วิธีการเลือกใช้ยางให้เหมาะกับการใช้งาน
เป็นปัญหาโลกแตกเสมอเมื่อเราจะเปลี่ยนยางรถยนต์ซัก 1 ชุด เพราะในตลาดมีตัวเลือกมากมายเหลือเกิน ทั้งแบบประหยัด ทั้งนุ่มเงียบ หรือแม้กระทั้งแบบสปอร์ตที่ใช้ในความเร็ว เพื่อเป็นการตัดสินใจที่ง่ายขึ้นเรามาดูกันว่ายางแต่ละชนิดใช้งานแบบไหนตรงกับความต้องการของคุณหรือไม่
ยางประหยัดน้ำมัน
ยางประหยัดน้ำเหมาะกับรถยนต์ประเภท Eco Car ใช้ขับขี่ทั่วไปในชีวิตประจำวัน ข้อดีคือช่วยประหยัดน้ำมันเวลาใช้งาน ยางประเภทนี้จะมีดอกยางเป็นลักษณะร่องรีดน้ำเยอะ เนื้อยางค่อนข้างแข็งเพื่อเพิ่มอายุการใช้งานให้ยาวนานมากขึ้น ไม่เหมาะกับการใช้ความเร็วสูงสักเท่าไหร่
ยางสำหรับคนที่ชอบความนุ่มเงียบ
สำหรับยางนุ่มเงียบจะมีผิวสัมผัสหน้ายางที่มีการกระจายแรงกดแบบสม่ำเสมอ ข้อดีคือช่วยลดแรงกระแทกได้ดี มักมีการเสริมเนื้อยางพิเศษบริเวณแก้มยางช่วยในการลดแรงสั่นสะเทือน ที่สำคัญเนื้อยางจะมีความนุ่มสูงแต่จะหมดเร็วสักหน่อยถ้าเทียบกับยางประเภท Eco Car
ยางสำหรับคนที่ชอบความเร็ว
ยางประเภทนี้ควรเลือกยางหน้ากว้าง จะช่วยให้เกาะถนนได้ดี ข้อดีคือเหมาะสำหรับการขับด้วยความเร็วและพื้นถนนที่เรียบ ที่สำคัญลายของดอกยางจะมีร่องรีดน้ำน้อย
เนื้อยางเยอะ เพื่อการเกาะถนนที่มากขึ้น
นอกจากนี้เมื่อเราเปลี่ยนยางแล้ว การใช้งานที่ถูกวิธียังเป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องคำนึงถึงอีกด้วย เพื่อใช้งานให้เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งในครั้งนี้เราได้มีวิธีในการดูแลยางรถยนต์ง่ายๆ ที่ช่วยยืดการใช้งาน ให้การขับขี่ทำได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ตรวจเช็กลมยางอย่างสม่ำเสมอ
ลมยางทำหน้าที่ในการช่วยรับน้ำหนัก ช่วยการทรงตัว และคงรูปร่างของยางให้อยู่ในสภาพที่ดี โดยยางที่หมดสภาพส่วนมากเกิดจากการไม่ดูแลลมยางให้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด ไม่ว่าจะต่ำกว่าหรือสูงกว่าเกณฑ์ต่างก็ส่งผลทำให้ยางเสื่อมสภาพเร็ว เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ยางนั้นเสื่อมเร็วก่อนเวลาอันควร ควรตรวจเช็กแรงดันลมยางเป็นประจำ อย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้ง
หลีกเลี่ยงการขับขี่บนถนนขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อ
การที่เราขับรถบนพื้นผิวที่ไม่เรียบหรือขรุขระ จะส่งผลต่ออายุการใช้งานของยางรถยนต์ โดยเฉพาะบริเวณหน้ายางจะเกิดการเสียดสีกับผิวถนน ทำให้ยางรถสึกหรอมากกว่าเมื่อเทียบกับพื้นผิวถนนเรียบ และยังอาจทำให้ยางเกิดแตกหรือเสียหายได้อีกด้วย ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงจุดที่ถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ เพื่อถนอมตัวยางให้เหมือนใหม่อยู่เสมอ
ตั้งศูนย์ถ่วงล้อ
การตั้งศูนย์ล้อ คือการทำให้ส่วนประกอบต่างๆ เกี่ยวกับระบบบังคับเลี้ยว ระบบช่วงล่างล้อ และยาง ทำงานสัมพันธ์กันอย่างถูกต้อง ช่วยให้รถวิ่งได้ตรง ไม่ดึงไปทางซ้ายหรือขวา ซึ่งถ้าเราไม่ตั้งศูนย์ถ่วงล้อยางที่ใช้ขับเคลื่อนรถบนถนนจะเกิดการสึกหรอไม่เท่ากัน ซึ่งถ้าฝืนขับต่อไปจะทำให้ยางหมดสภาพเร็วขึ้นและการควบคุมรถก็ยากขึ้นตามไปด้วย
สังเกตอาการผิดปกติที่ยางรถยนต์
อาการภายนอกของยางที่เราสามารถดูได้ด้วยตาเปล่า ไม่ว่าจะเป็นยางแตกลายงา ซึ่งเกิดจากการเสื่อมสภาพตามอายุของยาง หรือได้รับความร้อนจากการจอดรถตากแดด หรือแก้มยางฉีกขาด จากการถูกของมีคมขณะขับรถหรือเบียดกับเหล็กหรือขอบถนน หรือแม้แต่ดอกยางหมดสภาพ ซึ่งอาการเหล่านี้ต้องหมั่นดูและเช็กอยู่เสมอ เพราะส่งผลโดยตรงต่อการขับขี่และอายุการใช้งานของยางรถยนต์
เรื่อง: กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th