เอเอเอสฯ เปิดตัว ‘ปอร์เช่ พานาเมร่า เทอร์โบ’ ประเทศแรกในเอเชียแปซิฟิก
เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้า-ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่ อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย จัดงาน ‘Panamera Sneak Preview’ เพื่อนแนะนำ ปอร์เช่ พานาเมร่า เทอร์โบ (Panamera Turbo) รุ่นใหม่ เป็นการโหมโรงเพื่อต้อนรับการมาถึงของยนตกรรมสปอร์ตแกรนทัวริ่ง 4 ประตู เจนเนอเรชั่นที่ 2 จากปอร์เช่ หลังการเปิดตัวครั้งแรกของโลกที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน และเพิ่งปรากฏโฉมอย่างน่าประทับใจในงาน Paris Motor Show ก่อนหน้าเพียง 1 วัน
โรงงานปอร์เช่ ประเทศเยอรมัน จัดส่ง พานาเมร่า เทอร์โบ มาสู่ประเทศไทยเพื่อความพิเศษสุด เฉพาะสื่อมวลชน และแขกผู้มีเกียรติ เพื่อรับมอบประสบการณ์อันยอดเยี่ยมจากการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสักขีพยานในการเปิดตัวรถยนต์ 4 ประตูสุดหรูคันนี้ เพื่อแนะนำพานาเมร่า เทอร์โบ ซึ่งมาพร้อมพละกำลังเครื่องยนต์สูงสุดถึง 550 แรงม้าอย่างเป็นทางการ รวมทั้งตัวเลือกในรุ่น พานาเมร่า 4เอส (Panamera 4S) 440 แรงม้า และพานาเมร่า 4เอส อี-ไฮบริด (Panamera 4 E-Hybrid) 462 แรงม้า
“ปอร์เช่ พานาเมร่า รุ่นแรกเป็นรถยนต์ที่สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้แก่วงการยานยนต์สปอร์ตซาลูน นับตั้งแต่การเปิดตัวต่อสายตาชาวโลกในปี 2009 ด้วยยอดจำหน่ายที่มากกว่า 150,000 คัน สำหรับทายาทลำดับที่ 2 ของ พานาเมร่า คุณจะพบว่ามันได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่เพื่อความสมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง ทั้งระบบเครื่องยนต์งานออกแบบใหม่ และเทคโนโลยีล้ำยุคมากมาย ดีไซน์ที่สะท้อนให้เห็นถึงภาพลักษณ์ที่ได้รับการสืบทอดจากรถสปอร์ต 911 ในตำนาน ทั้งหมดคือสิ่งที่ทำให้เรามั่นใจว่าปอร์เช่ พานาเมร่า รุ่นใหม่คือรถยนต์ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของยนตกรรมสปอร์ตซาลูนหรูอย่างแท้จริง” ปีเตอร์ โรห์เวอร์ กรรมการผู้จัดการปอร์เช่ ประเทศไทย กล่าวระหว่างงานเปิดตัว
ส่วนผสมที่ลงตัวของประสิทธิภาพการทำงานและสมรรถนะที่เหนือชั้นพร้อมนวัตกรรมใหม่ล่าสุดจากปอร์เช่เครื่องยนต์ V6 และ V8 Biturbo ซึ่งได้รับการคิดค้น และพัฒนาสำหรับติดตั้งในพานาเมร่า โดยเฉพาะ ขุมพลังทุกขนาดความจุผ่านการยกระดับให้ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้นทั้งในแง่ของพละกำลังสูงสุดที่มากขึ้น แต่ยังคงไว้ซึ่งประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง และปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ในปริมาณที่ต่ำ เมื่อเครื่องยนต์ชั้นเลิศประจำการร่วมกับระบบเกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะคลัตช์คู่ 8 จังหวะหรือ PDK II จึงไม่น่าแปลกใจที่จะให้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีกว่าถึง 16 เปอร์เซ็นต์เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องยนต์ในรถรุ่นก่อน
พานาเมร่า เทอร์โบ ได้รับการติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินอันทรงพลังความจุ 4.0 ลิตร Biturbo V8 สามารถผลิตกำลังสูงสุด 550 แรงม้า/404 กิโลวัตต์ (ที่ 5,750 รอบต่อนาที) และให้แรงบิดสูงสุด 770 นิวตัน-เมตร (ที่ 1,960 ถึง 4,500 รอบต่อนาที) เพิ่มขึ้นถึง 30 แรงม้า รวมทั้งแรงบิดสูงสุดเพิ่มขึ้นถึง 70 นิวตันเมตร เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อน มีอัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่งสู่ความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในเวลา 3.8 วินาที และ 3.6 วินาทีเมื่อได้รับการติดตั้งชุดแต่งสปอร์ต โครโน (Sport Chrono Package) ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 306 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตัวเลขของสมรรถนะที่ได้นั้นแสดงให้เห็นถึงอัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนัก (Power-to-weight Ratio) ที่ดีเยี่ยมในระดับ 3.6 กิโลกรัมต่อแรงม้า
สำหรับรุ่นพานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด ซึ่งได้รับการติดตั้งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เปี่ยมด้วยศักยภาพในการเดินทางด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้เป็นระยะทางถึง 50 กิโลเมตร ให้กำลังสูงสุดถึง 462 แรงม้า จากการทำงานร่วมกันของเครื่องยนต์ และระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงที่น่าอัศจรรย์ในระดับ 40 กิโลเมตรต่อลิตร (2.5 ลิตร/100 กิโลเมตร) ตามมาตรฐานการทดสอบอัตราการบริโภคเชื้อเพลิงของยานพาหนะ Plug-in Hybrid ของ NEDC ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ (Co2) ในอัตราที่ต่ำเพียง 56 กรัมต่อกิโลเมตร มีอัตราเร่งจากจุดสตาร์ทไปที่ความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในระยะเวลาเพียง 4.6 วินาที และทำความเร็วสูงสุดทะลุ 278 กิโลเมตรได้อย่างง่ายดาย
สำหรับราคาจำหน่ายในประเทศไทย พานาเมร่า เทอร์โบ (Panamera Turbo) ราคาเริ่มต้นที่ 21.9 ล้านบาท; พานาเมร่า 4 เอส (Panamera 4S) ราคาเริ่มต้นที่ 13.5 ล้านบาท; พานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด (Panamera 4 E-Hybrid) ราคาเริ่มต้นที่ 9.8 ล้านบาท (ราคาพิเศษช่วงเปิดตัว)
เรื่อง: กองบรรณาธิการ
ขอบคุณข้อมูล: เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th