โตโยต้าส่งออฟโรดสมรรถนะสูง TRD Pro 3 รุ่น ขายลูกค้ามะกัน
คล้ายๆ จะเป็นการเอาคืนแบบข้ามทวีป Toyota ขาใหญ่วงการรถยนต์ญี่ปุ่น จัดการเปิดตัวรถออฟโรดสมรรถนะสูงในซีรีส์ TRD Pro พร้อมกัน 3 รุ่น เพื่อขายในประเทศสหรัฐฯ หลังจากไม่กี่วันก่อน Ford ค่ายรถชั้นนำสัญชาติอเมริกัน เพิ่งจะใช้เมืองไทย เป็นเวทีรอบเวิลด์พรีเมียร์รถกระบะ Ford Ranger Raptor ที่จะขายในแถบเอเชียแปซิฟิกที่เป็นฐานสำคัญของ Toyota
ระหว่างงานแสดงรถยนต์ชิคาโก ออโต้โชว์ 2018 ที่เมืองชิคาโก ประเทศสหรัฐฯ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา Toyota นำเสนอรถออฟโรดรุ่นพิเศษภายใต้แบรนด์ TRD Pro Series โดยเลือก Tundra, 4Runner และ Tacoma มาอัพเกรดให้มีสมรรถนะการขับที่พร้อมลุยทุกสภาพถนน ด้วยการใส่ชุดโช๊คอัพ Fox รวมทั้งอุปกรณ์ชุดแต่งพิเศษที่ได้รับการออกแบบจากทีมวิศวกร Toyota Racing Development (TRD)
ความพิเศษของทั้ง 3 รุ่น จะเป็นระบบช่วงล่างที่จะใช้โช๊คอัพรุ่น Fox Internal Bypass 2.5 นิ้ว ที่มีการปรับจูนพิเศษเพื่อให้รองรับการใช้งานในทุกสถานการณ์ ทั้งการขับด้วยความเร็วสูงกลางทะเลทราย, ขับไต่หน้าผาหินด้วยความเร็วต่ำ หรือใช้งานปกติในชีวิตประจำวันขับจากบ้าน-ออฟฟิศที่ให้ความสบายเหมือนรถยนต์ทั่วไป
แต่ความพิเศษไม่อยู่แค่ระบบช่วงล่างเท่านั้นอย่างในรถ Tacoma TRD Pro ที่ขนาดเท่ากับ Hilux Revo ที่ขายในบ้านเรา มีการเพิ่มความพรีเมียมในห้องโดยสารด้วยการติดตั้งชุดเครื่องเสียง JBL, ระบบนำทาง และระบบสั่งงานด้วยเสียง App Suite พร้อมอุปกรณ์พิเศษที่ดึงดูดทุกสายตากับท่อสนอร์เกิ้ล TRD Desert Air Intake ถูกออกแบบเพื่อรองรับการใช้งานท่ามกลางฝุ่นทราย เพื่อช่วยให้รีดพลังเครื่องยนต์ 3.5 ลิตร 278 แรงม้าออกมาอย่างเต็มที่ โดยจะใช้ยาง Goodyear Wrangler Kevlar All-Terrain ขนาด P265/70R16
ในขณะที่กระบะฟูลไซส์ Tundra TRD Pro มีการเพิ่มออปชั่นใหม่เพื่อให้สมฐานะโมเดล ปี 2019 ชุดโช๊คอัพ Fox จะมีการปรับให้เหมาะสมกับขนาดตัวรถ ติดตั้งไฟตัดหมอก Rigid Industries LED ช่วยให้การมองเห็นชัดเจนมากขึ้นในการขับบนไฮเวย์หรือในเมือง ภายในห้องโดยสารเป็นเบาะหนังพิเศษเดินตะเข็บด้วยด้ายสีแดงพร้อมสัญลักษณ์ TRD Pro โดยจะมาพร้อมล้อแม็ก BBS 18 นิ้ว และยาง Michelin All-terrain ขนาด P275/65R18
สุดท้ายรถอเนกประสงค์หนึ่งเดียวของการเปิดตัวครั้งนี้ 4Runner TRD Pro เปลี่ยนแร็คหลังคาให้รองรับการเก็บอุปกรณ์หรือเสื้อผ้าที่สกปรกจากการตั้งแค้มป์ในช่วงสุดสัปดาห์, แผ่นรองกันกระแทกใต้ห้องเครื่องยนต์สีขาวพร้อมปั๊มโลโก้ TRD, ล้ออัลลอยด์ 17 นิ้วพร้อมยาง All-terrain Nitto Terra Grappler P265/70R17
แต่การที่รถรุ่นปกติเข้าสู่ช่วงปลายเจเนอเรชั่นเต็มที่ทำให้ 4Runner TRD Pro ต้องเสริมความหรูหราแบบเดียวกับ Tacoma ไม่ว่าจะเป็นชุดเครื่องเสียง JBL, ระบบนำทาง และระบบสั่งงานด้วยเสียง App Suite เช่นเดียวกับชุดไฟหน้า-หลัง
ถึงจะอัพเกรดมาเพื่อลุยเต็มที่ แต่ TRD Pro Series ไม่ลืมให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัย โดยรถทั้ง 3 รุ่นจะมาพร้อมมาตรฐาน Star Safety System ประกอบด้วยระบบควบคุมการทรงตัว Vehicle Stability Control (VSC), ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี Traction Control (TRAC), ระบบเบรก ABS, ระบบระบบควบคุมการกระจายแรงเบรก Electronic Brake-force Distribution (EBD), ระบบช่วยเสริมแรงเบรก Brake Assist (BA) และระบบช่วยหยุดรถอัจฉริยะ Smart Stop Technology (SST)
นอกจากนี้ Tundra กับ Tacoma จะเพิ่มระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense P (TSS-P) ที่จะมีระบบเตือนการชน และตรวจจับคนข้ามถนน Pre-Collision System with Pedestrian Detection (PCS w/PD), ระบบเตือนการออกนอกช่องจราจร และระบบช่วยควบคุมพวงมาลัย Lane Departure Alert (LDA) with Sway Warning System (SWS), ระบบไฟหน้าอัตโนมัติ Automatic High Beams (AHB) และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Dynamic Radar Cruise Control (DRCC)
สำหรับรถกระบะซีรีส์ TRD Pro จะเริ่มต้นขายในประเทศสหรัฐฯ ช่วงปลายปี 2018 โดยทุกรุ่นจะมีให้เลือก 3 โทนสี Super White, Midnight Black Metallic และ Voodoo Blue (สีพิเศษของ TRD Pro)
เรื่อง: พูนทวี สุวัตถิกุล
ขอบคุณข้อมูล: pressroom.toyota.com
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th