เมอร์เซเดส-เบนซ์ เตรียมส่ง ซี-คลาส รุ่นปรับโฉมใหม่ลุยตลาดปลายปี
ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ แฟนเมอร์เซเดส-เบนซ์ เตรียมตัวเอาไว้ให้ดี เพราะค่ายรถหรูจากเยอรมนีเตรียมส่ง ซี-คลาส (C-Class) รุ่นปรับโฉมใหม่ที่ดูสดใหม่แทบจะทั้งคัน พร้อมระบบความปลอดภัยและเครื่องยนต์ใหม่ที่มีขนาดเล็กลงแต่ยังคงสมรรถนะขับสนุกเช่นเคย
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ได้เชิญสื่อมวลชนจากประเทศไทยไปร่วมทดสอบรถยนต์รุ่นใหม่ในกลุ่ม ซี-คลาส กันที่ประเทศลักเซมเบิร์กและเยอรมนี โดยในอีเว้นท์การจัดงานได้พบกับตัวถังที่จำหน่ายในตลาดโลกแบบครบรุ่น ทั้งแบบซาลูน (Saloon), คูเป้ (Coupe), เอสเตท (Estate) และเปิดประทุน (Cabriolet) พร้อมทั้งเผยข้อมูลสำคัญว่าจะเตรียมจำหน่ายซี-คลาส รุ่นปรับโฉมใหม่แบบเฟซลิฟท์ (เปลี่ยนหน้าตาไฟหน้า ไฟท้าย) รหัสตัวถัง W205 ซึ่งครั้งนี้ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในช่วงกลางอายุหลังจากที่เปิดตัวในไทยครั้งแรกเมื่อปี 2014
สำหรับการปรับโฉมครั้งนี้มีอะไรที่เปลี่ยนไปบ้าง เริ่มจากชิ้นส่วนที่มีการเปลี่ยนแปลง 6,500 รายการ, ระบบ Powertrain ปรับจากเดิมถึง 70%, ชิ้นส่วนภายในต่างๆ 50%, โครงสร้างตัวถัง Chassis 5%, ชิ้นส่วนและการออกแบบภายนอก 40%, ระบบ Electronic ไม่ว่าจะเป็นเซ็นเซอร์ การทำงานของระบบความปลอดภัยและ Control Unit ในระบบต่างๆ 80% เป็นการปรับเปลี่ยนเกือบทั้งคันเลยทีเดียว
Mercedes-Benz C220d Estate
โดยในช่วงไตรมาสที่ 4 เตรียมประกอบรุ่นตัวถังแบบซาลูน และหันมาจับเครื่องยนต์ดีเซลอีกครั้ง ลงในรุ่น C220d ด้วยขุมพลังขนาด 2.0 ลิตร (1,950 cc.) แบบ 4 สูบ 194 แรงม้า ที่ 3,800 รอบต่อนาที แรงบิด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,800 รอบต่อนาที และในรุ่น C200 ตัวถังคูเป้ กับเครื่องยนต์ใหม่ขนาด 1.5 ลิตร (1,497 cc.) แบบ 4 สูบ 184 แรงม้า ที่ 5,800-6,100 รอบต่อนาที แรงบิด 280 นิวตันเมตร ที่ 3,000-4,000 รอบต่อนาที ส่งพละกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด ในทั้ง 2 รุ่น ซึ่ง ซี-คลาส รุ่นปรับโฉมใหม่นี้จะเริ่มส่งมอบให้กับลูกค้าในยุโรปช่วงเดือนกรกฎาคมนี้
แต่ไฮไลท์ที่ต้องพูดถึงอยู่ที่เครื่องยนต์ใหม่ขนาด 1.5 ลิตร ที่มาพร้อมระบบ EQ Boost เป็นระบบไฟแบบ 48 โวลต์ โดยการทำงานของ EQ Boost นี้ ได้ออกแบบให้ไดชาร์จที่ทำหน้าที่ชาร์จไฟแบบปกติ มีหน้าที่นอกจากสตาร์ทเครื่องยนต์ ยังทำหน้าที่เป็นมอเตอร์บูส เพื่อเพิ่มแรงขับเคลื่อน ด้วยการไปหมุนสายพานหน้าเครื่องไปขับพูเล่ย์ (Pulley) ด้านหน้าเพลาข้อเหวี่ยงโดยตรง ทำให้เครื่องยนต์มีพละกำลังเพิ่มขึ้นอีก 14 แรงม้า ส่วนแบตเตอรี่ลูกที่ 2 ขนาด 48 โวลต์ ยังใช้การระบายความร้อนด้วยน้ำแบบแยกอิสระ ทำให้ขนาดของเครื่องยนต์เล็กลง การเผาไหม้สะอาด อัตราสิ้นเปลืองประหยัดขึ้นอีกด้วย รวมถึงระบบความปลอดภัยต่างๆ ที่ยังคงจัดให้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น Extended Active Brake Assist, Active Distance Control Distronic, Active Steering Assist Active Lane Change Assist, Active Emergency Stop Assist เป็นต้น
มาดูที่การปรับโฉมหน้าตากันบ้าง ซี-คลาส มีการออกแบบไฟหน้าใหม่เป็นแบบ LED High Performance ในรุ่นมาตรฐาน และแบบ Multibeam LED พร้อมด้วย Ultra Range High Beam ในรุ่นท็อป
LED High Performance
Multibeam LED Ultra Range High Beam
ส่วนภายในห้องโดยสารมีการปรับเปลี่ยนเช่นเดียวกัน เริ่มจากพวงมาลัยที่มาพร้อมกับดีไซน์ใหม่ New Multifunction Steering Wheel ที่มีปุ่มควบคุมแบบบ Touch Control Button หรือแบบสัมผัสใช้งานได้ง่าย โดยเรือนไมล์แบบใหม่ดูคมชัดและสบายตาด้วย Digital Cockpit ขนาด 12.3 นิ้ว, หน้าจอกลางคอนโซลเป็น Media Display ที่เพิ่มขนาดเป็น 10.25 นิ้ว สามารถปรับแสงสีในห้องโดยสารได้มากถึง 64 เฉดสี ส่วนระบบเสียงเพิ่มเติมด้วยลำโพง 9 ตัว กำลังขับ 225 วัตต์ พร้อมระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester
ทั้งนี้ ในโมเดล ซี-คลาส มีการเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 1982 จนถึงปัจจุบัน สามารถทำยอดขายรวมได้มากกว่า 9.5 ล้านคัน และในปี 2015 ทำยอดขายทะลุ 4 แสนคัน และเฉพาะในปี 2017 ซี-คลาส ตัวถังซาลูนและเอสเตท มียอดขายรวมมากกว่า 415,000 คัน ส่วนใครที่รอรุ่นเสียบปลั๊กแบบ Plug-in hybrid ยังคงต้องรอกันต่อไป ได้ข่าวมาว่าปีหน้า 2562 จะมาแน่นอน และคาดว่าจะเริ่มเผยโฉม ซี-คลาส รุ่นปรับโฉมใหม่ตั้งแต่เดือนตุลาคมไล่เรียงจากรุ่น C43 AMG, C220d และตามด้วย C200 ส่วนราคาค่อยมาลุ้นกันอีกที..แต่เชื่อเถอะ โฉมใหม่นี้สวยจับใจจริงๆ
C200 Sedan
AMG C43 4Matic Coupe
AMG C43 4Matic Sedan
C200 Sedan
เรื่อง: พุทธิ ผาสุข
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th