ที่นี่ประเทศไทย ใบขับขี่ผ่านแอพ ความล้มเหลวในการสื่อสาร
หลังจากกรมขนส่งทางบกประกาศออกมาอย่างสวยหรูว่าต่อไปคนไทยจะได้ใช้ ใบขับขี่แบบดิจิทัล หรือ ใบขับขี่ผ่านแอพพลิเคชั่นในสมาร์ทโฟน เพื่อความสะดวกสบาย และอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ โดยประกาศให้ประชาชนใช้ได้อย่างเป็นทางการในวันที่ 15 มกราคม 2562 ที่ผ่านมา
ในทันทีที่ขนส่งประกาศใช้งานใบขับขี่แบบดิจิทัลผ่านแอพพลิเคชั่นในสมาร์ทโฟนอย่างเป็นทางการสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ชี้แจงสวนกลับมาว่าในทางปฏิบัติการเรียกตรวจผู้ขับขี่ที่กระทำความผิดกฎหมายจราจร ผู้ขับขี่จะต้องแสดงใบอนุญาตขับขี่ต่อเจ้าพนักงานตำรวจจราจร และหากกระทำผิดจริง ตำรวจมีอำนาจยึดใบอนุญาตขับขี่และออกใบสั่งให้ผู้กระทำความผิดชำระค่าปรับตามกฎหมาย โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 140 แห่ง พ.ร.บ.จราจรทางบกปี 2522 โดยในขณะนี้กฎหมายฉบับดังกล่าวอยู่ระหว่างดำเนินการแก้ไขเรื่องการยกเลิกเรียกเก็บใบอนุญาตขับขี่ เพื่อให้รองรับการใช้ใบขับขี่ดิจิทัล
ดังนั้นในระหว่างนี้ตำรวจจราจรยังมีอำนาจที่จะยึดใบอนุญาตขับขี่ หากไม่สามารถนำใบอนุญาตขับขี่มาแสดงได้ จะมีความผิดเพิ่มอีกข้อหาไม่พกพาใบอนุญาตขับขี่ นั้นเป็นเพราะกฎหมาย 2 ฉบับ ได้แก่ พ.ร.บ.จราจรทางบก กับ พ.ร.บ.ขนส่งทางบกมันขัดแย้งกันทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติขอให้เลื่อนการใช้ใบขับขี่ดิจิทัลออกไปก่อนจนกว่าการแก้ไขกฎหมายจะแล้วเสร็จสมบูรณ์
ล่าสุดกรมการขนส่งทางบก ยอมถอยพร้อมเผยว่า จากที่ขนส่งทางบกได้ประกาศให้วันนี้ (15 ม.ค.) เป็นวันแรกที่เปิดให้ประชาชนดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น DLT QR licent บนมือถือ และสามารถดาวน์โหลดใบขับขี่ลงบนมือถือเพื่อใช้งานผ่านสมาร์ทโฟน เรียกว่าใบขับขี่อัฉริยะนั้น ในเรื่องนี้ได้สร้างความสับสนอย่างมาก ว่าใบขับขี่อัจฉริยะจะมาแทนใบขับขี่กระดาษ “ขอยืนยันว่าแม้ว่าประชาชนจะใช้ใบขับขี่อัจฉริยะผ่านมือถือ แต่การใช้งานจริงตามกฎหมายประชาชนยังต้องมีการพกพาใบขับขี่กระดาษอยู่ เพราะตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกปี พ.ศ.2522 ใบขับขี่อัจฉริยะถือเป็นทางเลือกเท่านั้น และการพัฒนาแอพพลิเคชั่น ถือเป็นการพัฒนาตามนโยบาย 4.0 ตามนโยบายของรัฐบาล ในการพัฒนาระบบเพิ่มอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน”
“สรุปสุดท้ายครับ แม้ว่าคุณจะใช้ใบขับขี่แบบดิจิทัลผ่านแอพพลิเคชั่นในสมาร์ทโฟน แต่การใช้งานจริงตามกฎหมายคุณยังคงต้องมีการพกพาใบขับขี่กระดาษอยู่นั้นเองเพราะกฎหมาย พ.ร.บ.จราจรทางบกยังไม่ได้แก้ ตำรวจจับได้ถ้าไม่พกใบขับขี่ เอาเป็นว่าประชาชนอย่างเราทำอะไรไม่ได้ครับ บกใบขับขี่แบบเดิมต่อไปครับ ไม่ต้องโหลดแอพพลิเคชั่นมาให้เปลืองเมมโมรี่หรอกครับ สุดท้ายขอฝากถึงผู้มีอำนาจของทั้ง 2 หน่วยงานนะครับรบกวนท่านช่วยสื่อสารกันระหว่างองค์กร ปรึกษา ตกผลึกกันให้ดีก่อนจะลงมือทำ และออกมาประกาศให้ประชาชนรับรู้ หรือให้ใช้งาน จะได้ไม่เกิดการสับสนของประชาชนทั่วไป ได้แต่หวังว่าจะมีการพัฒนาเชื่อมระบบจากแอพพลิเคชั่นระหว่างขนส่งทางบก กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ในอนาคตอันใกล้นี้นะครับ”
เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th