ไฟฉุกเฉิน ใช้อย่างไรให้ถูกต้อง?
ไฟฉุกเฉินถือว่าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างมากสำหรับคนใช้รถใช้ถนน เพราะหากยังใช้กันอย่างไม่เข้าใจและไม่ถูกต้องจะทำให้ผู้ที่ร่วมเส้นทางเกิดการเข้าใจผิด!! แล้วแบบไหนคือวิธีที่ถูกต้องกันแน่? วันนี้ Grand Prix Online นำความรู้มาแชร์ให้ทราบค่ะว่าไฟฉุกเฉินตามหลักสากลที่จริงนั้นใช้กันอย่างไร
จริงๆแล้วไฟฉุกเฉินมีไว้เพื่อบอกสัญญานเวลารถเสียหรือมีปัญหาที่ไม่สามารถขับต่อไปได้เท่านั้น แต่สำหรับประเทศไทยยังมีการใช้ไฟฉุกเฉินแบบผิดวิธี เช่น
1.การใช้ไฟฉุกเฉินเพื่อข้ามสี่แยก : หากเปิดไฟฉุกเฉินบริเวณ 4 แยก จะยิ่งทำให้เกิดอันตรายมากขึ้น เพราะรถที่อยู่ทางด้านข้างจะมองเห็นไฟกระพริบเราได้เพียงมุมเดียวเท่านั้น ซึ่งก็จะทำให้รถทางซ้ายและทางขวาที่ตามมาเกิดการเข้าใจผิดและสับสนได้
2.การใช้ไฟฉุกเฉินในกรณีจอดซื้อของข้างทาง : การจอดรถในกรณีนี้เป็นวิธีที่ไม่ถูกต้อง เพราะไฟฉุกเฉินมีไว้ใช้เฉพาะเวลารถมีปัญหาฉุกเฉินจริงๆเท่านั้น เช่นรถเสียกลางทางไม่สามารถขับต่อไปได้
3.การใช้ไฟฉุกเฉินเมื่อฝนตกหนัก : การใช้ไฟฉุกเฉินระหว่างฝนตกหนัก ถือว่าเป็นเรื่องที่ก่อให้เกิดอันตรายอย่างมากเพราะจะทำให้รถที่ขับตาม มองไม่ชัดเจนว่าเราจะเลี้ยวไปในทิศทางไหน
การใช้ไฟฉุกเฉินแบบผิดวิธีมีให้เห็นกันบ่อยจนกลายเป็นเรื่องที่ชินตาต่อสังคมไปเสียแล้ว เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งปัญหายอดนิยมของผู้ที่ใช้เส้นทางร่วมกัน หากมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งจะยิ่งทำให้ผู้ร่วมเส้นทางเกิดความสับสนมากขึ้น จุดนี้ถือว่าสร้างอันตรายอย่างมากสำหรับคนที่ใช้รถใช้รถร่วมกัน
จริงๆแล้วหลายประเทศมีมาตรฐานในการใช้ไฟฉุกเฉินเหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่นในประเทศญี่ปุ่นเป็นชาติหนึ่งที่ขึ้นชื่อในเรื่องความมีระเบียบไม่เว้นแม้แต่กระทั่งบนถนน คนญี่ปุ่นจึงเป็นคนที่มีน้ำใจแถมยังรู้จักการขอบคุณ จึงทำให้การใช้สัญญานไฟฉุกเฉินเป็นไปด้วยความเข้าใจตามหลักสากลโลก อย่างเช่นการกระพริบไฟฉุกเฉิน 2 ครั้งแสดงถึงคำขอบคุณของคนญี่ปุ่นนั่นเอง
สรุปแล้ว สัญญาณไฟฉุกเฉินนี้ จะใช้ก็ต่อเมื่อรถนั้นได้จอดอยู่กับที่หรือมีเหตุการณ์ฉุกเฉินเท่านั้น หากเราขับรถอย่างระมัดระวังพร้อมทำถูกกฏระเบียบหลักสากล เราเองก็จะเป็นผู้ใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัยค่ะ
เรื่อง หยกสวรรค์ วิมลเศรษฐ
ข้อมูลจาก : www.auto.sanook.com , www.kmotors.co.th
ภาพจาก : www.bkkcar.com , www.thairath.co.th , www.auto.mthai.com , www.ak7.picdn.net
เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th