เอสโซ่ ประเทศไทย รุกตลาดน้ำมันเชื้อเพลิง ‘ซีเนอร์จี้’ (Synergy Fuels Technology) น้ำมันคุณภาพระดับพรีเมี่ยมตัวใหม่ล่าสุด ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีล้ำสมัยที่สุดในกลุ่มน้ำมันเชื้อเพลิง
เอสโซ่ ประเทศไทย รุกตลาดน้ำมันเชื้อเพลิง ‘ซีเนอร์จี้’ (Synergy Fuels Technology) น้ำมันคุณภาพระดับ
พรีเมี่ยมตัวใหม่ล่าสุด ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีล้ำสมัยที่สุดในกลุ่มน้ำมันเชื้อเพลิง
ยอดพงศ์ สุตธรรม – ผู้จัดการโปรแกรมการตลาด การตลาดน้ำมันภาคพื้นเอเชีย – แปซิฟิก บริษัท จำกัด – (ซ้าย)
มาโนช มั่นจิตจันทรา — กรรมการและผู้จัดการฝ่ายการตลาดขายปลีก บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) – (ขวา)
- การเปิดตัวเทคโนโลยี “ซีเนอร์จี้” ในครั้งนี้ ถือว่าเป็นการชูจุดแข็ง เพื่อข่มขวัญคู่แข่งในตลาดน้ำมันเชื้อเพลิงในบ้านเราเลยได้หรือไม่? เนื่องจาก เทคโนโลยีซีเนอร์จี้ นี้ คือเทคโนโลยีน้ำมันเชื้อเพลิงที่ล้ำหน้าที่สุด จาก เอ็กซอนโมบิล
ยอดพงศ์ – ตัวเทคโนโลยีน้ำมันเชื้อเพลิง Synergy Supreme+ ตัวนี้ ถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่ใหม่ และทันสมัยที่สุดของบริษัท เอ็กซอนโมบิล ซึ่งเราได้นำออกจำหน่ายใน 21 ประเทศทั่วโลก โดยวัตถุประสงค์หลักคือ เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำทางด้านคุณภาพน้ำมันของเรา
มาโนช – Esso Synergy ตัวนี้เป็นน้ำมันสูตรใหม่ ซึ่งเป็นการเพิ่มปริมาณสารเพิ่มคุณภาพของทุกผลิตภัณฑ์ที่เรามี ส่วนน้ำมัน Synergy Supreme+ เป็นน้ำมันเกรดพรีเมี่ยม ที่มีวางจำหน่ายในประเทศไทย ซึ่งตัวน้ำมันพรีเมี่ยมเรามีสองเกรด คือ Synergy Supreme+ แก๊สโซฮอลล์ 95 สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน และ Synergy Supreme+ ดีเซล สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล
- เพราะเหตุใดจึงใช้นิยามของ เทคโนโลยี “ซีเนอร์จี้” นี้ว่า “นำความรู้สึกเหมือนเครื่องยนต์ใหม่กลับมา”
มาโนช – อย่างที่ทราบกันดีว่า น้ำมันตัวนี้เป็นการเพิ่มปริมาณสารเพิ่มคุณภาพ ซึ่งสารตัวนี้มีคุณสมบัติในการทำความสะอาดเครื่องยนต์ได้มากขึ้นถึง 30 เปอร์เซ็นต์ และเป็นการเพิ่มการปกป้องเครื่องยนต์ได้ถึงสองเท่า ช่วยให้อัตราเร่งดีขึ้น การตอบสนองของเครื่องยนต์ดีขึ้น ทำให้เราใช้เครื่องยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เสมือนเราได้เครื่องยนต์ใหม่กลับมาใช้อีกครั้งหนึ่ง
- การปกป้องเครื่องยนต์แบบเต็มพลัง และทำให้เครื่องยนต์สะอาดขึ้น 30% ที่ว่านี้ ตั้งใจพัฒนาขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มการรักษ์สิ่งแวดล้อม รักษ์โลกในปัจจุบันด้วยหรือไม่ หรือเรียกได้ว่าใช้เป็นแผนการตลาดเพื่อช่วยเพิ่มยอดขายได้อีกทางหรือไม่
มาโนช – อาจจะไม่ได้หมายความตามนั้นโดยตรงครับ แต่ประสิทธิภาพ และสมรรถนะการทำงานของเครื่องยนต์เมื่อเครื่องยนต์ของเราสะอาด ตัวเครื่องสามารถทำความสะอาดตัวมันเองได้ดีขึ้น มีการปกป้องเครื่องยนต์ได้ดี การทำงานของเครื่องยนต์ก็มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ลดการใช้ปริมาณน้ำมันได้ดีขึ้น ก็เป็นการประหยัดน้ำมัน และลดมลพิษทางอ้อมไปในตัว
ยอดพงศ์ – ถ้าเครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว การปล่อยไอเสียก็จะลดน้อยลง ก็จะมีผลช่วยทำให้อากาศดีขึ้นครับ
- น้ำมันเชื้อเพลิงซีเนอร์จี้ ตัวนี้ เป็นตัวเดียวกันกับที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้กับ ทีมแข่งรถสูตร 1 ทีม Red Bull Formula One Racing หรือไม่
ยอดพงศ์ – เอ็กซอนโมบิล เป็นเทคโนโลยี ที่เป็นพันธมิตรเทคโนยีกับทีมรถแข่ง Red Bull Formula One Racing มาหลายปีแล้ว ตัวเทคโนโลยีน้ำมันของ Synergy เราก็ใช้ห้องแล็ปเดียวกันนี้เพื่อทำการทดลอง วิจัย พัฒนาน้ำมันเพื่อใช้ในทีมแข่งนี้อยู่แล้ว ดังนั้นมั่นใจได้เลยว่าน้ำมันของเราผ่านการทดสอบอย่างมีประสิทธิภาพอย่างดีที่สุด
- เน้นทำการตลาดไปที่ผลิตภัณฑ์ใดมากกว่ากัน ระหว่าง ดีเซล กับเบนซิน
มาโนช – สำหรับประเทศไทย ถ้าดูภาพรวมของประเทศ 2 ใน 3 ของผู้ใช้ หรือปริมาณน้ำมันที่ใช้นั้นคือ ดีเซล 1 ใน 3 จะเป็นน้ำมันเบนซิน แต่ถ้าดูแต่ละเขตก็จะไม่เท่ากัน ซึ่งสัดส่วนอาจจะสลับกันเลยก็เป็นได้ โดยเราเองออกผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคในทุกๆ ภาคส่วน
- เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งในตลาดแล้ว คิดว่า ตรงไหนคือจุดแข็งที่จะสามารถทำให้ผู้บริโภคมองเห็นแล้วหันมาสนใจกับ น้ำมัน Esso Synergy Supreme+
มาโนช – จุดแข็งของเอสโซ่เอง ในประเทศไทยเรามีมาประมาณ 125 ปี ตัวคุณภาพเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญ และเรามีความเชื่อมั่นในเรื่องคุณภาพของน้ำมันเรามาก ฉะนั้นสิ่งที่เราจะตอกย้ำคือ เรื่องของคุณภาพ “มั่นใจคุณภาพ มั่นใจเอสโซ่” ด้วยเทคโนโลยีที่เราได้จาก เอ็กซอนโมบิล เป็นเทคโนโลยีล่าสุด และดีที่สุด เราจึงมีความเชื่อมั่นว่าตรงนี้จะเป็นการตอกย้ำความเป็นที่หนึ่งของเราในเรื่องคุณภาพน้ำมัน
ยอดพงศ์ – ทางเอสโซ่เอง มีโรงกลั่นเป็นของตัวเอง ซึ่งมีผู้ค้าน้ำมันไม่กี่รายที่มีโรงกลั่นน้ำมันเป็นของตัวเอง ดังนั้นการควบคุมคุณภาพของเรา ก็เป็นการควบคุมคุณภาพตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ซึ่งหมายถึงขั้นตอนตั้งแต่การนำน้ำมันดิบเข้ามา ผ่านการกลั่น ตลอดจนการลำเลียงจัดส่งไปยังคลังน้ำมัน และส่งไปยังลูกค้า โดยเฉพาะการผลิตน้ำมันสูตรพรีเมี่ยมนี้ เรามีการควบคุมคุณภาพ แม้กระทั่งออกจากคลังไปแล้ว จนถึงมือลูกค้า เรายังใช้รถที่จำเพาะเจาะจงในการส่ง และยังมีการซีลต่างๆ เพื่อป้องกัน และให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าจะได้น้ำมันที่ดีที่สุดไปสู่รถของตัวเอง
- หากเทียบราคากับน้ำมัน Esso สูตรธรรมดาแล้ว Synergy Supreme+ มีความแตกต่างมากน้อยเท่าไร
มาโนช – ตัวน้ำมัน Synergy ของเราหมายถึงน้ำมันทุกเกรดของเอสโซ่ ไม่ใช่เฉพาะเกรดพรีเมี่ยมอย่างเดียวที่เราเพิ่มคุณภาพลงไป แต่เรายังคงราคาเดิมไว้สำหรับตัว Synergy แต่สำหรับตัวพรีเมี่ยม เราดูการตอบสนองของลูกค้าว่ามีทิศทางเพิ่มขึ้น แต่การขยายตัวนี่แต่ละที่อาจจะไม่เท่ากัน เราคงดูในแต่ละพื้นที่ว่า จุดไหนที่เราจะนำเสนอตัวน้ำมันพรีเมี่ยม แต่แน่นอนว่า เรามีแผนที่จะขยายจุดจำหน่ายให้เพิ่มขึ้นครับ
- ในยุคดิจิตัล คาดว่าจะทำการตลาดน้ำมันซีเนอร์จี้นี้อย่างไร เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้มากที่สุด
มาโนช – เรามีแผนที่จะปรับปรุงสถานีบริการน้ำมัน ส่วนหนึ่งเพื่อปรับโฉมสถานีบริการให้ทันสมัย และสว่างสะอาด ปลอดภัยมากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับการออกผลิตภัณฑ์น้ำมันสูตรใหม่ของเรา เราทำการตลาดเพื่อส่งเสริมให้ลูกค้าได้เข้าถึงตัวน้ำมันสูตรใหม่ที่เรามีออกมา ไม่ว่าจะเป็นทางโทรทัศน์ วิทยุ หรือแม้แต่สื่อออนไลน์ต่างๆ เพื่อให้มีการรับรู้ โดยเฉพาะการทำการตลาด ก็เป็นการทำเพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นโปรโมชั่นคูณสอง สำหรับลูกค้าที่มีบัตร Esso Smiles และเรายังมีแผนต่อเนื่องในเดือนตุลาคม และพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ เราก็จะมีการทำโปรโมชั่นอย่างต่อเนื่อง
ยอดพงศ์ – ผมคิดว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับลูกค้า คือความมั่นใจที่ลูกค้าจะเข้ามาใช้บริการ หรือจะเข้ามาใช้สินค้าของเอสโซ่ เขาจะมั่นใจได้ว่าจะได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงสุดออกไป ตัวนั้นเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะทำให้เกิดการกลับมาใช้ซ้ำของผู้บริโภค
- แผนการตลาดในยุคดิจิตัลนี้เป็นอย่างไร
ยอดพงศ์ – การทำการตลาด เราสามารถทำได้หลายอย่างในยุคดิจิตัลนี้ ไม่ว่าจะทำในรูปแบบเดิม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการโพสต์โฆษณา หรือผลิตภัณฑ์ คุณภาพของผลิตภัณฑ์ ในเว็บไซต์ต่างๆ แต่สิ่งที่เราให้ความสำคัญมากคือการใช้ข้อมูลจากฐานลูกค้าที่เรามีอยู่ในบัตร Esso Smiles ซึ่งได้ออกมาครบ 3 ปี แล้ว ตรงนี้เรามีฐานลูกค้าเกือบ 3,000,000 ราย เราใช้ฐานข้อมูลตรงนี้ เข้ามาทำการตลาดในลักษณะที่จำเพาะเจาะจง เรารู้พฤติกรรมของผู้บริโภค เราสามารถทำการตลาดเพื่อให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า และเชิญชวนให้ลูกค้าเขามาใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ตรงนี้ผมเห็นถึงขีดความสามารถของเราที่เพิ่มมากขึ้น เพราะฐานข้อมูลลูกค้าเราใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
อีกสิ่งหนึ่งที่เราทำคือ เราเข้าไปจับมือกับพาร์ทเนอร์ ไม่ว่าจะเป็นทาง เทสโก้โลตัส ในการที่จะแลกเปลี่ยนฐานข้อมูล เพื่อที่เราจะได้เข้าใจพฤติกรรมของลูกค้ามากขึ้น นอกเหนือจากการที่ลูกค้ามาใช้บริการของสถานีบริการน้ำมันเพียงอย่างเดียว ยังรวมไปถึงพฤติกรรมอื่นๆ ในการจับจ่ายซื้อของในเทสโก้อีกด้วย ตรงนี้เองทำให้ตอบโจทย์ และเราสามารถออกแคมเปญต่างๆ ได้ตรงกับความต้องการลูกค้าเฉพาะกลุ่มมากขึ้นครับ
มาโนช – นอกจากฐานลูกค้า 3,000,000 รายจากบัตร Esso Smiles แล้ว เรายังมี Line Connect สำหรับลูกค้าที่มีบัตร Esso Smiles ยังสามารถคลิกเข้าไปดูใน Line Connect ได้ ถึงประวัติการใช้ การเติมน้ำมัน คะแนนสะสมต่างๆ ที่สามารถนำไปแลกสิทธิพิเศษได้มากมาย หรือบริการรถฉุกเฉิน ซึ่งนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของ ดิจิตัล แพลตฟอร์ม ที่เราจะนำมาใช้เพื่อเพิ่มประสบการณ์ที่ดี ให้กับลูกค้าของเราได้
- หวังผลให้ Synergy Supreme+ มีส่วนแบ่งตลาดในตลาดน้ำมันเมืองไทยมากน้อยแค่ไหน
ยอดพงศ์ – แน่นอนว่า เราเป็น Marketer หรือนักการตลาด ทุกการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เราก็อยากจะมียอดขายที่เพิ่มขึ้นอยู่แล้ว จากประสบการณ์ของเราในการออกจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของ Synergy 21 ประเทศทั่วโลก เราพบว่าโดยเฉลี่ย ยอดขายของเราจะเพิ่มขึ้นโดยรวมมากกว่า 3% แต่สิ่งที่น่าสนใจคือในกลุ่มน้ำมันพรีเมี่ยมนี่มียอดขายเพิ่มขึ้นแบบ Double Digit หรือเพิ่มเป็นสองหลัก ในประเทศไทยก็เช่นกัน เราตั้งเป้าว่า เราจะเห็นการเติบโตโดยเฉลี่ยมากกว่า 3% และเติบโตในกลุ่มพรีเมี่ยม สูงมากกว่า 10%
- ยอดผู้ใช้บริการในประเทศไทย ถือว่าเติบโตเป็นลำดับที่เท่าไหร่ เมื่อเทียบกับยอดผู้ใช้ในภูมิภาค เอเชีย แปซิฟิก
ยอดพงศ์ – บริษัท เอ็กซอนโมบิล มีบริษัทลูกอยู่ในประเทศต่างๆ ทั่วทวีปเอเชียหลายประเทศ แต่ถ้านับความสำคัญ ประเทศไทยสำคัญอยู่ในอันดับ Top 3 ของบริษัทในเครือ ยอดขายของเราถ้าดูแล้ว ในส่วนของการขายปลีก สูงถึงประมาณ 30 – 40% ของยอดขายในทวีปเอเชีย แปซิฟิก ซึ่งตรงนี้ทางบริษัทได้เห็นความสำคัญอยู่แล้ว จึงได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์น้ำมันสูตร Synergy ขึ้นมาในประเทศไทย นอกเหนือจากนั้น ทางฝั่งคุณมาโนชเองยังได้รับการสนับสนุนการลงทุนทางด้านเครือข่าย
- การปรับโฉมใหม่ของสถานีให้บริการน้ำมัน คาดว่าจะเริ่มครบ ครอบคลุมทุกสถานีได้ภายในปีนี้หรือไม่ หรือตั้งเป้าว่าจะปรับโฉมเป็นจำนวนกี่สถานีภายในปีนี้
มาโนช – เรามองเห็นความสำคัญของตลาดเมืองไทย และการเติบโตที่ยังจะเติบโตไปข้างหน้าได้ แผนการขยายสถานีบริการ เราก็มีแผนที่จะเพิ่มขึ้น ปัจจุบันเรามีอยู่ 617 สถานี อีกสองปีข้างหน้าเราตั้งเป้า และวางงบประมาณการลงทุนไว้ว่า เราจะขยายได้เกิน 700 สถานีบริการ แต่ในระยะยาว 5 ปีไปแล้ว เราน่าจะไปถึง 800 สถานีบริการได้ครับ
- คิดเห็นอย่างไรที่ตลาดโลกมองว่าการใช้รถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV จะทำให้การบริโภคน้ำมันลดน้อยลง
ยอดพงศ์ – พูดถึงพลังงานทดแทน มีหลายรูปแบบ รถไฟฟ้าเป็นสิ่งหนึ่งในพลังงานทดแทน เราจะเห็นการเจริญเติบโตในการใช้รถยนต์ EV เพิ่มมากขึ้น แต่ความรวดเร็วในการเติบโตของแต่ละประเทศก็แตกต่างกัน ทั้งนี้บริษัทเราก็เฝ้าดูอัตรการเติบโตนี้อยู่ตลอด สำหรับประเทศไทยเอง เราจะเห็นอัตราการเติบโตอย่างชัดเจน แต่ในประเทศอื่น ไม่ว่าจะเป็นทางยุโรป หรือประเทศจีน เราจะเห็นรถ EV เข้ามามีส่วนสำคัญ และมีผลต่อยอดขายโดยรวมอยู่บ้าง แต่ภาพรวมของเอเชีย ถึงแม้ในอนาคตเรามองว่ายอดการใช้น้ำมันในกลุ่มเบนซิน อาจจะมีการเจริญเติบโตที่ลดลง เพียงแต่ว่าความต้องการตรงนั้นจะถูกทดแทนด้วยผลิตภัณฑ์น้ำมันในกลุ่มดีเซล ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ใช้ในธุรกิจการขนส่ง
เรื่อง สัญชวัล จินดารัศมี
ภาพ ประชาสัมพันธ์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRAND PRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th