Jaguar XJ State Hearse – รถบรรทุกพระศพที่ควีน เอลิซาเบธที่ 2 ทรงร่วมออกแบบ
Jaguar XJ State Hearse – รถบรรทุกพระศพ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2
ในระหว่างพระราชพิธีพระบรมศพสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เมื่อวันจันทร์ที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา หลายคนที่ติดตามการถ่ายทอดสดหรือรายงานข่าวคงได้เห็นภาพหีบพระบรมศพของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 อยู่บนรถบรรทุกพระศพที่มีความพิเศษของ Jaguar ผู้ผลิตรถยนต์เก่าแก่ของประเทศอังกฤษ แต่ทราบกันหรือไม่ว่ารถบรรทุกพระศพคันนี้ถูกออกแบบตามพระราชประสงค์ของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ในช่วงที่พระองค์ยังมีพระชนม์ชีพ
Jaguar XJ นับเป็นรถยนต์ซาลูนที่เป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์มายาวนานกว่าครึ่งศตวรรษ โดยผลิตออกมา 5 เจเนอเรชั่นระหว่างปี 1968-2019 ก่อนจะมีแผนพัฒนาโมเดลพลังงานไฟฟ้าที่มาถูกยกเลิกในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว ด้วยเหตุผลว่ายังไม่เหมาะสมกับวิสัยทัศน์ในปัจจุบันของบริษัท
ตามข้อมูลที่สื่ออังกฤษรายงานระบุว่า State Hearse – รถบรรทุกพระศพสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ใช้พื้นฐานจากรถยนต์ซาลูน Jaguar XJ เจเนอเรชั่นสุดท้ายที่ผลิตระหว่างปี 2010-2019 สำนักพระราชวังอังกฤษ มีการออกแบบร่วมกับทีมงาน Jaguar Land Rover โดยเชื่อว่าควีน เอลิซาเบธที่ 2 เป็นผู้ให้คำแนะนำระหว่างการสร้างรถยนต์คันนี้ด้วยพระองค์เอง และทรงอนุมัติให้ทำการสร้างรถบรรทุกพระศพคันนี้ไม่นานก่อนพระองค์สวรรคต
จากนั้น Wilcox Limousines บริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในการตบแต่งรถหรูในเมืองวีแกน ถูกเลือกให้รับผิดชอบในการสร้าง โดยรถบรรทุกพระศพคันนี้ปรากฎให้เห็นครั้งแรกระหว่างรับพระบรมศพสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ที่สนามบินฐานทัพอากาศนอร์โฮล์ต เพื่ออัญเชิญพระบรมศพสู่พระราชวังบั๊กกิ้งแฮม เมื่อวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา
Jaguar XJ คันนี้ถูกดัดแปลงด้วยการติดตั้งกระจกขนาดใหญ่ตั้งแต่กลางตัวรถจนถึงด้านท้าย หลังคาด้านบนเป็นกระจกใสพร้อมติดตั้งไฟ เพื่อให้ประชาชนมองเห็นหีบพระศพได้อย่างชัดเจนตลอดเส้นทางเคลื่อนพระศพจากมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ ใจกลางกรุงลอนดอนสู่พระราชวังวินด์เซอร์ เพื่อประกอบพิธีขั้นสุดท้ายที่โบสถ์น้อยเซนต์จอร์จภายในบริเวณของปราสาทวินด์เซอร์
โฆษกประจำสำนักพระราชวังบั๊กกิ้งแฮม ออกมาแถลงว่า “รถบรรทุกพระศพถูกออกแบบเพื่อให้ประชาชนทุกคนได้เห็นหีบพระศพของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 อย่างชัดเจนที่สุดระหว่างเคลื่อนพระศพจากกรุงลอนดอนสู่วินด์เซอร์”
นอกจากนี้รถบรรทุกพระศพ State Hearse ทำสีตัวถังเป็นโทนม่วงแดง Royal Claret ที่ถูกใช้กับรถพระที่นั่ง และราชรถของราชวงศ์อังกฤษที่ถูกเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์ Royal Mews โดยมีการติดตั้งรูปปั้นสีเงิน St. George Slaying the Dragon บริเวณด้านหน้าตามธรรมเนียมรถพระที่นั่งของควีน เอลิซาเบธที่ 2
ในขณะที่มีพระชนม์ชีพ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และเจ้าชายฟิลิป ดยุคแห่งเอดินบะระ พระราชสวามี มีความสนพระทัยในรถยนต์ โดยมี Jaguars, Daimlers และ Land Rovers เป็นรถยนต์ที่ทั้ง 2 พระองค์โปรดปราน
ทำให้ในพระราชพิธีพระบรมศพของเจ้าชายฟิลิป เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2021 มีการใช้รถยนต์ Land Rover ที่พระองค์เป็นผู้ร่วมออกแบบเป็นรถบรรทุกพระศพสู่โบสถ์น้อยเซนต์จอร์จ ในปราสาทวินด์เซอร์ เช่นเดียวกัน
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณข้อมูล: อินเตอร์เน็ต
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th
สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 รถบรรทุกพระศพ
ในโอกาสครบ 70 ปีฝ่ายออกแบบของ Bentley ทางทีมงานฝ่ายออกแบบได้แสดงถึงการทำงานสร้างสรรค์ที่มีความเป็นมายาวนานของตนด้วยการนำเอาสีที่เคยมีเป็นทางเลือกของรถในอดีตกลับมาเป็นทางเลือกใหม่อีกครั้งในปัจจุบันโดยมี 4 สีจากอดีตให้เลือก สีที่ทาง Bentleyนำกลับมาเป็นทางเลือกให้กับผู้ซื้อรถของตนใหม่อีกครั้งมีสีเทา Dove Grey, สีแดง Claret, สีขาว Old English และสีน้ำเงิน Oxford Blue ซึ่งแต่ละสีมีอายุเก่าแก่มากกว่า 30 ปี
ในขณะที่สีเทา Dove Grey เป็นสีที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดโดยย้อนไปถึงยุค Derby-era ของ Bentley ในช่วงทศวรรษที่ 1930 ในขณะที่สีแดง Claret มีความเป็นมาที่พิเศษ เพราะถูกสร้างขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อใช้กับรถ Royal Jubilee Bentley สำหรับราชินีเอลิซาเบธที่ 2 ซึ่งดูเหมือนว่าจะไม่ได้เป็นสีที่มาอายุเก่าแก่นัก แต่จริงๆ แล้วเป็นสีที่ถูกทำขึ้นมาโดยได้แรงบันดาลใจมาจากสี Royal Claret ที่ทาง Bentleyใช้กับรถสำหรับราชวงค์มาตั้งแต่ยุค 1940
ในขณะที่สีขาว Old Enlish White เป็นสีที่ทาง Bentleyใช้ตั้งแต่ยุคทศวรรษที่ 1950 ซึ่งทางผู้ผลิตรถยนต์หรูจากสหราชอาณาจักรระบุว่าเป็นสีขาว Solid White เรียบๆ ที่ไร้กาลเวลาและเสริมคุณค่าให้กับรถ ส่วนสีน้ำเงิน Oxford Blue ถูกระบุว่าเป็นสีน้ำเงินที่มีความเข้มที่สุดในโทนสีน้ำเงินของ Bentleyโดยถูกสร้างขึ้นมาในช่งทศวรรษที่ 60 และยังมีการใช้กับรถ Diamond Series ของ Bentleyในปี 1998