที่พร้อมลุยไปในทุกสภาพเส้นทางแล้ว มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ยังโดดเด่นด้วยประสิทธิภาพการบริโภคเชื้อเพลิงด้วยอัตรา 1.8 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร แต่มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำเพียง 40 กรัมต่อกิโลเมตรเท่านั้น
การดีไซน์ภายนอกดูหรูหรา เท่ห์ และมีเอกลักษณ์ โดดเด่นด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่ที่ดูสปอร์ตขึ้น ไฟหน้า LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน LED Daytime กันชนหน้าดีไซน์ใหม่หรูหราลงตัว เสาอากาศแบบครีบฉลาม พร้อมไฟท้าย LED ล้ออัลลอยลายหรู สีทูโทน ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 225/55R18 และหลังคาซันรูฟ
ภายในเบาะนั่งกึ่งหนังแท้ปรับสูง-ต่ำด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นพร้อมPaddle Shift เบรกมือไฟฟ้า กระจกมองหลังปรับแสงอัตโนมัติ ประตูท้ายเปิดไฟฟ้า เครื่องเสียงจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติแยกอุณหภูมิ ซ้าย-ขวา
ขุมพลังมีให้เลือก 5 แบบแต่คาดว่ารุ่นที่จะทำมาจำหน่ายในประเทศไทยจะเป็นเวอร์ชั่น PHEV ปลั๊กอิน ไฮบริด เครื่องยนต์เบนซิน MIVEC 2.0 ลิตร กำลังสูง 118 แรงม้า ที่ 4,500 รอบ/นาที แรงบิด 186 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบ/นาที จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว โดยให้กำลังสูงถึง 82 แรงม้า แรงบิด 137 นิวตันเมตรในมอเตอร์ตัวหน้า และ 82 แรงม้า แรงบิด 195 นิวตันเมตรในมอเตอร์ตัวหลัง เชื่อมต่อกับระบบแบตเตอร์รี่ลิเธียมไอออนขนาด 12 กิโลวัตต์ชั่วโมง เมื่อทำงานร่วมกันให้แรงม้าสูงสุด 203 แรงม้า แรงบิด 332 นิวตันเมตร พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ S-AWC อีกทั้งการวิ่งด้วยไฟฟ้าอย่างเดียวทำระยะทางได้ถึง 53 กิโลเมตรต่อการชาร์จด้วยกระแสไฟ 240V ภายในเวลา 6.5 ชั่วโมง คาดว่าน่าจะทำการเปิดตัวช่วงปลายปี 2019 นี้
ALL NEW CHEVROLET CAPTIVA 2019
ALL NEW CHEVROLET CAPTIVA 2019 เผยโฉมครั้งแรกในไทยที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 40 แคปติวารุ่นใหม่จะพร้อมจำหน่ายในช่วงครึ่งหลังของปี 2562 ด้วยราคาจำหน่ายเริ่มต้นต่ำกว่า 1 ล้านบาท
ALL NEW CHEVROLET CAPTIVA 2019 เป็นหนึ่งในรถอเนกประสงค์ที่ให้ความคุ้มค่าสูงสุดในตลาด แคปติวา รุ่นใหม่ มีพื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง สไตล์โฉบเฉี่ยว และเทคโนโลยีอัจฉริยะเหมาะกับลูกค้าที่กำลังมองหารถอเนกประสงค์ในกลุ่มเอสยูวี-บีและกลุ่มเอสยูวี-ซี ALL NEW CHEVROLET CAPTIVA 2019 ครบครันความคุ้มค่าด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ การออกแบบภายนอกที่ดูโฉบเฉี่ยวมีสไตล์กระจังหน้าทรงสี่เหลี่ยมคางหมูแบบรุ่น Equinox, ดีไซน์ไฟหน้า LED แยกส่วนแบบรุ่น Blazer และดีไซน์ด้านท้ายแบบรุ่น Traverse ไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED ดีไซน์เรียวบางที่ออกแบบให้เป็นไฟเลี้ยวในตัว, ไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LED, ไฟท้ายแบบ LED, เสาอากาศแบบครีบฉลาม, ไฟท้ายแบบ LED, ล้ออัลลอยสีทูโทนขนาด 17 นิ้ว รวมถึงมีหลังคาพาโนรามิคซันรูฟให้ด้วย พื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางโอ่โถง รถรุ่นนี้ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าคนไทยที่กำลังมองหารถอเนกประสงค์ แคปติวา รุ่นใหม่ ถือเป็นหนึ่งในรถอเนกประสงค์ที่มีพื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวางที่สุดในตลาด และมีทั้งรุ่น 5 ที่นั่งและ 7 ที่นั่ง เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT ล็อคอัตราทดได้ 8 สปีด
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRAND PRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th