เช้าวันที่ 3 ของการเดินทางกับทริปเปิดประสบการณ์สุดขอบฟ้ากับ มาสด้าเรายังคงต้องตื่นกันแต่เช้า เพราะเรามีโปรแกรมการเดินข้ามประเทศไปนอนกันที่สวีเดน 6 โมงเช้าของนอร์เวย์ซึ่งเวลาที่นอร์เวย์ช้ากว่าเมืองไทย 5 ชั่วโมงสายฝนยังคงตกมาไม่ขาดสาย เก็บกระเป๋าขึ้นรถมาสด้า CX-5 ที่จอดอยู่ตรงลานจอดหน้าโรงแรมซึ่งต้องเสียค่าจอดด้วยจ้าทั้งที่เราจ่ายเงินค่าโรงแรมคืนละหมื่นกว่าบาท เช้ามายังต้องจ่ายค่าจอดด้วยคิดเป็นชั่วโมงเลยจ้าแพงเอาเรื่องเราจอดตั้งแต่ 3 ทุ่มถึง 8 โมงเช้าโดนค่าจอดไปคันละ 2 พันกว่าบาทโหดจริงๆประเทศนี้ทุกอย่างเป็นเงินหมดแถมแพงด้วยเราไม่รอช้ารีบออกจากที่จอดกันดีกว่าเดี๋ยวเสียเงินเพิ่ม

ออกจากเมือง Tromso ประเทศนอร์เวย์ขับวนข้ามสะพานออกนอกเมืองโบกมือลาเมือง Tromso ที่อยู่เบื้องหลังพร้อมเก็บความงดงามไว้ในความทรงจำมุ่งหน้าออกเดินทางเก็บเกี่ยวประสบการณ์สุดขอบฟ้ากับต่อ วันนี้ 660 กิโลเมตรไกลกว่าเมื่อวานอีกถนนยังคงแคบ และเล็กเหมือนเดิมวิวสองข้างทางเริ่มผ่านหมู่บ้านเยอะขึ้นนั้นหมายความว่าเราต้องใช้ความเร็วช้าลงไปอีกเพราะกล้องเยอะมากถ้าโดนจับไปไม่คุ้มพูดเลยค่าปรับแพงแบบมหาโหดแต่เราก็ใช่ว่าจะทำความเร็วไม่ได้เลยเพราะที่นี่เค้าจะมีป้ายเตือนก่อนว่าข้างหน้าจะมีกล้องพอเราเห็นป้ายปุ๊บก็เบรกเลยแล้วก็ไหลไปตามความเร็วที่เค้ากำหนดแค่นี้ก็รอจากใบสั่งแล้ว

เส้นทางในวันนี้เริ่มแรกเลยเราจะวิ่งในนอร์เวย์แล้วไปข้ามเข้าสวีเดนเลย แต่มีการเปลี่ยนแผนเล็กน้อยเพราะมันมีอยู่ 2 เส้นทางที่ไปได้อีกทางหนึ่งคือวิ่งข้ามไปฟินแลนด์ก่อนแล้วข้ามเข้าสวีเดนซึ่งทั้งคณะก็เห็นด้วยขอขับเข้าไปเช็คอินซะหน่อยเราจึงควบเจ้า CX-5 มุ่งหน้าสู่เขตแดนของประเทศฟินแลนด์ทันทีในใจผมวาดฝันไว้ว่ามันต้องเป็นด่านชายแดนใหญ่สวยงามมีตรวจเอกสารเหมือนเราข้ามไปพม่า ลาว แต่สิ่งที่เห็น

มีป้ายเล็กข้างถนนว่าถ้าขับเลยป้ายนี้ไปก็ฟินแลนด์แล้วนะ ความฝันจะถ่ายรูปกับด่านข้ามแดนใหญ่โตสลายไปถ่ายกับป้ายข้างทางก็ได้ยังไงก็ถือว่าได้มาฟินแลนด์แล้ว อิอิ ฝั่งยุโรปเค้าสามารถวิ่งไปมาได้แบบสะดวกสบายไม่ต้องมารอเอกสารอะไรทั้งสิ้นได้วีซ่าเชงเก้นแล้วมีใบขับขี่สากลแล้วขับไปประเทศไหนก็ได้สบายจังอยากให้เอเชียเป็นแบบนี้บ้าง

ขับเข้ามาถึงฟินแลนด์บ้านซานตาคลอสทั้งทีสิ่งแรกที่เราทำเลี้ยวเข้าปั๊มเพราะรถเราน้ำมันเหลือน้อยเติมทีแถมที่นี่น้ำมันถูกกว่า นอร์เวย์ ลิตรละหลายตังอยู่และผมก็ปวดฉี่ตั้งแต่อยู่ในนอร์เวย์แล้วเลยจัดซะเลย เราได้สร้างแลนด์มาร์คไว้แล้วถึงฟินแลนด์แล้วครับผมทำธุระถ่ายรูปดูของในมินิมาร์ทเรียบร้อย

ก็ออกเดินทางกันต่อเลยเดินทางในฟินแลนด์ยาวๆไปเราขับเลาะตะเข็บฟินแลนด์ สวีเดน ไปเรื่อยๆตรงยาวๆไปวิวข้างทางก็จะเป็นต้นไม่ต้นเล็กแห้งๆหน่อยแต่ที่สังเกตได้คือถนนครับเพราะในนอร์เวย์ถนนเรียบและดีมาก แต่พอข้ามมาฟินแลนด์เริ่มมีหลุม บ่อ ถนนขรุขระ

แต่ก็ขับได้อย่างสบายครับเพราะระบบกันสะเทือนของ CX-5 ใหม่ เป็นแบบอิสระพร้อมเหล็กกันโคลงทั้ง 4 ล้อ ด้านหน้าแม็กเฟอร์สันสตรัต ด้านหลังมัลติลิงก์ ช่วงล่างปรับเซตเพื่อความนุ่มนวล ขับความเร็วต่ำถึงปานกลางนุ่มนวลและผ่อนคลาย สามารถดูดซับแรงสั่นสะเทือนจากพื้นผิวของถนนได้ดี การเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงระบบ G-VECTORING CONTROL (GVC) ระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะ เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดภายใต้ชุดเทคโนโลยี SKYACTIV-VEHICLE DYNAMICS ระบบ GVC

ช่วยควบคุมสมรรถนะในการขับขี่ให้แม่นยําและสมดุลขับง่ายมากครับ เค้าโค้งได้อย่างแม่นยำและนุ่มนวล ขับชิลล์มากจนมาข้ามสะพานเล็กเข้าเขตประเทศสวีเดนจร้า วิวเปลี่ยนอีกแล้วเราเริ่มเห็นใบไม้สีเหลืองสลับแดงดูแล้วเพลินตา เราจอดแวะดื่มกาแฟข้างทางเพื่อผ่อนคลายและดื่มด่ำกับบรรยากาศอันแสนงดงามสูดโอโซนให้เต็มปอดถามรูปกันให้เมมเต็ม

ก่อนออกเดินทางกันต่อขับออกมาสายตามองสองข้างทางไปเพลินๆเพื่อเก็บสิ่งที่เห็นเมมเข้าหัวให้ได้เยอะสุด บางจังหวะมองเพลินไปหน่อยรถเอียงขาวเหยียบเส้นซะงั้นดีนะถนนทีนี่เวลาเหยียบเส้นขาวมันจะมีเสียงคลื่นๆให้ได้ยินทำให้เรากลับมามีสมาธิขับรถ เพราะเส้นมันมีผิวขรุขระปลอดภัยดีครับเวลาง่วงหรือเพลินๆรถเอียงออกไปข้างทางจะไปรู้สึกดึงรถกลับมาทัน

ยังไม่จบครับเราลัดเลาะมาตามเส้นทางชนบทที่ไม่ค่อยมีชาดต่างชาติมาเที่ยวขับบ้านหมู่บ้านเล็กภาพที่เห็นราวกับในการ์ตูนบ้านน่ารักมากข้ามสะพานผ่านน้ำตกงดงามเหมือนฝันมีหรอเราจะพลาดจอดรถถ่ายรูปกันหน่อยดีกว่า

น้ำตกชื่อ Jock fall ไม่ใหญ่มากแต่สวยงามเกินบรรยายถ่ายรูปเสร็จรีบออกเดินทางต่อเพราะหิวข้าวแล้วเพราะนี่มันจะบ่ายสองแล้ว ขับลัดเลาะมาเรื่อยโดยใช้ความเร็วมากไม่ได้เพราะผ่านหมู่บ้านเยอะซักพักใหญ่เราก็ถึงร้านอาหารบอกเลยว่าอาหารมื้อนี้ไม่มีปลา เย้ เย้ มีเนื้อให้เรากินแล้วกินจนอิ่มก็ออกเดินทางต่อระยะทางยังอีกไกล

ฟ้าเริ่มจะมืดลงไปเรื่อยๆถนนเริ่มมืดสนิทเพราะเส้นทางในยุโรปตามเมืองเล็กจะไม่มีไฟถนนมืดสนิทมากๆ ไฟหน้าอัตโนมัติของมาสด้า CX-5 ส่องสว่างขึ้นมาแถมยังไม่รบกวนสายตาของเพื่อนคันข้างหน้า และคันข้างด้วยเพราะ มีระบบ ALH (Adaptive LED Headlamps) ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ ปรับการทํางานของไฟ สูง – ต่ำ แยกอิสระ ซ้าย – ขวา โดยอัตโนมัติ ให้เหมาะสมกับสภาพถนนระยะห่างจากตําแหน่งของรถคันหน้า หรือรถที่วิ่งสวนมาเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ยามค่ำคืน และช่วยให้การทํางานของไฟสูง ไม่ไปรบกวนรถคันอื่นทำให้ผมขับง่ายขึ้นเยอะในเวลากลางคืนที่มืดสนิทขนาดนี้ และแล้วเราก็เดินทางมาถึงเมือง Lulea จอดรถเสร็จวางกระเป๋าไว้ลอบบี้พุ่งตรงไปกินข้าวเย็นก่อนเลย เพราะกว่าจะถึงเกือบจะ 4 ทุ่มเข้าไปแล้วหิวมากอาหารเย็นเราในวันนี้แน่นอนที่สุด ปลา จร้า กลับมาทริปนี้ผมนี่ฉลาดขึ้น แถมหน้าตึงเพราะเต็มไปด้วยคอลโลเจนแน่นอนกินปลามันทุกมื้อเลย

Lulea ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศสวีเดน เป็นเมืองท่าทางตอนเหนือของประเทศมีบทบาทสำคัญในช่วงยุคศตวรรษที่ 13-15 เมืองนี้เป็นที่รู้จักในฐานะศูนย์กลางอุตสาหกรรมด้านไอทีเรียกได้ว่าเป็นเบอร์ต้นๆของสแกนดิเนเวียเลย ซึ่งเมืองมีจะมีบริษัทชั้นนำเกี่ยวกับเทคโนโลยีมากกว่า 10 แห่ง และยังมีโบสถ์ที่เป็นมรดกโลก และ โบสถ์สไตล์นีโอโกธิความสูง 67 เมตร ซึ่งเป็นอาคารที่สูงสุดของเมืองแล้ว

กินข้าวเสร็จเดินออกไปชิลล์ในเมืองซะหน่อยดีกว่า จริงๆแล้วจะไปช็อปที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตซะหน่อยเพราะของที่นี่ถูกกว่านอร์เวย์ ต้องยอมรับว่าเมืองน่าอยู่มากครับ สะอาด อากาศดี เดินบ้านย่านการค้าคล้ายกับสยามบ้านเราแต่สะอาดเป็นระเบียบกว่าเสียดายเรามาถึงดึกร้านปิดหมดเลยได้แค่เดินดูดดื่มซึมซับบรรยากาศรอบตัวไปเรื่อยๆ ก่อนเข้านอนพร้อมออกเดินทางที่แสนยาวไกลได้วันรุ่งขึ้น

เรื่อง : ณัฐพล เดชสิงห์

เรียบเรียงข้อมูลโดย GRANDPRIX ONLINE

ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ยนต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th