เปิดประสบการณ์สุดขั้วโลก ไซบีเรีย-มอสโก ตอนที่ 3
เข้าสู่วันที่ 3 ของการเดินทาง เป็นเช้าอีกหนึ่งวันที่ตื่นมาด้วยความสดชื่นเพราะเมื่อวานนี้เรามาถึงเมืองTyumen ช่วงหัวค่ำไม่ดึกมาก ต้องบอกว่าทุกเช้าผมแทบจะไม่ได้รับประทานอาหารเลย เพราะคิดไว้แล้วว่าจะเอาเวลาช่วงนี้ไว้พักผ่อน และเตรียมตัวเก็บสัมภาระแบบไม่เร่งรีบ ในรถมาสด้าสำหรับสื่อมวลชนมีขนมที่ถูกเติมจนแน่น รวมทั้งรถเสบียงมาสด้า BT-50
ที่ครบทั้งหม้อหุ้งข้าว มาม่า ชากาแฟ โจ๊ก ทำให้ไม่ต้องกลัวจะหิวเลย ทีมงานทั้งหมดรวมทั้งผมลงมายังลานจอดรถใต้ดินของโรงแรมเพื่อประชุมเส้นทางในวันนี้มุ่งหน้าสู่เมือง Yekaterinburg ระยะทาง 320 กม. เท่านั้น ก่อนล้อหมุนก็จัดการดูแลความสะอาดรถเท่าที่ทำได้ เพราะไฟหน้าและไฟท้ายเต็มไปด้วยโคลนที่เกิดจากหิมะและดินระหว่างทางจนแทบไม่เห็นไฟสัญญาณ เอาทิชชูเปียกที่เตรียมมาเช็ดมันซะ กระจกรถรอบคันก็แทบมองไม่เห็นจัดการให้อยู่ในสภาพที่ปลอดภัยกับเราเองดีกว่า
ถึงเวลาขึ้นรถกดปุ่มสตาร์ท คาราวานต้องฝ่าสภาพการจราจรรถติดในเมืองก่อน เหมือนวันที่ผ่านมาทำให้พอมีเวลาชื่นชมวิถีชีวิตคนที่นี่ ก่อนเข้าสู่ทางหลวงที่ต้อนรับชาวคณะด้วยหิมะที่โปรยปราย กับทุ่มนาร้างสุดลูกหูลูกตาไร้ซึ่งแสงแดดจัดๆ ที่จะพอให้คนไทยกลุ่มเล็กๆ คลายหนาวไปได้บ้าง เสียงวิทยุสื่อสารดังมาเป็นระยะเพื่อบอกสภาพถนน และการจัดรูปแบบขบวนที่ต้องเร่งแซงรถบรรทุกเป็นระยะตลอดวัน เนื่องจากถนนเป็นเลนสวน ทำให้ผู้นำทางของเราต้องทำหน้าที่อย่างหนักเพื่อพาเราไปได้ตามเวลาตารางที่กำหนด เพราะถ้าพลาดจุดไหนนั้นหมายความว่าการเดินทางจะรวน ทำให้ต้องเสียเวลาออกไป แต่นี่คือความสนุกของผู้ขับขี่ที่ได้กดคันเร่งเจ้า CX-3 ใช้งานกันแบบหนักหน่วง เร่งแซง เร่งรอบ ตามจังหวะคำสั่งของผู้นำทาง แต่ถึงวันนี้ผ่านมาจากมองโกเลียเป็นพันๆ กิโลเมตรยังไม่มีคันไหนงอแงให้เห็นมีแต่ลื่นและแรงรอให้ผู้ขับขี่มาท้าทาย
บรรยากาศภายในรถแป็นไปอย่างสนุกสนาน สมาชิกแต่ละคันคุยกันอย่างออกรสผ่านวิทยุสื่อสาร พอช่วงให้หายง่วงนอนกันได้บ้าง เพราะถึงตอนนี้ร่างกายแต่ละคนคุ้นชินกับหิมะตก และอุณภูมิระดับติดลบกันได้ หลายคนเริ่มที่จะไม่ตื่นเต้นกับเนินดินที่ขาวโพลนจนต้องรีบหยิบกล้องไปถ่ายรูปเซลฟี่เหมือนสองวันแรก เพราะอยู่ในรถอากาศอบอุ่นกว่า และเริ่มมีพื้นที่ของตัวเองจัดมุมวางเครื่องดื่ม เครื่องนอน และของเล่น เวลาแวะปั้มน้ำมันทีก็ลงไปสำรวจร้านมินิมาร์ท ผมสังเกตุว่าบางคนก็ชอบที่จะหาเครื่องดื่มแปลกๆ ลองเพื่อวันสุดท้ายจะได้หาซื้อกลับไปฝากคนที่บ้าน แต่สำหรับผมชอบที่จะชิมขนมและช๊อคโกเล็ตแท่งใส่ถั่ว ดูว่าอันไหนดี เดี๋ยวจะสรุปวันสุดท้ายซื้อกลับเหมือนกัน เพราะหลายอย่างราคาไม่แพงถูกกว่าบ้านเราเยอะ นอกจากประสบการณ์การขับรถที่เรียกว่าที่สุดในชีวิตแล้ว เรื่องขนมต่างแดนก็สำคัญไม่แพ้กัน
แต่แล้วก็มีเรื่องตื่นเต้นจนได้เพราะขบวนคาราวานถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกหยุดตรวจเอกสาร แน่ละทุกคนมีใบขับขี่สากล ทุกคนคาดเข็มขัด เกิดอะไรขึ้น หรือเราขับรถเร็วเกินกำหนด? คำถามต่างๆ ผุดขึ้นมา พอๆ กับความกังวล แต่สรุปได้ว่าเจ้าหน้าที่เห็นว่าเป็นขบวนรถต่างชาติจึงขอดูเอกสารและให้ข้อมูลอบรมการขับขี่รถในรัสเซียสักเล็กน้อยเพื่อความปลอดภัย เราเดินทางกันต่อได้อย่างราบรืนจนมาถึงที่หมายของวันนี้ซึ่งมีระยะทางสั้นกว่าเดินมาก ตอนแรกตั้งใจจะให้ถึงก่อนเที่ยงเพื่อเที่ยวชมเมืองที่มีประวัติศาสตร์ดำคัญของรัสเซียอีกเมืองหนึ่ง แต่ด้วยหลายเหตุการ ทั้งการแวะจอดรถกัน ตำรวจโบก หรือจอดเช็คความพร้อมของรถ เช่น ลมยางอ่อน น้ำฉีดกระจกหมด (ที่นี่ใช้น้ำแบบแอนดี้ฟ๊อซ กันน้ำฉีดกระจกจับตัวเป็นน้ำแข็งที่ข้างขวดเขียนว่ากันได้ถึง -30 องศา) บ่ายสามคาราวานมาสด้า สกายแอคทีฟ “เปิดประสบการณ์สุดขั้วโลก” ก็มาถึงด้วยความที่ถนนก่อนเข้าเมืองเปลี่ยนจากสองเลนเป็นสี่เลนทำให้ใช้ความเร็วได้มากขึ้น “เมืองเอกาเต็นเบิร์ก” เต็มไปด้วยผู้คนและสิ่งปลูกสร้างที่เจริญกว่าเมืองก่อนหน้า ถนนที่จราจรอัดแน่น รถรางที่วิ่งกันแบบไม่ลืมหูลืมตา ร้านค้าและห้างสรรพสินค้าที่ดึงความสนใจจากคนขับชาวไทยไปได้จนแทบลืมมองถนน โดยเฉพาะสาวๆ รัสเซียที่ยิ้มแย้มแจ่มใสและให้ความสนใจกับรถแปลกตากลุ่มนี้ ว่าเค้าเป็นใครและกำลังจะไปที่ไหน จนเรามาถึงโรงแรมพาร์คอิน เรดิสัน ย่านใจกลางเมืองที่ขนาบด้วยแหล่งช๊อปปิ้งทำให้ทุกคนตาลุกวาวรีบจอดรถเพื่อออกไปเดินแล่น แต่ผู้นำทริ๊ปก็บอกว่าทุกท่านอย่าลืมทานข้าวกันก่อนแยกย้าย ไม่ต้องรีบเกินไป มื้อนี้ผมจัดอาหารเกาหลีมาให้แก้เลี่ยน
พอกินอิ่มตามสไตล์ใครถึงห้างก่อนชนะผมมีโอกาสสำรวจอยู่หลายแห่งสรุปแล้วเมืองนี้น้ำหอมแบรนด์เนมถูกมาก จนซื้อกลับได้พอเป็นของฝาก รวมทั้งพวกสินค้าแฟชั่นวัยรุ่น รองเท้าลิมิเต็ด เสื้อผ้ากีฬาก็มีให้เลือกซื้อ ก่อนกลับถึงโรงแรมเพื่อร่วมดินเนอร์ วันนี้หลายคนเลือกที่จะนั่งรวมกันอยู่ล๊อบบี้แทบที่ปรกติจะหายเข้าไปพักผ่อนในห้องตัวเอง นั่นเพราะความชินอากาศ การขับรถ และเวลารัสเซียแล้ว
พรุ่งนี้มีระยะทางที่พอกับวันนี้ ถือว่าเป็นทริ๊ปที่น่าประทับใจจนต้องเก็บไว้ในความทรงจำอีกครั้ง มันไม่ง่ายหรอกที่คนไทยจะมาขับรถข้ามทวีปจากเอเซียเพื่อเข้ายุโรปแบบนี้ ยังไงมันเหนื่อยแต่ความสนุกเรื่องราวระหว่างทางมีอรรถรสมากกว่าการนั่งเครื่องซื้อทัวร์มาแน่นอน มาดูกันว่าเจ้า CX-3 จะพิสูจน์ตัวเองต่อไปจนถึงจุดหมายปลายทางสำเร็จหรือไม่ เพราะคนมาสด้าแจ้งว่า “ไม่มีอะไร…หยุดยั้งเราได้
เรื่อง/ภาพ : ณัฐพล จีระมงคลกุล
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th