เอ็กซ์เทรล ไฮบริด ใหม่ เอสยูวีสุดเจ๋ง จากนิสสัน
เอาละครับตลาดรถยนต์ไฮบริดบ้านเราน่าจะสนุกขึ้น เพราะหลังจากที่นิสสันหันมาสนใจลงเล่นในตลาดรถยนต์ไฮบริด หลังจากปล่อยให้ค่ายอื่นๆเค้ากินกันจนเกือบอิ่ม มาทั้งทีพี่เค้าไม่ธรรมดานะครับ จัดรถเอสยูวีเลย แน่นอนจะเป็นรุ่นไหนไปไม่ได้นอกจาก นิสสันเอ็กซ์เทรล ไฮบริดที่ภายหลังการเปิดตัวก็สามารถสร้างกระแสได้ดีทีเดียว ลูกค้าให้ความสนใจเยอะมาก ดูจากยอดจองทะลุ 2000 คันแล้วเปิดมาแปปเดียวเอง เล่นเอาเจ้าเอ็กซ์เทรล เบนซิน เงียบไปเลย วันนี้หลังจากเปิดตัวได้ไม่นาน ทางนิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย ก็จัดให้สื่อมวลชน รวมทั้งทาง GPINEWS ไปทดสอบทดลองขับกันในเส้นทางกรุงเทพ – ราชบุรี (สวนผึ้ง) ประมาณ 160 กิโลเมตร
เรามาเริ่มกันที่เจ้า เอ็กซ์เทรล ไฮบริด คันนี้รูปลักษณ์ภายนอกมันมีอะไรแตกแต่งจากเจ้าตัวเบนซิน โดยรวมไม่มีอะไรแตกต่างกันมากเพียงแต่เจ้าไฮบริดได้แต่งเติมสีสันเพิ่มให้ดูว่าเป็นรถยนต์ไฮบริดเท่านั้น เรามาเริ่มจากด้านหน้ากันก่อนเลยดีกว่า พูดกันตรงๆไม่ค่อยมีอะไรแตกต่างมากนักทั้งรูปทรง ทั้งขนาดตัวทั้ง จะแตกต่างกันตรงที่กระจังหน้า คิ้วขอบกันชน คิ้วขอบประตูท้าย ที่เพิ่มโครมสีฟ้าพิเศษ และโลโก้ไฮบริด เพิ่มเข้ามาเท่านั้น ล้อแม็กตัวท็อปของเครื่องเบนซินจะให้ขอบ 18 นิ้ว แต่ตัวท็อปของไฮบริดจะให้ขอบ 17 นิ้ว เสาอากาศตัวเบนซินเป็นเสาธรรมดา ส่วนของไฮบริดจะเป็นแบบ Shark Fin
ภายในก็เหมือนกันแทบทุกอย่างจะมีเพิ่มเติมเข้ามาก็ตรงแผงหน้าปัดที่เพิ่มในส่วนของการแสดงข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับไฮบริดเข้ามา เบาะแถวสองในตัวเบนซินสามารถเลื่อนเดินหน้าถอยหลัง ปรับเอน พับได้40:20:40 แต่ในตัวไฮบริด ปรับเอนได้อย่างเดียว เดินหน้าถอยหลังไม่ได้ และพับได้ 60:40 ส่วนเบาะแถวสามในตัวเบนซินจะพับเรียบแบบ 50:50 ในตัวไฮบริดจะไม่มีเบาะแถวสามเพราะเอาไว้วางแบตเตอรี่ หลังคาตัวท็อปเบนซินจะให้ซันรูฟแบบพาโนรามิค แต่ในตัวไฮบริดไม่มีให้นะครับ
มาถึงไฮไลท์ของเจ้าคันนี้คือเครื่องยนต์ 2.5 cc QR25DE 4สูบ 171 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 233 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที แต่เจ้าตัวไฮบริดจะใช้เครื่องยนต์ 2.0 MR20DD Hybrid 4สูบ 144 แรงม้า แต่มีมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาเสริมอีก 41 แรงม้าแรงบิดที่ 200 นิวตันเมตรที่ 4,400 รอบ บวกมอเตอร์ไฟฟ้าอีก 160 นิวตันเมตร ดูจากสเป็คเครื่องแล้วตัวไฮบริดน่าจะ ทั้งแรง ขับสนุก เงียบ และประหยัดกว่า วิ่งดีกว่าตัวเครื่องเบนซิน 2.5 แน่นอน มาลองกันดีกว่า
เราเริ่มออกเดินทางแต่เช้าแถวสาธร กดปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์เงียบกริบครับ เพราะยังทำงานด้วยระบบมอเตอร์ไฟฟ้าอยู่ถ้าแบตเตอรี่มีไฟฟ้าเพียงพอนะ การออกตัวแหมม ! ทำได้ดีมากครับเพราะจากมอเตอร์ลงล้อตรงๆเลยออกตัวดีกว่าเบนซินเยอะครับ ขับออกมาบนถนนสาธร โอ้ !!แม่เจ้ารถเยอะเหลือเกิน วิ่งสลับกับหยุดนิ่ง แต่แอร์ทำงานเย็นฉ่ำเพราะใช้คอมเพรสเซอร์แอร์ไฟฟ้า ไม่ได้พ่วงสายพานกับเครื่องยนต์ ถนนเริ่มโล่งกดคันเร่งลงไปเครื่องยนต์ทำงาน และทำหน้าที่ชาร์จไฟกลับเข้าไปเก็บในแบตเตอรี่ การขับออกตัวจากจุดหยุดนิ่งและการเร่งที่ความเร็วต่ำ พบว่าเครื่องยนต์ มอเตอร์ไฟฟ้า และเกียร์อัตโนมัติ CVT ทำงานประสานกันได้ดี การเร่งแซงลัดเลาะไปตามช่องว่างของถนนทำได้ดีคล่องตัวการทำความเร็วทำได้ต่อเนื่องและทันใจพอสมควร และในช่วงเบรกก่อนรถจะหยุดนิ่ง รวมทั้งช่วยออกตัวหรือขับช้าๆ ตามสภาพการจราจร พบว่าเครื่องยนต์จะตัดการทำงาน (ขึ้นอยู่กับปริมาณไฟฟ้าในแบตเตอรี่ด้วย) การใช้งานในเมืองถือว่าดีเลยทีเดียวครับ เพราะเจ้าคันนี้จะใช้ไฟฟ้ามากกว่าเครื่องยนต์ทำให้ประหยัดน้ำมัน
แต่เมื่อออกไปนอกเมืองวิ่งทางไกลๆยาวๆ กดคันเร่งต่อเนื่องรู้สึกว่าเครื่องยนต์มันจะทำงานตลอดเวลา ลองกดคันเร่งเบาๆก็แล้ว แตะนิดๆก็แล้ว เครื่องมันก็ทำงานอยู่ดี หรือบางจังหวะ ถ้าไฟฟ้าในแบตเตอรี่ของระบบไฮบริดเหลือน้อย เครื่องยนต์ก็จะทำงานเพื่อชาร์จไฟกลับเข้าไปเก็บในแบตเตอรี่ ก็เลยสงสัยว่าไอ้ที่เค้าโฆษณาว่าวิ่งด้วยไฟฟ้าได้ถึงความเร็ว 120 กม./ชม.มันทำยังไงหว่าแบบนี้เวลาวิ่งต่างจังหวัดก็ใช้เครื่องยนต์เป็นหลักใช้ไฟฟ้าช่วยเสริม แบบนี้มันจะประหยัดยังไง เลยไปถามทางนิสสันได้คำตอบมาว่าระบบ Pure Drive Hybrid ของ นิสสัน เอ็กซ์เทรล ไฮบริด ไม่ได้เน้นการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าล้วนๆ และไม่มีสวิตช์เปิด-ปิดระบบ EV Mode แต่เน้นให้มอเตอร์ช่วยเสริมการทำงานของเครื่องยนต์ เพื่อให้มีกำลังในการขับเคลื่อนที่ดี เหมาะสมกับประเภทของรถแบบเอสยูวี ที่อาจมีการลุยทางวิบากบ้าง และจากการทดสอบของญี่ปุ่น พบว่า มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงดีกว่ารุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2,000 ซีซี ประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์
Pure Drive Hybrid ของนิสสันเมื่อใช้ความเร็วสูงระดับ 120 กม./ชม.แล้วยกเท้าออกจากคันเร่งหรือปล่อยไหลลงเขา เครื่องยนต์ก็ยังหยุดการทำงาน ต่างจากรถไฮบริดรุ่นอื่นที่เครื่องยนต์จะตัดการทำงานที่ความเร็วไม่เกิน 30-60 กม./ชม. ถ้าใช้ความเร็วสูงกว่านี้เครื่องยนต์จะไม่หยุดทำงาน ระบบ Pure Drive Hybrid จึงช่วยให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้อีกเล็กน้อย มีโหมด ECO ให้ช่วยเพิ่มความประหยัดได้อีกนิดนึง
ถ้าขับใช้งานทั่วไปส่วนใหญ่เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าจะทำงานควบคู่กัน แต่ถ้าอยากประหยัดสุดๆใช้ไฟฟ้าอย่างเดียวจะต้อง ค่อยๆเลยนะ เพิ่มน้ำหนักในการกดคันเร่ง ถ้าเนียนพอจะสามารถขับด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าได้ถึงความเร็ว 80 กม./ชม. แต่คงยากและลำบากมากที่จะขับแบบนี้ ส่วนการชาร์จไฟฟ้ากลับเข้าไปเก็บในแบตเตอรี่ จะเกิดขึ้นเมื่อยกคันเร่ง ชลอความเร็ว หรือเบรก รวมทั้งการชาร์จด้วยการทำงานของเครื่องยนต์ แบตเตอรี่ลูกเล็กบางรับประกัน 10 ปี ใช้ยาวครับแต่ถ้าหมดประกันได้ข่าวมาว่าลูกละ 1 แสนนะตัวเธอหลังจากขับแบบใช้งานจริงมีเร่งแซงและใช้ความเร็วสูงเป็นบางจังหวะ ได้อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยประมาณ 13.8 กม./ลิตร
ระบบกันสะเทือนอิสระพร้อมเหล็กกันโคลงทั้ง 4 ล้อ ด้านหน้าแม็กเฟอร์สัน ด้านหลังมัลติลิงก์ ได้รับการปรับปรุงเพื่อให้เหมาะกับรถรุ่นนี้โดยเฉพาะ โดยเพิ่มความหนืดของโช็คอีกเล็กน้อย ช่วยให้การเข้าโค้งดีขึ้นลดอาการโคลงของตัวรถ ส่วนล้อและยางขนาด 225/65 R17 เลือกใช้ยางแบบประหยัดน้ำมัน แต่ยี่ห้อที่ให้มายางมันเสียงดังเหลือเกิน พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้าพร้อม Speed Sensor มีการผ่อนแรงที่พอเหมาะสม ช่วยให้ขับรถคันใหญ่ได้อย่างคล่องตัวเมื่อใช้งานในเมือง และหนืดตึงมือให้ความมั่นใจเมื่อต้องใช้ความเร็วสูงบนทางคดเคี้ยว ระบบเบรกแบบไฟฟ้า สร้างแรงดึงได้อย่างเพียงพอกับความแรงของรถ อาจจะต้องใช้เวลาให้ชินสักพักถึงจะเบรกได้อย่างนุ่มนวล
นิสสัน เอ็กซ์เทรล ไฮบริด 2.0V 4WD คันนี้ผมว่าท่านไหนที่ต้องการหารถยนต์SUV ที่ได้ทั้งความสบายความประหยัดขึ้นอีกนิด เน้นใช้งานในเมือง ออกต่างจังหวัดบ้างบางครั้ง อัตราเร่งอยู่ในระดับเพียงพอกับการใช้งาน พร้อมที่เก็บสัมภาระด้านหลังขนาดใหญ่ พื้นที่กว้างขวางราคาที่น่าสนใจ 1,395,000 บาท ผมว่าคันนี้น่าสนใจทีเดียวครับ
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
เรียบเรียงข้อมูลโดย กรังด์ปรีซ์ออนไลน์ GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th